มีนาคม 2555

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
13
14
15
17
19
21
23
24
25
26
27
28
29
31
 
All Blog
ตลาดหุ้น เป็น เหรียญสองด้าน (ฟันธง)
ตลาดหุ้น เป็น เหรียญสองด้าน (ฟันธง)
ถ้าพูดถึงเหรียญ ทุกท่านคงเข้าใจ แต่อาจยังไม่ชัด ขออธิบายเพิ่มเติม
เหรียญ ส่วนมากทำจากโลหะ มีทั้งเหรียญ หน้าเดียว ได้แก่ให้ใช้เฉพาะบุคคล เช่น เหรียญ เกียรตยศ เหรียญกล้าหาญ เหรียญประดับยศ เป็นต้น ซึ่งเหรียญประเภทนี้ มักมีค่าเฉพาะตัวเจ้าของเหรียญมากกว่าบุคคลอื่น
ส่วนเหรียญสองหน้า ได้แก่ เหรียญที่สามารถใช้ได้กับบุคคลทั่วไปที่เป็นเจ้าของถือครอง เช่น เหรียญเงินตรา เหรียญกระสาบ เหรียญพระเครื่อง เป็นต้น ซึ่งเหรียญประเภทนี้ มีกมีสองหน้า มีค่าคงที่ ตามที่ระบุ หรือ แปรค่าตามความนิยมในเวลาต่อมา
ตลาดหุ้น มักถูกตีความเป็นเหรียญสองหน้า หมายถึง ต้องมีสองส่วนประกอบกัน จึงจะดำเนินการต่อไปได้ นั่นคือ มีซื้อต้องมีขาย มีกำไรต้องมีขาดทุน มีวิธีคิดตามหลักปัจจัยพื้นฐาน ก็ต้องมีวิธีคิดตามหลักสถิติเทคนิคกราฟ (โปรแกรม nowya method คือวิธีคิดตามหลักคณิตสถิติศาสตร์ ไม่จำเป็นต้องอาศัยรูปกราฟเต็มร้อย) มีกลยุทธเชิงระยะเวลายาว(ลงทุนถือยาว) ก็ต้องมีกลยุทธเชิงระยะเวลาสั้น (ลงทุนเล่นสั้นหรือเก็งกำไร) ฯลฯ ถ้าหากขาดส่วนใด อีกส่วนจะไม่ครบองค์ประกอบ เช่น มีแต่คนซื้อ ไม่มีคนขาย (ราคาก็พุ่งทะยานชนเพดานทุกวัน และคงอยู่ไม่ได้นาน) หรือ มีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ (ราคาก็ลงฟลอร์ทุกวัน และคงอยู่ไม่ได้สเถียร) หรือ มีแต่คนเล่นถือหุ้นนาน ๆ หุ้นก็หายไปจากตลาด ไม่มีคนซื้อขายเกิดขึ้น และหากไม่มีคนถือหุ้นยาวนานเลย ราคาก็จะนิ่งเพราะหากใครซื้อ ก็ขายไม่ออก มีคนตั้งขายมากมาย และหากมีคนขาย ก็ไม่มีคนซื้อ เพราะซื้อแล้วขายไม่ออก ต่อคิวข้ามปี เช่น หุ้นราคา 2 สตางค์ เป็นต้น
ตลาดหุ้นจึงต้องเป็นแบบสองทิศทาง และเมื่อเป็นสองทิศทางก็จะเกิดการหมุนตลอด คือ มีคนซื้อ อีกสักพักก็มีคนขาย มีคนถือยาวเมื่อราคาไม่ขึ้นก็เริ่มมีคนขายออก มีคนขายออกแล้วราคานิ่ง ก็จะเกิดการซื้อเพื่อรอถือยาวต่อไป เป็นเช่นนี้ตลอดไป จึงเรียกว่า ตลาดมีสภาพคล่องดี แต่หากซื้อขายหมุนกันเป็นพายุโทนาดอร์ ราคาก็ไม่นิ่ง ตลาดก็มีความเสี่ยงมากสำหรับคนถือสั้นและถือยาว พอกัน ทางกลับกันหากตลาด นิ่งไม่มีสภาพคล่องเลย จนผู้คนมองไม่เห็นช่องทางได้กำไร ไม่ว่าจะถือยาวหรือเล่นสั้น ต่างก็ถอยออกจากตลาด เรียกว่าตลาด วาย Market failure ซึ่งน่ากลัวกว่า สภาวะใด ๆ
