หนังสือเปลี่ยนชีวิต..ฟ้าก็(ไม่)จรดทราย
มองขึ้นไปไกลสุดลูกหูลูกตา ภูเขาสูงชันที่เมื่อวันก่อนๆเคยขาวโพลน ถูกโอบไล้ปกคลุมไปด้วยหิหะที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์ มองดูแล้วราวกับดินแดนของความฝัน มาถึงวันนี้สีขาวเริ่มถูกสีเขียวน้ำเงินของต้นไม้ใบหญ้ากัดกินไปทีละน้อยๆ และดูเหมือนว่าสีขาวจะเริ่มน้อยลงทุกวันๆ บ่งบอกให้รู้ว่าฤดูเก่ากำลังจะจากไป..แล้วฤดูใหม่กำลังจะมาเยือนอย่างช้าๆ
หิมะละลายแล้ว..แล้วความทรงจำล่ะ กำลังจะละลายหายไปด้วยหรือเปล่า
สิบกว่าปีก่อนนั้น สมัยที่ยังใส่คอซอง กระโปรงบาน ผมสั้นแค่ติ่งหู หน้าตาแบบบ้านๆ กับชั้นม.สามของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเล็กๆติดชายแดนเพื่อนบ้าน ชีวิตเรียบง่าย วนเวียนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันกับกระเป๋าใบโตที่อัดแน่นไปด้วยการ์ตูนตาหวานที่หวานแหววสุดๆ กับนิยายเล่มเล็กของตระกูลบัวที่เลื่องชื่อ ไม่ว่าจะเป็นบัวแก้ว บัวแดง บัวผัน บัว..บลา บลา บลา ที่ไม่สามารถจำชื่อได้หมด ในช่วงเวลานั้น รู้สึกว่า.ว้าว..ว..นิยายแบบนี้สนุกจัง
จนกระทั่งช่วงเย็นของวันหนึ่ง พี่สาวที่จบจากโรงเรียนนี้ไปแล้วไปเรียนต่อยังโรงเรียนมัธยมปลายอีกแห่ง กลับมาบ้านด้วยรอยยิ้มกริ่ม พร้อมกับสิ่งหนึ่งที่เริ่มทำให้ฉันได้เปิดโลกทรรศ สัมผัสสิ่งใหม่ๆที่ต่างออกไป
"นิ..อยากอ่านนิยายไหม" เธอถาม แล้วฉันรีบพยักหน้า แววตาวาววับ ก่อนที่เธอจะต่อท้ายประโยคว่า "ทำการบ้านภาษาไทยให้หน่อยสิ แล้วเอาหนังสือในกระเป๋าไปได้เลย"
"อีกแล้วเหรอ" ฉันทำท่าเกี่ยงงอนไปอย่างนั้นแหล่ะ แต่พอเห็นหนังสือที่เธอหยิบออกมาจากกระเป๋านักเรียน ฉันก็รีบคว้าหมับมาจากมือเธอทันที ความรู้สึกตอนนั้น มันทั้งอยากอ่านและก็สยองน่าดู จากที่เคยอ่านนิยายเล่มละไม่กี่หน้า มาเจอหนังสือเล่มหนาปึ้กอย่างนี้เข้า ทำเอาใจฝ่อเลยทีเดียว
"ฟ้าจรดทราย"..ว้าว..ฉันอ่านทวนชื่อเรื่องเบาๆ ชื่อเรื่องชวนฝันมากมาย คำสามคำสั้นๆแต่ความหมายดีมากๆ ณ วันนั้นแทบไม่ได้ดูชื่อผู้แต่งเลย เวลาผ่านไปนานทีเดียวที่ได้เห็นอีกครั้ง จึงได้ทราบว่าผู้แต่งคือ..โสภาค สุวรรณ
ความรู้สึกแรกเมื่ออ่านจบภายในสองถึงสามวันนั้น มันคือความอิ่มเอมและชวนฝันเหลือเกิน ได้ดื่มด่ำความงดงาม ไร้เดียงสาของมิเชลล์ และความหล่อเหลา ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวขององค์ชารีฟ สัมผัสความรักที่งดงามของหัวใจสองดวง โลกทั้งใบของเด็กหญิงอย่างฉันในวันนั้น คือโลกของความรัก โลกของความฝันที่สวยหวาน อ่านจบไม่อยากให้พี่สาวเอาหนังสือไปคืนห้องสมุดเลย อยากเก็บไว้ในครอบครอง และตั้งแต่นั้นมา ก็อาศัยพี่สาวนี่แหล่ะที่คอยเอานิยายมาให้อ่านเรื่อยๆ แลกกับการทำการบ้านเล็กๆน้อยๆ
