เปิดตำนานน้ำท่วมโลก ตอน มัตสยาวตาร (นารายณ์ 10 ปาง) มาถึงตอนที่3 แล้วค่ะ ที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้วนะคะว่าเราจะเล่าตำนานวันสิ้นโลกกลิ่นอายไทยๆให้ฟัง จริงๆมันก็ไม่ได้ไทยจ๋าอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะมีกลิ่นอายของฮินดูผสมผสานมาด้วย
เรื่องมัตสยาวตารนี้เป็นส่วนหนึ่งของ นารายณ์ 10 ปาง ในคัมภีร์ปุราณะค่ะ ในทางศาสนาฮินดูปางนี้จะเป็นปางแรกเลยค่ะ แต่ในทางพุทธศาสนาปางนี้จะเป็นปางที่ 3 ตอนนี้เรามาเริ่มเรื่องเลยค่ะ
มีอสูรอยู่ตนหนึ่งชื่อว่า หัยครีพ หรือ "สังขอสูร" (หรือเป็นหอยสังข์นั่นเองค่ะ) ปกติอสูรตนนี้จะอาศัยอยู่ในมหาสมุทร จับสัตว์น้ำกินเป็นอาหาร วันหนึ่งหัยครีพอสูรได้ไปพบพระพรหมตนหนึ่งที่กำลังเหน็ดเหนื่อยจากการสร้างโลกจึงงีบหลับ หัยครีพอสูรเลยถือโอกาสขโมยคัมภีร์พระเวทอันศักสิทธิ์ (ฤคเวท ยชุรเวท สามเวท และ อาถรรพเวท) จากปากของพระพรหมไป ถึงตอนนี้นะคะ มีเล่าไว้หลายแบบมากค่ะ บ้างก็บอกว่าหัยครีพไปเจอพระพรหมกำลังเข้าฌานสงบนิ่ง แต่ปากก็ยังท่องมนต์ออกมาไม่ขาด หัยครีพจึงจำมนต์นั้นให้ขึ้นใจ และบ้างก้ว่าไว้ว่าพอพระพรหมสร้างโลกเสร็จก็เหน็ดเหนื่อยมากจนหลับไป คัมภัร์พระเวทจึงหล่นออกจากปาก หัยครีพจึงฉวยโอกาขโมยไป แต่ไม่ว่าจะเล่าไว้ยังไปท้ายที่สุดหัยครีพก็สามารถนำคัมภีร์พระเวทไปเพื่อสวดภาวนาให้สำเร็จ และคิดจะใช้ฤทธิ์เดชที่ตนได้จากคัมภีร์นั้นครอบครองโลก
พระนารายณ์รัยรู้เรื่องราวทุกอย่างที่หัยครีพทำค่ะ เลยคิดว่าถ้าให้ปล่อยไว้อย่างนี้จนหัยครีพสำเร็จทนต์เมื่อไรละก็ โลกคงวุ่นวายน่าดูชม ท่านเลยตัดสินใจอวตารแบ่งภาคมาเกิดเป็นปลาค่ะ เจ้าปลาน้อยตัวนี้มีชื่อว่า มัตรสยา หรือ มัศยา มีลักษณะเป็นปลากรายจิ๋วค่ะ แต่มีสีทองทั้งตัว แถมมีเขาอยู่บนหัวอีก ทั้งนี้ก็เพื่อหาโอกาสชิงคัมภีร์พระเวทคืนมาค่ะ
ตอนนั้นมีพระราชาอยู่องค์หนึ่งค่ะ มีพระนามว่า พระสัตยพรต ราชาองค์นี้ท่านใฝ่ในธรรมะมากค่ะไม่เสวยสิ่งมีชีวิตใดๆเลยค่ะ สิ่งที่ท่านจะเสวยมีเพียงอย่างเดียวค่ะคือน้ำเปล่า วันนึงขณะที่พระองค์เสด็จผ่านไปที่ริมน้ำกฤตะมาลาเพื่อชำระบาป แต่พอวักน้ำขึ้นมาก็มีเจ้าปลาตัวน้อยติดขึ้นมาด้วยจึงคิดจะปล่อยเจ้าปลาน้อย แต่เจ้าปลากลับบอกว่าถ้าพระองค์ปล่อยตนลงไปในแม่น้ำตนอาจถูกปลาตัวใหญ่กินไปก็ได้ จึงขอให้พระองค์ช่วยนำตนไปเลี้ยงด้วย
เมื่อได้ยินดังนั้นพระองค์จึงเกิดความสงสารเลยช้อนมัตรสยามาเลี้ยงไว้ค่ะ โดยมาใส่ไว้ในหท้อดิน ผ่านไป 1 คือ มัตรสยาก็โตขึ้นจนคับหม้อ พระราชาเลยเอาไปใส่ไว้ในอ่าง ผ่านไป 1 คืน มัตรสยาก็โตขึ้นจนคับอ่างอีก พระราชาก็นำไปใส่ในสระ ผ่านไป 1 คืนมันก็โตจนเต็มสระ พอเอาไปเลี้ยงไว้ในทะเลสาบ ผ่านไป 1 คืน เจ้าปลา (ที่ไม่น้อยแล้ว) ก็โตจนเต็มทะเลสาบอีกเช่นเคย คราวนี้พระสัตยพรตนำมัตรสยาไปปล่อยไว้ที่มหาสมุทรค่ะ