เมื่อทุกท่านมองภาพประกอบของตลาดออก ต่อไป หากไปอ่านบทความใด ๆ ก็ต้องคิดถึงตรงข้าม ดูข่าวดี ต้องคิดเผื่อร้าย หากดูข่าวลบ ต้องมองเผื่อข่าวดี อ่านบทความ Vi ก็ต้องไปดูความเป็นมาของบทความเชิง Vs บ้าง(พวกบอกแนวรับแนวต้านรายวัน คือเก็งกำไรรายวันทั้งสิ้น) เล่นเก็งกำไรมากๆ ก็ต้องฉุดคิดถึง การลงทุนบ้าง ฯลฯ อย่าไปให้น้ำหนักมากข้างเดียวจนตนเองเสียศูนย์ (ตัวบทความและเจ้าของบทความไม่เสียศูนย์ เพราะเขาเขียนตามมุมมองของเขา ซึ่งอาจผิดหมดสิ้นเชิง หรือถูกต้องครบถ้วน ก็ได้) คนที่บอกว่าตนเองเป็น vi แต่มักจ้องมองสภาวะตลาดทุก ๆ ขณะจิต เพราะหากตลาดลงมากถึงจุดคัท ก็จะขาย และต่ำกว่าจุดคัทถึงเป้าก็จะซื้อ นั่นคือ การเก็งกำไร ไม่ใช่ลงทุนแน่นอน เพราะการลงทุน จะซื้อเมื่อ ราคาต่ำจากเป้าปัจจัยพื้นฐานเท่านั้น ใน 1 ปีซื้อ 1 ครั้ง หรือ 3 ปีซื้อ 1 ครั้งและซื้อ เต็มจำนวนที่ตนเองกำหนดซึ่งมากพอเมื่อถึงเป้าหมายขาย และซื้อแล้วก็ไม่ต้องมาดูจอทุก ๆ วัน เพื่อหลอกให้ตนเองหวั่นไหว นั่นเป็นการเล่นของนักเก็งกำไรปลายแถว ส่วนนักเก็งกำไรอาชีพ จะรู้หลักการเก็งกำไรเพื่อเข้าสู่ส่วนการลงทุนเล่นตามรอบราคาได้มีวินัยเข้มงวดเด็ดขาด ไม่หวั่นตามสถานการณ์มากเกินเหตุ...
จึงขอ ฟันธง ว่า ตลาดหุ้นคือ เหรียญสองด้าน ที่ติดเนื้อแกนเดียวกัน อย่าคิดแยกแกนให้แตกออกเป็นสองหน้าแตกต่างกันเด็ดขาด เสมือน ขาซ้ายขาขวา ถึงจะวิ่งไปอย่างสมดุลคือกัน
โปรแกรม nowya method จะมีตารางหยินหยางเพื่อจัดพรอทสมดุล
และซ่อนกลยุทธเชิงสองหน้าของเหรียญไว้ โดยการเริ่มจากเก็งกำไรสู่การลงทุนยาวนานได้อย่างปลอดภัยมากเท่าที่ตนเองต้องการ
nowya11@yahoo.com



Create Date : 12 มีนาคม 2555
Last Update : 16 มีนาคม 2555 9:10:05 น.
Counter : 3044 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nowya
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]



ชาวกรุงเทพฯ เล่นหุ้นมาตั้งแต่ตลาดหุ้นอยู่สยามเซ็นเตอร์ ผ่านการกำไรและเจ๊ง ครบทุกรส มองเห็นขบวนการปั่นราคา และมองเห็นรายย่อยที่เล่นเจ๊งกันต่อหน้าต่อตา ยืนอยู่หลัง ผจก ตลาดฯ สมัยมีคนจะฆ่าตัวตายที่อาคารสินธร
เห็นใจรายย่อยที่เข้ามาเล่นแบบไม่รู้อะไร แต่อยากรวยเร็ว ๆ ด้วยทุนน้อยๆ อยากเก็งกำไร แต่ไม่รู้อะไรคือวิถีการเก็งกำไร
จึงอยากมีส่วนในการช่วยชี้แนะบ้างเท่านั้นเอง
New Comments