หนึ่งปีผ่านไป..ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี
"ฮ้า..า..า..า..นี่แหล่ะสวรรค์" ฉันคิดอย่างนั้น เมื่อแรกก้าวเข้ามาในห้องสมุดของโรงเรียนมัธยมปลายแห่งใหม่ ที่ไม่ใช่โรงเรียนเดียวกันกับบุษยา คิดๆไปก็แปลกดี โรงเรียนม.ต้นของเรา ดูเหมือนว่าจะอยู่กึ่งกลางพอดี พี่สาวย้ายไปเรียนโรงเรียนมัธยมปลายที่จังหวัดสระแก้ว ส่วนฉันย้ายไปเรียนอีกแห่งในจังหวัดเดิมคือจันทบุรี บ้านของพวกเราอยู่ในอำเภอที่ติดกับทั้งสองจังหวัด ทุกวันเราสองคนจะออกมายืนรอรถเมล์ด้วยกัน แล้วก็ขึ้นรถไปคนละทางกัน บุษยาไปทางซ้าย แล้วฉันก็ไปทางขวา เป็นเช่นนี้เรื่อยมา จนเธอจบชั้นมัธยมปลายออกไป
บรรณยากาศเงียบๆ ตู้หนังสือมากมาย และหนังสือหลากหลายสีสัน หลากหลายขนาด ถูกวางจัดไว้เรียงรายอยู่เต็มห้อง กลิ่นของหนังสือที่หอมชื่นใจ..อืม..หนังสือมีกลิ่นหอมด้วยหรือ มันหอมชื่นใจอย่างไร เชื่อว่าคนรักการอ่าน คนรักหนังสือคงรู้ดีที่สุด ใช่ไหมคะ
เสียงกระซิบกระซาบของนักเรียนในห้อง ที่น่าจะฟังดูน่ารำคาญ กลับไม่สร้างให้ฉันอย่างที่คิด ก็เพราะว่าใจฉันจดจ่ออยู่กับหนังสือมากมายตรงหน้าเสียแล้ว ..ก่อนที่จะได้ยินเพลงพรหมลิขิต..พรหมลิขิตบันดาลชักพา..บลา บลา บลา ดังขึ้นในโสตดั่งความฝันให้เคลิบเคลิ้ม..อิอิ ล้อเล่นค่ะ ไม่มีหรอก
เสียงจริงๆที่ได้ยิน คือเสียงคนสองคนกำลังพูดคุยกันอีกด้านของตู้ตรงมุมห้อง ทำให้คนที่ไม่ค่อยชอบหรืออยากรู้อยากเห็นเรื่องของชาวบ้านอย่างฉัน(ไม่อยากรู้จริงๆนะคะ..หึ หึ)ต้องแอบ ย้ำนะคะ..ว่าแอบจริงๆ ชะโงกหน้าเข้าไปดู เห็นรุ่นพี่สองคน หนึ่งชายหนึ่งหญิง กำลังแย่งชิงหนังสือในมือกันพัลวัล ซึ่งดูดีๆ ดูท่าแล้วคงไม่ได้แย่งกันจริงๆจังๆหรอก ออกแนวหยอกล้อกันมากกว่า แย่งกันไปแย่งกันมา หัวเราะกันกุ๊กกิ๊กน่ารักเชียว น่ารักจนทำเอาคนแอบมองอย่างฉันหน้าแดงเขินอายแทน ซักพักสองคนนั้นหันมาเห็นใบหน้าเสร่อๆของฉันพอดี พี่ผู้หญิงเลยหันมายิ้มให้อย่างเขินๆแล้วเดินออกไป ฉันเลยรีบหลบออกมา
เมื่อออกมานั่งที่โต๊ะได้ซักพักพร้อมหนังสือในมือเล่มหนึ่ง "ทางสายใหม่"..ของม.มธุการี..เปิดไป เปิดมา เรื่องราวที่อุ่นๆ กรุ่นไปด้วยความรัก ความชัง ความต่างของฐานะ ความต่างของวัยระหว่างฉายดนัยและทิฐิ อาจารย์สาวกับนิสิตหนุ่มเลือดร้อน ยังไม่ทันซึมซาบเข้าในหัวใจดีนัก ซักพักก็รู้สึกว่ามีหนังสืออีกเล่มถูกวางตรงหน้า เมื่อหันไปมองคนยื่นให้เพียงแต่ยิ้มแล้วเขาก็บอกว่า.."แจง..เล่มนี้สนุกดี" แล้วก็เดินจากไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ส่วนฉันสิ เป็นบ้านั่งยิ้มแก้มแทบแตกเลย
ว้าว..เขารู้จักชื่อฉันด้วย
