กุมภาพันธ์ 2554

 
 
1
2
3
4
6
7
8
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
 
 
All Blog
แมงเม่า คำที่ คนเล่นหุ้นถูกดูแคลน
เวลาเหมือนสายน้ำ และผ่านพ้นด้วยความเร็วเสมือนคงที่ในความรู้สึกที่รวดเร็ว
หลายวันทีี่่ผ่านมา ได้อ่านพบกระทู้ บทความ ต่างๆ และมีคำว่า แมงเม่า ให้ได้เห็น ก็เลยอยากมาคุยกันเรื่องแมงเม่า เฉพาะที่มีความหมายกับคนเล่นหุ้น
คำว่า" แมงเม่า " เท่าที่จำได้ บังเกิดขึ้น หลังจากดัชนีตลาดหุ้นบ้านเราเริ่มลง จากประมาณ 1700 จุด เมื่อสิบกว่าปีก่อน เพราะขณะนั้น มีชาวหุ้นลมเจ็บขาดทุนมากมาย สื่อแรกที่เสนอชื่อนี้ คือ สื่อ นสพ แถมอธิบายวงจรชีวิตของ แมลงประเภทนี้ ว่าเป็นบ้านปลายชีวิต (อีกไม่นานก็ต้องตายจากโลกนี้) และสาเหตุที่ตายเร็วคือความโง่บัดซบของตนเอง ที่หลงระเริงกับการบินรอบกองไฟ รอบแสงสว่าง จนความร้อนและรังสีความร้อนเผาผลาญให้เซลที่เหลือน้อยในร่างกายต้องมอดหมดและตายไปในที่สุด (เหมือนกับว่า หากไม่มาบินรอบกองไฟ อาจมีชีวิตยาวนานอีกสักนิดพอได้กระมัง ปานนั้น)
ต่อมา คำว่า " แมงเม่า " ก็กลายเป็นคำดูถูก แหนบแนม หยามผู้คนที่เล่นหุ้นแล้วขาดทุนเป็นหลัก ส่วนสังคมภายนอกที่ไม่มีความชำนาญเรื่องหุ้น ก็ใช้คำนี้ เป็นคำดูหมิ่น คนที่เล่นหุ้นว่า โง่เขลาเบาปัญญา เสมือนเล่นพนัน น่ารังเกียดสุดทน อะไร ๆ ทำนองนี้
ทั้งนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ไม่เคยเลยสักครั้ง เพื่อมาอธิบายว่าระบบนี้ โดยกฎธรรมชาติเป็นเช่นไร แต่กลับชักชวนผู้คนเข้ามาโดยอ้างคำว่า " ลงทุน " ให้ดูมีเกีรยติยศน่ายกย่อง ชั้นสูง ยะโสขึ้น อีกด้านหนึ่งของคำพูดกลับเตือนว่า" การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดพิจารณา" ช่างเป็นมนุษย์สองหน้าได้แนบเนียนปานนั้น
ที่น่าฉงน คือ มีคนเล่นหุ้นด้วยกันเอง กลับมาต่อว่า คนอื่น ๆ ที่เล่นหุ้นด้วยกันว่า แมงเม่า โดยเริ่มมีใช้เรื่องกลยุทธการเล่นมาให้เป็นเหตุผลสนับสนุน คือ การเล่นสั้น หรือเล่นถือยาว ช่างไร้เดียวสาจริง ๆ หารู้ไม่ว่า ก่อนที่จะเล่นแบบเล่นรอบยาว ได้ ต้องผ่านการถือครองที่ผ่านเวลาสั้นแห่งความผันผวนให้ได้ก่อน คนที่ทนผ่านเวลานั้นได้ (ต้องมีเหตุปัจจัยอื่นมาช่วย จึงทนได้ เช่น มีเงินทุนมาก เงินเย็น และสถานะการณ์ขณะนั้น ๆ ช่วยส่งเสริม อยากบอกว่าโชคช่วย มากกว่า ฝีมือเสียก่อน เพราะเห็นมานักต่อนักแล้วว่า คนมีความรู้ระดับสูง ๆ หรืออ่านปัจจัยพื้นฐานได้ขาด ก็ขาดทุนเพราะสถานการณ์ไม่เอื้อ ดั่งเหมือนสมัยฟองสบู่แตก)

ช่างเถิด เมื่อสังคมไม่สนใจ ตัวเราคนเดียวจะไปขัดข้องหมองใจให้เหนื่อยเปล่าทำไม อีกก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวโดยตรง(แต่เกี่ยวทางอ้อม เมื่อคนส่วนใหญ่กลัว คนเล่นหุ้นก็น้อย เงินที่เข้ามาหนุนราคาหุ้นที่นับวันมีแต่เพิ่มจำนวนหุ้นใหม่มีมากขึ้น สุดท้ายหุ้นเก่าราคาก็ตก เหลือเพียงไม่กี่ตัวที่คงอยู่ หุ้นดีที่เหลืออีกมากมายก็ค่อย ๆ ตกกระแส ไม่มีสภาพคล่อง ระบบตลาดก็นับวันอ่อนแอลง หรือไม่ก็ไม่มีภูมิคุ้มกัน) จะคิดเป็นอย่างไรดี ถ้าไม่ใช้คำว่า แล้วแต่เวรกรรม



Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2554 13:44:47 น.
Counter : 2136 Pageviews.

4 comments
  

โดนใจครับ
โดย: 123 IP: 125.26.246.163 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:41:40 น.
  
เขียนได้ดีมากครับ
โดย: เยี่ยม! IP: 124.120.220.238 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:27:00 น.
  
"ก่อนที่จะเล่นแบบเล่นรอบยาว ได้ ต้องผ่านการถือครองที่ผ่านเวลาสั้นแห่งความผันผวนให้ได้ก่อน"

จริงอย่างยิ่งครับสำหรับข้อความนี้ ถ้านักลงทุนไม่สามารถผ่านช่วงนี้ไปได้ ก็ยากที่จะถือยาวได้ แม้ว่าจะเข้าใจและศึกษาบริษัทฯ ที่ถืออยู่เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม อย่างน้อยนักลงทุนต้องมีประสบการณ์ขาดทุนมาจนกระทั่งเข้าใจและทำใจได้ระดับหนึ่งแล้วเท่านั้น
โดย: จิ้งจกเขียว IP: 183.89.255.86 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:50:24 น.
  
โดย: inkpooh วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:26:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nowya
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]



ชาวกรุงเทพฯ เล่นหุ้นมาตั้งแต่ตลาดหุ้นอยู่สยามเซ็นเตอร์ ผ่านการกำไรและเจ๊ง ครบทุกรส มองเห็นขบวนการปั่นราคา และมองเห็นรายย่อยที่เล่นเจ๊งกันต่อหน้าต่อตา ยืนอยู่หลัง ผจก ตลาดฯ สมัยมีคนจะฆ่าตัวตายที่อาคารสินธร
เห็นใจรายย่อยที่เข้ามาเล่นแบบไม่รู้อะไร แต่อยากรวยเร็ว ๆ ด้วยทุนน้อยๆ อยากเก็งกำไร แต่ไม่รู้อะไรคือวิถีการเก็งกำไร
จึงอยากมีส่วนในการช่วยชี้แนะบ้างเท่านั้นเอง
New Comments