"ซาอุฯ" ท้าชน "นาฬิกาบิ๊กเบน" สร้างหอนาฬิกาใหญ่ที่สุดในโลก
หอนาฬิกาบิ๊กเบนในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กำลังมีคู่แข่งสำคัญ ซึ่งเป็นหอนาฬิกาในเมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งกำลังจะเป็นมาตรฐานเวลาใหม่ให้กับชาวมุสลิมทั่วโลกกว่า 1,500 ล้านคน
นาฬิกา "รอยัล เมกกะ คล็อก" จะเริ่มทำงานในวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแรกของเดือนรอมฎอน นั้นสามารถวัดเส้นผ่านศูนย์กลางของหอนาฬิกาทั้งสี่ด้านได้ถึง 45.3 เมตร ใหญ่กว่านาฬิกาบิ๊กเบน ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 6.9 เมตร โดยรอบถูกประดับตกแต่งด้วยไฟแอลอีดี ถึง 2 ล้านดวง พร้อมกับสลักข้อความในภาษาอาหรับว่า "ในพระนามของอัลลอฮ์" และจะตั้งเวลามาตรฐาน "อาระเบีย แสตนดาร์ด ไทม์" ซึ่งเร็วกว่าเวลามาตรฐานจีเอ็มทีอยู่ 3 ชั่วโมง
โดยประชาชนในนครเมกกะ จะได้รับการแจ้งเวลาละหมาด เมื่อดวงไฟสีเขียวและขาวกว่า 21,00 ดวงจะปรากฏขึ้นเป็นจำนวน 5 ครั้งต่อ 1 วัน และสามารถมองเห็นได้ไกลถึง 30 กิโลเมตร
จุดประสงค์ของการสร้างนาฬิกาดังกล่าว เพื่อสะท้อนถึงเจตจำนงของชาวมุสลิม ที่ต้องการเป็น "ศูนย์กลางของโลก" ที่แท้จริง แทนที่ "กรีนิช มีน ไทม์" ซึ่งใช้วัดเป็นเวลามาตรฐานของโลกมากว่า 126 ปี ด้วย "เมกกะ มีน ไทม์" ซึ่งนักบวชและนักปราชญ์บางคนอ้างหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า แท้จริงแล้วจุดที่ใช้เวลามาตรฐานโลกควรเป็นนครเมกกะ ไม่ใช่เมืองกรีนิช ตามที่ชาวตะวันตกกล่าวอ้างเอง
และเมื่อประดับสัญลักษณ์พระจันทร์เสี้ยวสีทองอร่ามไว้ด้านบนแล้ว จะทำให้อาคารดังกล่าวมีความสูงถึง 601 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับสองของโลก นำหน้าอาคาร "ไทเป 101" ในประเทศไต้หวัน ซึ่งมีความสูง 509.2 เมตร และเป็นรองเพียงแค่อาคาร "บรูจ คาลิฟาห์" ในเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีความสูงถึง 828 เมตร
โดยนาฬิกาดังกล่าวตั้งอยู่บนยอดของกลุ่มอาคารที่มีชื่อว่า "อบรัจ อัล-เบต" ประกอบด้วยอาคารสูงจำนวน 7 หลัง โดยมีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 1,500,000 ตารางเมตร ซึ่งประกอบด้วย ศูนย์การค้า โรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์ประชุม และอาคารสำนักงาน
ข้อมูลจากมติชนออนไลน์