แม้ความคิดนี้จะไม่น่าแปลกใจนัก เพราะเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับพี่สาวของฉันเมื่อตอนก่อนนี้ แล้วไอ้น้องเพิ่ม น้องชายของเขาก็เคยมาคอยถือกระเป๋าสำหรับชุดกีฬาเมื่อตอนที่ฉันต้องมาซ้อมวอลเลย์บอลของโรงเรียนอยู่บ่อยๆ น้องเพิ่ม คนที่มีปากกาด้ามพิเศษ ปากกาที่ด้ามปากกามีกระดาษสีขาวถูกพันด้วยเทปใส ข้อความข้างในเขียนว่า.."นิกานดาคนเดียว" ..น้องเพิ่ม คนที่เคยเอารูปถ่ายของตัวเองมายื่นให้หน้าตาเฉย ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ขอ พร้อมบอกว่า "เอ้า..ให้แจงเก็บไว้ดูเล่น น่ารักน้า รักกันรึเปล่าล่ะ" ฉันได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆกับความแก่แดดแต่น่ารักของหนุ่มน้อย แล้วก็รับรูปมาแต่โดยดี แถมยังเอารูปมาติดไว้ในไดอารี่อีกต่างหาก
แม้รู้ว่าเขาอาจจะรู้จักฉัน แต่ถึงอย่างไร ฉันก็อิ่มเอมใจและยิ้มแก้มปริ กับความรู้สึกที่ถูกเขาเรียกชื่อ..วันนั้นกลับบ้านไปด้วยอารมณ์เบิกบาน กับหนังสือ"ทางสายใหม่"ที่ยังอ่านไม่ทันจบ แล้วก็"รักลวง"ของทมยันตีแล้ว ฉันยังอุตส่าห์ขอร้องแกมบังคับให้เพื่อนยืม "บินไปให้ไกลสุดฟ้า"ของนักเขียนที่มีชื่อเก๋ๆว่า ดอกไม้ ณ ปลายฟ้า ให้อีกด้วย..หนังสือเล่มหลังนี้ก็คือเล่มที่เขายื่นให้นั่นแหล่ะ พร้อมกับกระซิบบอกพี่สาวว่า
"บุษ..เค้าชอบพี่ภูมิอ่ะ"
"ภูมิไหน"
"ก็พี่ภูมิ ภูมินรินทร์ นามสกุล.........ไง"
"ไอ้นั่น..เนี่ยนะ" บุษยาทำหน้าเหวอทีเดียว
"อืม" ฉันตอบ แล้วเธอก็หัวเราะ "คิดเหมือนกันเลย"
ฉันยิ้ม.."แบ่งกันปลื้ม เนอะ"
จำได้ว่า..เมื่อก่อนนี้สมัยที่บุษยังเรียนที่เดียวกับพี่ภูมิ เห็นสองคนนี้ชอบเล่นเตะตะกร้อด้วยกันบ่อยๆ เล่นกัน ทำเลาะกัน ไล่เตะกันอยู่เรื่อย แล้วพี่ภูมิก็เป็นแฟนป๊อบปี้เลิฟของพี่มิ(เพื่อนสนิทของพี่สาวฉันเอง) ดังนั้นฉันจึงแอบแปลกใจอยู่ลึกๆที่บุษเองก็ปลื้มพี่ภูมิอยู่ไม่น้อย เธอบอกฉันเสมอว่า.."ก็มันน่ารักดีนี่..อีกอย่างไม่ได้เป็นคนที่มันชอบ แต่ได้เป็นคนกวนประสาทมันทุกวันก็ยังดี"
ฟังคำตอบแล้วก็ตลกดี..เรียกร้องความสนใจในแบบที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึก ฟังดูแปลกๆ แต่ก็คงมีคนไม่น้อย ที่ทำแบบนี้ก็คนที่ตัวเองชอบแบบไม่รู้ตัว
บินไปให้ไกลสุดฟ้า..ครึ่งแรก..อยากแตะท้องฟ้า ทำอย่างไรจะไปถึง โลกกว้างทางเหมือนใกล้ แต่ไกลเกินคว้า ..อ่านๆไปก็สนุกดีเหมือนกันนะ
ชีวิตช่วงนั้น วนไปวนมาแต่ห้องเรียนกับห้องสมุดนี่แหล่ะ นอกจากจะคอยหาหนังสือมาทำการบ้าน ทำรายงานแล้ว มุมสุดโปรดของฉันก็ต้องเป็นมุมนวนิยายอย่างแน่นอน อ่านนิยายไป แอบมองคนหน้าขาว มีไฝเล็กๆที่แก้ม ไม่เหมือนใคร แปลกตาดี แค่ได้แอบมองอย่างนี้ก็มีความสุขแล้ว..ฟ้ากับทราย...มันไกลกันนะ ฉันบอกตัวเอง
ครึ่งหลัง บินไปให้ไกลสุดฟ้า .. หากไม่มีความกล้า ที่จะปีนป่ายขึ้นฟ้า อย่าหมายตะกายดวงดาว ..ก็กลัวตกนี่น่า
