Group Blog
 
 
ตุลาคม 2557
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
24 ตุลาคม 2557
 
All Blogs
 

แผนร้าย อุบายรัก - 7 - หน้าใส...ใจร้าย!




มุกตาภาเหลียวซ้ายแลขวามองหา ‘เป้าหมาย’ ที่เธอไม่ปรารถนาจะพบเจอที่สุดในชีวิต เมื่อเห็นว่าทางสะดวกก็ย่องเงียบไปที่รั้วบ้านโดยเร็ว

ทำไมแค่จะออกไปข้างนอกเธอต้องย่องเบาราวกับเป็นหัวขโมยแบบนี้ด้วย?

หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจแกมรำคาญตัวเอง

เมื่อเดินพ้นอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ออกมาได้ก็เดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนนคอนกรีตของหมู่บ้านประมาณยี่สิบเมตรก็ถึงถนนใหญ่ เห็นป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามจึงเดินข้ามสะพานไปนั่งรอตรงนั้นด้วยความคุ้นชินกับชีวิตแบบติดดินมาแต่ไหนแต่ไร

เธอถอนหายใจยาวด้วยความเบื่อหน่าย อันที่จริงยังคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าจะไปไหนดี รู้แต่ว่ายังไงก็ต้องออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันนอกบ้านบ้าง บางทีอาจจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่สักนิดหนึ่งก็ยังดี

ดวงตาคู่สวยเหม่อลอยไร้จุดหมาย ปล่อยให้ความคิดคำนึงลอยกลับไปที่เหตุการณ์ภายในห้องทำงานของภรัณยูเมื่อวานนี้ โทสะยังคุกรุ่นเมื่อนึกถึงคำพูดของผู้ชายบ้าอำนาจคนนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น แต่แล้วก็รีบสลัดหัวไล่ความคิดพวกนั้นออกไป

ทำไมเธอต้องเก็บเอาคำพูดของคนแบบนั้นมาคิดให้วุ่นวายด้วย เขาเป็นมนุษย์ที่ไม่ควรคบด้วยที่สุดเท่าที่เธอเคยรู้จักมา จิตใจก็คับแคบแถมยังมองโลกในแง่ร้ายอย่างสุดโต่งอีก

เขาจะมีความสุขจริงๆ ได้ยังไง ถ้ามัวแต่ระแวงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เขาต้องเป็นผู้ใหญ่มีปัญหาแน่เลย

การวินิจฉัยโรคประหลาดๆ ให้เขาได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย เพราะนั่นแปลว่าภรัณยูกำลังป่วยเป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่ง ท่าทางอาการจะอยู่ในขั้นโคม่าเสียด้วย



ภรัณยูนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอมุกตาภาที่โต๊ะอาหารในตอนเช้า ทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องรอเธอสักนิด แต่เพราะอยากจะกลั่นแกล้งและถากถางให้หญิงสาวทนไม่ไหวยอมไปจากที่นี่โดยดี จึงต้องหาโอกาสพบหน้ากันให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยหารู้ไม่ว่าเจ้าหล่อนย่องออกจากบ้านไปก่อนที่เขาจะตื่นเสียอีก

เมื่อรอนานจนหน้าปัดนาฬิกาในห้องอาหารบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเศษๆ แล้ว แต่ยังคงไร้วี่แววของหญิงสาว ทำให้คนที่ปั้นหน้าเคร่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ทนปั้นหน้าต่อไปอีกไม่ไหว จึงเรียกเด็กในบ้านมาถาม

“ว่าไงนิด มุกตาภาหายไปไหน ทำไมป่านนี้ยังไม่ลงมาอีก หรือว่ายังไม่ตื่น”

นิดทำหน้าแหย ตอบเสียงอ่อย “คุณมุกออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”

คิ้วเข้มขมวดมุ่น ตาคมตวัดมองนิดอย่างไม่สบอารมณ์จนเด็กสาวสะดุ้งโหยง เขาจึงรู้สึกตัว รีบพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วเสยกกาแฟขึ้นจิบเกลื่อนอาการประหลาดๆ ของตน พอวางแก้วลงก็บอกว่า