ถึงตอนนี้พระราชาก็เริ่มสงสัยแล้วค่ะว่าปลาตัวนี้ไม่ใช่ปลาธรรมดาแน่ๆ น่าจะเป็นพระนารายณ์อวตารมา เลยเอ่ยปากถามจุดประสงค์ของมัตรสยาค่ะ มัตรสยาจึงเผยตนว่าตนคือนารายณ์อวตาร และบอกกษัตริย์หนุ่มว่าตนเองมาเพื่อช่วยโลก เพราะกลังจากนี้อีก 7 วันน้ำจะท่วมโลก สิ่งมีชีวิตทั้งหลายจะตายหมด แต่พระนารายณ์จะส่งเรือมารับพระสัตยพรตและบริวารที่ชายหาดค่ะ
ดังนั้นกษัตริย์หนุ่มเลยเชิญพระฤๅษี 7 ตน (สัปตฤๅษี) บริวารของตน พืชพรรณต่างๆและสัตว์ชนิดละคู่ เพื่อนำขึ้นเรือไปด้วย มาถึงตอนนี้จะเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกับตำนานน้ำท่วมโลกของศาสนาคริสต์มากทีเดียวค่ะ พอครบ 7 วัน ฟ้าก็มืดมิด เกิดพายุฝนรุนแรงมาก พระสัตยพรตก็พามนุษย์ พืชพรรณต่างๆ และสัตว์ที่เกณฑ์ไว้ไปที่ชายหาดก็พบว่ามีเรือลำใหญ่โตมารออยู่แล้ว จึงพากันขึ้นเรือลำนั้นไป น่าแปลกก็ตรงที่ว่าสัตว์ต่างๆที่ไม่ถูกกันเช่น เสือกับกวาง หมากับแมว กลับอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ พอเรือออกจากฝั่งได้ไม่นาน ทุกอย่างก็จมอยู่ใต้น้ำหมด ชีวิตทุกชีวิตสูญสิ้น ในน้ำมีแต่ซากศพลอยอยู่เต็มไปหมด พระราชาเห็นแบบนั้นก็เสียใจมากค่ะ ฤๅษีเลยเตือนสติให้ภาวนาถึงพระนารายณ์
ปลาอวตารก็ปลากฎตัวขึ้นมาค่ะ โดยเอานาคตนหนึงมาผูกไว้กับเรือและเขาของตนเอง แล้วพาเรือแล่นไปฝ่ากระแสน้ำและลมในทันทีทันใด พอพาเรือมาถึงที่ๆปลอดภัยแล้ว ก็ปล่อยเรือเอาไว้ พระราชา พระฤๅษีทั้ง7 และบริวารทั้งหลายต่างสำนึกในบุญคุณ พากันท่องนามของพระนารายณ์ 1 พันนามตามตำรา
พอน้ำลด คลื่นลมสงบ ปลาอวตารก็ดำน้ำไปที่มหาสมุทรเพื่อไปนำคัมภีร์พระเวทย์ที่หัยครีพขโมยไปกลับคืนมา พอไปถึงมัตรสยาก็ตรงเข้าไปกัดกลางลำตัวของหัยครีพ หัยครีพก็ตกใจพยายามดิ้น แต่ยิ่งดิ้นเท่าไรแรงกัดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น จนหัยครีพขาดใจตาย หลังจากนั้นมัตรสยากลายร่างกลับเป็นพระนารายณ์ นำคัมภีร์พระเวทไปคืนพระพรหม แล้วก็เหาะมาหาพระสัตยพรตเพื่อให้พร และเสด็จกลับวิมานไวกูณฐ์ของพระองค์ค่ะ เรื่องนี้ยังเป็นตำนานของหอยสังข์ด้วยนะคะว่าทำไมจึงใช้หอยสังข์ในพิธีมงคลต่างๆ นั่นก็เพราะสังขอสูร หรือ หัยครีพ (หรืออสูรหอยสังข์) ได้กลืนคัมภีร์พระเวทย์เข้าไป เลยถือเป็นสิ่งมงคลไปซะเลย จบแล้วค่ะ เรื่องนี้จริงๆก็สนุกไม่แพ้ตำนานเรือโนอาห์เลยนะคะ แถมยังมีความคล้ายคลึงกันบางอย่างด้วย เดี๋ยวกลับมาครั้งหน้าจะเล่าเรื่อมหากาพย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกให้ฟังค่ะ ^^
TBC
Free TextEditor เจ๋งอะ
โดย: winza1 วันที่: 9 ธันวาคม 2554 เวลา:22:37:43 น.
00000000000000
โดย: 0000000 IP: 27.145.39.195 วันที่: 29 เมษายน 2559 เวลา:22:49:56 น.
|
night song
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] |