ไม่เป็นไรหรอก อย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว ชอบจังกับการได้สัมผัสความรู้สึกที่ว่า แค่ได้หายใจด้วยอากาศเดียวกันกับคนบางคนก็เพียงพอ แค่ได้นั่งอยู่ในห้องเดียวกับเขา เราก็อบอุ่น แค่เพียงได้ยิน ได้พูด ได้คุยกับเขาบ้าง แค่นี้ก็ก็อิ่มอกอิ่มใจ แค่รอยยิ้มพิมพ์ใจซักครั้งที่เขาส่งมาให้ ก็ปลื้มใจมากมาย
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ หนังสือหนังหาก็ผ่านมือผ่านไปไม่น้อย วันนี้ไม่มีพี่คนนั้นนั่งอยู่ในห้องนี้อีกแล้ว ได้ข่าวว่าเอ็นฯติดที่ไหนซักแห่งหนึ่ง รู้สึกดีใจจัง พี่เขากำลังก้าวไปข้างหน้า ไปไขว่คว้าหาความฝัน ซักวันอาจได้คว้าดวงดาว
เสียงกริ่งดังเบาๆบ่งบอกว่าหมดเวลาพักกลางวันเสียแล้ว ฉันปิดหนังสือเล่มล่าสุดที่อยู่ในมือเบาๆ..เรือนศิรา..ของใครก็ไม่รู้ล่ะ(ในตอนนั้นไม่รู้จริงๆว่านี่คือหนังสือของคุณปิยะพร ศักดิ์เกษม เพิ่งมารู้ในภายหลัง) โดยไม่ลืมที่จะคั่นหน้าที่อ่านค้างไว้
ขอบคุณบุษ..ที่ทำให้ฉันได้อ่านวนิยายเรื่องยาวเล่มแรกในชีวิต ขอบคุณฟ้าจรดทราย..ที่เปิดโลกแห่งความรัก โลกของความฝัน โลกของนิยายของฉันให้บรรเจิด ขอบคุณพี่ภูมิ..ที่ทำให้ห้องสมุด สวรรค์น้อยๆของฉัน สวยงาม และสว่างไสวกว่าที่เคยเป็น กว่าที่ควรเป็น
ไม่เป็นไรหรอก..ถ้าหากว่าวันข้างหน้าจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก เพราะถึงอย่างไร ฟ้าก็ยากที่จะมาจรดทรายอยู่แล้ว..จริงไหม
ป่านนี้พี่ภูมิ..อาจจะอยู่ที่ไหนซักแห่งบนโลกใบนี้ ฉันแอบคาดเดาว่า บางทีพี่อาจกำลังสวมเสื้อคลุมสีขาว ที่เหมาะกับบุคลิกของพี่ เป็นคุณหมอใจดีสำหรับคนไข้ เป็นคนรักที่น่ารักในหัวใจของใครคนหนึ่ง และอาจกำลังงงๆที่อยู่ดีๆก็กลายมาเป็นคนที่ช่วงเวลานั้น ทำให้คนคนนี้มีหัวใจสีชมพูอย่างไม่รู้ตัว
ช่วยไม่ได้นะคะ..ก็รอยยิ้มของพี่มันอบอุ่นและตรึงใจขนาดนั้น แถมช่วงนั้นฉันยังอินกับนวนิยายรักอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง นวนิยายรัก มักจบลงด้วยความสุขสมหวัง นวนิยายแอบรักของฉัน ก็จบลงอย่างมีความสุขเช่นกัน เพราะก็แค่ตัวพี่เขาเท่านั้นที่จากไป..แต่ทุกความทรงจำอยู่ในใจฉันหมดแล้วนี่น่า
เคยดูซีรี่ย์เรื่องโปรด และอ่านรีวิวเพื่อนบล็อกคนหนึ่ง..มีประโยคหนึ่งที่บอกว่า "ดาราก็เหมือนพลุ ระเบิดตัวเองอย่างงดงาม แล้ววูบดับอย่างเดียวดาย" ตอนที่ได้ยิน มีความรู้สึกว่า ว้าว..ใช่เลย แม้นไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่สำหรับฉันแล้ว..ความรักของเด็กๆก็เช่นกัน เวลาที่เกิดขึ้น มันเหมือนจุดพลุในหัวใจ สว่างไสว สวยงามและอบอุ่น แต่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม มันก็ต้องดับลงอย่างเงียบเหงาและเดียวดาย
แต่ไม่เป็นไรเนาะ ตราบใดที่โลกใบนี้ยังมีพลุขาย เดี๋ยวเราก็ค่อยจุดพลุกันใหม่
. . . . . . . .
