บุกช่วยสาววัยรุ่นที่ถูกแม่จับ "ล่ามโซ่" ขังไว้ในบ้าน
ศูนย์ประชาบดีอยุธยา พร้อมกำลังตำรวจบุกเข้าช่วยสาววัยรุ่นที่ถูกแม่จับล่ามโซ่ขังไว้ในบ้าน หลังส่งเสียงร้องจนชาวบ้านแจ้งตำรวจให้เข้าช่วยเหลือ
พบสภาพย่ำแย่ มีแต่แม่ขาพิการดูแล
ศูนย์ประชาบดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำกำลังบุกเข้าไปในบ้าน ต.หอรัตนชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าช่วยเหลือ นางสาวแดง อายุ 21 ปี ที่ถูกแม่ อายุ 51 ปี ซึ่งขาพิการเดินไม่ได้ต้องใช้รถเข็นตลอดเวลา ใช้โซ่ล่ามลูกสาวไว้เพื่อไม่ให้หนีออกเที่ยว
ซึ่งลูกสาวจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างโหยหวนมานานนับเดือน จนชาวบ้านข้างเคียงทนไม่ไหว เข้าแจ้งความตำรวจให้เข้าไปตรวจสอบ และพบว่าบ้านถูกใส่กุญแจอย่างแน่นหนา เมื่อตำรวจจะเข้าไปช่วยเหลือพบว่าผู้เป็นแม่ขังตัวเองอยู่ในบ้าน ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ จนเจ้าหน้าที่ต้องปีนเข้าทางกำแพงด้านหลัง บุกเข้าไปช่วยเหลือไว้ได้
สภาพที่พบเห็น คือลูกสาวถูกล่ามโซ่ใส่กุญแจจนเลือดคั่งตามต้นขา สภาพร่างกายและจิตใจบอบช้ำ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดีแก้โซ่พันธนาการออกแล้ว ได้นำขึ้นรถไปฟื้นฟูที่ศูนย์ประชาบดี ส่วนแม่นำตัวไปสอบสวนที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา
สอบสวนเบื้องทราบว่าแม่ลูกคู่นี้มีอาชีพขายล๊อตเตอร์รี่ โดยจะให้ลูกสาวเป็นคนเข็นพาแม่ตระเวนขาย แต่ด้วยความที่ลูกเป็นวัยรุ่น ชอบหนีเที่ยวเ็ป็นประจำ ห้ามแล้วไม่เชื่อ จนกระทั้งแม่ หมดปัญญาจึงจับล่ามโซ่ไม่ให้หนีออกเที่ยวเกรงว่าจะไม่มีใครช่วยขายล๊อตเตอร์รี่ แต่ไม่ยอมเปิดเผยว่าพ่อเป็นใคร บอกว่าแต่ว่าบ้านหลังดังกล่าวเช่่าอยู่เท่านั้นเอง
ขณะที่ศูนย์ประชาบดี ทำการสอบนางสาว นวพร หรือน้อง น้อยโหน่ง จักจรัส อายุ 21 ปี ลูกสาวที่ถูกล่ามโซ่ เปิดเผยว่า แม่มีอาชีพขายล๊อตเตอร์รี่ ขาพิการทั้งสองข้างมาแต่กำเนิด และมีอาการทางประสาท ส่วนพ่อเสียชีวิตไปนานแล้วอยู่กันสองแม่ลูก โดยเช่าบ้านที่เกิดเหตุอยู่อาศัย น้องน้อยโหน่งตัวเองกำลังเรียนหนังสืออยู่ที่ สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง ชั้น ปวช.ปี3 กำลังใกล้จะจบ ช่วงเวลาว่างจะช่วยเข็นแม่ออกขายล๊อตเตอรี่ช่วยหารายได้ แต่แม่มักจะมีอาการเครียดทางจิต ชอบคิดมากกลัวจะไม่มีใครเลี้ยง เวลาตนเองออกไปเที่ยวนอกบ้านมักจะต่อว่าและพยายามกักขังมาโดยตลอดจนกระทั่งครั้ืงสุดท้ายเมื่อประมาณต้นเดือนที่ผ่านมาแม่จับล่ามโซ่ขังนานจนปวดขาทนไม่ไหวได้ร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน จนเ้จ้าหน้าที่เข้ามาช่วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแม่ไปสอบสวน ซึ่งนางสุนทรี ให้การแต่เพียงว่าเป็นเรื่องของครอบครัว ไม่ต้องการให้ลูกออกไปเที่ยวนอกบ้านนานเท่านั้น โดยได้ประสานงานกับศูนย์ประชาบดีเข้าช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพจิตใจสองแม่ลูกต่อไป
ที่มา sanook.com
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [
