ปี 2540 ดัชนีต้นปี 803 จุด ปลายปี 372   อย่างนี้คือ วิกฤต ต้มยำกุ้ง ส่วนปี2551  เรียกว่า ผันผวน ช่วงที่รุนแรงมากคือ ประมาณ เดือน ตุลาคม 2551 ดัชนีมีติด circuit   breaker  และช่วงธันวาคม 2549  ก็มี circuit   breaker  ล้วนเป็นช่วงผันผวน    ถ้าจะดูจากกราฟ ก็โดยที่แท่งเทียนลงแรง ๆ แล้วปิดที่ต่ำสุด  อย่างน้อย 2 วันใน 5 วัน  อย่างนี้เรียกเกิด วิกฤต ส่วนรูปแท่งเทียน ยาว แต่สุดท้ายทิ้งไส้เทียนส่วนล่างไว้ มาก เรียกว่า ผันผวน
ผันผวน คือ จากนี้ไป  ราคาจะขึ้นลงรุนแรง  ตามสถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนและตามข่าวที่ชาวหุ้นส่วนใหญ่รับรู้  มีข่าวแก้ปัญหาเป็นข่าวดี มีข่าวว่าเกิดปัญหาอีกก็เป็นข่าวร้าย    ส่วนวิกฤต คือ กระแสเงินออกจากตลาดแล้วไม่เข้ามาใน 3 วัน 5 วันเพราะข่าวพื้นฐานเป็นข่าวหลักรุนแรงและแม้มีข่าวแก้ ก็ไม่อาจลบล้างข่าวเดิม  จึงเกิดความกลัว มากกว่ากังวล  กระแสเงินจะไม่เข้าตลาด

กลับมาเมื่อวันที่ 22 - 23  กย 2554 ที่ผ่านมา ถ้ารวมกันสองวัน รวมก็ - 6.89%  ถ้าคิดเป็นรายวัน สองวันรวมก็ - 7.06%  ถือว่า รุนแรง ระดับต้น ๆ

จากนี้ต้องทำอย่างไร  คงตอบได้ว่า
1...รอดูกระแสเงินเข้า  และออก โดยเทียบต่อดัชนี 52 ล้านบาทต่อ 1 จุดต่อ วัน (วันที่23กย54)  และเป็นการปิดบวก  (อย่างนี้คือ กระแสเงินไหลเข้า)  แต่หากปิด ลบ  ก็ยังถือเป็นกระแสเงินไหลออก  แม้ทั้งวันเล่นกันที่แดนบวกก็ตาม
2...รอดูความผันผวน  ตามที่กล่าวไว้ คือ ตลาดยังแค่ผันผวน ดังนั้น ต้องดูว่า เมื่อใดที่ดัชนี ดีดกลับ รีบาวน์เป็นสิบ จุด ก็ตาม ในวันถัดไป ภายใน 3 วันทำการต้องไม่มีหักล้างมาลบ ชดเชย จึงพอนับว่า ตลาดฟื้นฟู  แต่หากยังมีการขึ้นมาก 
ลงมาก สลับกันเว้นระยะ วันสองวัน  ก็คือผันผวนอยู่  
3...ดัชนี นับจาก วันที่ 23 กย ปิด 958  ถือเป็นจุดเริ่มนับ  หากใน 22 วันทำการ(1 เดือน ลงไปใกล้หรือ มากกว่า - 10 % อีก 862 จุด แสดงว่า เปี่ลยนเป็นวิกฤต)  แต่หาก ยัง + - 3%  ( 986-929จุด 22 วันทำการ)ถือว่า ไซค์เวย์ กำลังรอข่าวและกระแสเงิน

แล้วต้องทำอย่างไร กับผู้ที่มีหุ้นในมือ แต่ราคาติดดอย
1...ไหลตามกระแสตลาด วันไหนหุ้นขึ้น  แม้ขาดทุนก็ขาย  หุ้นลงก็ซื้อคืน  หรือ ขายก่อนแล้วรีบซื้อคืน - 1 ถึง - 3 ช่องจากราคาขาย (ควรมีโปรแกรมช่วยเล่นหุ้น ช่วยคำนวณ เช่น โปรแกรม Nowya Method)
2...ขายหมดพรอท  คือ คัท หมดแล้วรอ ซื้อคืนเมื่อราคาต่ำลง (ต้องคำนวณจำนวนเงินที่รับ  และจำนวนเงินที่ขาดทุนไป  แล้วหาจำนวนที่ขาดทุนไปลบลงจากที่ราคาขายแล้วรอซื้อคืน ณ ครึ่งหนึ่งของขาดทุน)  เช่น ทุน 100 บาท ขาย 80 บาท ขาดทุน 20 บาท ต้องรอให้ราคาลงไปที่ 70 ก่อนค่อยซื้อ แล้วมาขายที่ 80 อีกครั้ง ทำสองครั้งหรือมากกว่าสองครั้งเพื่อเอาต้นทุนคืนมา  วิธีนี้ต้องมั่นใจว่า ตลาดผันผวน(ซึ่งปกติจะเป็นเช่นนั้น สำคัญคือ วินัยต้องอดทนรอได้)
3...ค่อย ๆ นำบางส่วนของพรอทออกมาลดต้นทุน เพื่อฝึกความชำนาญในการคัท 
4...ไม่ทำอะไร นอกจากรอ หรือ ออกจากตลาดไป  จนกว่าราคาจะมาเท่าตนเอง (วิธีนี้เสี่ยงและอาจใช้เวลานานจนท้อใจ ต้องมั่นใจว่าเป็นเงินที่ไม่เดือดร้อนจริง)

ส่วนท่านที่มีฝีมือ หรือมีโชค  ไม่ติดดอยเลย  ก็ขอแสดงความยินดี  แต่อยากเตือน ว่า ตลาด ผันผวน อาจเข้าสู่วิกฤตได้   อย่าวางใจเต็มร้อย
สุดท้ายจะบอกว่า ตลาดหุ้นไม่ใช่เป็นที่แจกเงินจะได้ใจ ต้องจำว่า เงินที่กำไรต้องชักออกและห้ามนำมาเติมใหม่  ดังนั้นเมื่อตลาดขาลง  การซื้อถัวจึงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาติดดอย  นอกจากว่าตัวเองเป็นคนมีส่วนในการสร้างราคาหุ้นได้ หรือรายใหญ่จริงๆ