*87% เป็นเรื่องจริง อีก13%เป็นเพียงเรื่องสมมติ..ทายสิว่า13%นั้นอยู่ตรงไหนเอ่ย *บินไปให้ไกลสุดฟ้า.... ดอกไม้ ณ ปลายฟ้า..หนังสือในจินตนาการของฉันเองค่ะ..ไม่มีจริง
ย้อนอ่าน ::ถนนสายนี้...มีมิตรภาพ:: คลิกได้ค่ะ ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางเส้นทางสายมิตรภาพเส้นแรกนี้ด้วยกันทุกคนนะคะ สำหรับถนนเส้นที่สอง จะมาในหัวข้อที่ชื่อว่า "แฟนฉัน...กับรักครั้งแรก"ค่ะ
หากสนใจร่วมถนนสายมิตรภาพโรยตัวอักษรเส้นที่สองกับพวกเรา ทำตามกติกาง่าย ๆ เหมือนเคย ดังนี้ค่ะ
-ลงชื่อบอกกล่าวกันไว้ -เขียนเรื่องอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ และอัพบลอคในหมวดงานเขียน/บทประพันธ์ -อัพบลอคในวันจันทร์ที่ 30 มีนาคมนี้ เวลาใดก็ได้ -เมื่ออัพบลอคแล้ว กรุณามาแจ้งอีกครั้งในบลอคของคนใดคนหนึ่ง และเราจะทำการรวบรวมลิงค์อีกทีค่ะ
เพื่อนร่วมเดินบนถนนสายมิตรภาพ BeCoffee นางสาวดุ่บดั่บ กะว่าก๋า กิ่งไม้ไทย แม่นู๋มี่ สาวไกด์ใจชื่อ นัทธ์ ปนาลี ขอรบกวนทั้งชุดนอน
Create Date : 16 มีนาคม 2552 |
|
63 comments |
Last Update : 3 พฤษภาคม 2553 17:25:32 น. |
Counter : 988 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: อัสติสะ 16 มีนาคม 2552 8:16:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: nanida 16 มีนาคม 2552 12:23:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 16 มีนาคม 2552 14:35:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ส้มแช่อิ่ม IP: 124.122.153.87 16 มีนาคม 2552 20:45:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: นัทธ์ 16 มีนาคม 2552 21:25:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปณาลี 16 มีนาคม 2552 22:21:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: BeCoffee 16 มีนาคม 2552 23:07:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: nikanda 16 มีนาคม 2552 23:25:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 17 มีนาคม 2552 7:47:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 17 มีนาคม 2552 17:30:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.122.222.239 17 มีนาคม 2552 19:36:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภาวันต์ 18 มีนาคม 2552 21:15:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 21 มีนาคม 2552 0:12:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: แซลลี่ (lazypiggy ) 21 มีนาคม 2552 0:44:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: นัทธ์ 21 มีนาคม 2552 2:08:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: yoja 21 มีนาคม 2552 8:29:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปณาลี 21 มีนาคม 2552 9:28:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 21 มีนาคม 2552 10:03:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสมรัศมี 21 มีนาคม 2552 10:14:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: plely 21 มีนาคม 2552 11:14:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paulo 21 มีนาคม 2552 11:45:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 21 มีนาคม 2552 12:07:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 21 มีนาคม 2552 12:12:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: vintage 21 มีนาคม 2552 14:38:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: watase 21 มีนาคม 2552 16:04:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: soponkub 21 มีนาคม 2552 16:39:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 21 มีนาคม 2552 17:08:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่มด (GreenWitch ) 21 มีนาคม 2552 17:56:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) 21 มีนาคม 2552 19:22:31 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|