“ไม่ต้องจัดโต๊ะนะ ฉันจะออกไปข้างนอก”

ว่าแล้วก็ลุกขึ้น ก้าวยาวๆ ขึ้นไปข้างบนโดยไม่แลหลัง

นิดมองตามงงๆ ก่อนจะเก็บแก้วกาแฟของเจ้านายเดินเข้าครัวไปพร้อมกับคิดอย่างสงสัย

อารมณ์เสียแต่เช้าเลย เป็นอะไรของเขาอีกก็ไม่รู้ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นรอผู้หญิงของคุณภวัตทานข้าวสักที แต่วันนี้นึกยังไงมานั่งรอคุณมุกเฉยเลย แปลกคนจริงๆ!



เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์มุกตาภาเลยตัดสินใจไปเดินเล่นฆ่าเวลาที่ตลาดนัดจตุจักร ดีกว่ามานั่งอารมณ์เสียกับเรื่องของภรัณยูเป็นไหนๆ เธอเดินดูของไปเรื่อยๆ เห็นอะไรถูกใจก็แวะดูแวะซื้อ เผื่อนิอรบ้างเผื่อภวัตบ้าง แล้วแต่ว่าของชิ้นไหนเหมาะกับใคร

อันที่จริงถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงหาที่เงียบๆ นั่งทำงานมากกว่าจะมาเดินเตร็ดเตร่ฆ่าเวลาแถวนี้ แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะนัก เพราะเธอหาสมาธิแทบไม่เจอ หากอยู่เฉยเมื่อไรเป็นต้องนึกถึงคำพูดจาร้ายกาจที่ภรัณยูคัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดีเพื่อถากถางเธอโดยเฉพาะ และพอนึกถึงก็ทำให้ของขึ้นทุกครั้ง ดังนั้นหญิงสาวจึงตั้งใจว่าจะเดินเล่นที่นี่จนเย็นค่อยกลับบ้าน

เมื่อเดินผ่านร้านขายลูกสุนัขหลากหลายสายพันธุ์หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะแวะดู เห็นน้องหมาตาดำๆ แล้วก็เอ็นดูจนต้องเอามือไปลูบหัวพวกมันเล่น เธอเคยคิดว่าจะลองเลี้ยงดูสักตัวสองตัว ติดเรื่องเดียวที่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อพันธุ์อะไรดีเท่านั้น

แต่เมื่อวันนี้ได้จับได้แตะต้องเจ้าน้องหมาสองตัวที่ขยันเอาลิ้นเล็กๆ แฉะๆ มาเลียที่นิ้วเธอบ่อยครั้งก็ชักจะติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น อยากได้เจ้าตัวเล็กทั้งสองกลับบ้านไปด้วย และพอนึกถึงเจ้าของสถานที่ที่เธอจะใช้เลี้ยงพวกมันแล้ว ความคิดหนึ่งก็สว่างจ้าขึ้นในหัว

ภรัณยูจะว่าอย่างไรบ้างนะ ถ้าเห็นเธอเอาลูกหมากลับไปเลี้ยงที่บ้านของเขา เท่าที่ดูท่าทางเขาจะไม่ใช่คนรักสัตว์เท่าไรนักหรอก คงจะโมโหพิลึกถ้าเธอบังอาจทำอะไรโดยไม่ขออนุญาตเสียก่อน

ริมฝีปากอิ่มกระตุกยิ้มอย่างนึกสนุก ก่อนจะหันไปบอกคนขายด้วยรอยยิ้มสว่างไสว “ขอเจ้าตัวเล็กสองตัวนี้ค่ะ”



นิดวิ่งมาเปิดประตูบ้านหลังจากได้ยินเสียงออดดัง เห็นมุกตาภายืนยิ้มแป้นรออยู่ เด็กสาวจึงจ้องมองผู้หญิงคนสวยของเจ้านายด้วยความแปลกใจ ปกติแล้วผู้หญิงคนก่อนๆ ที่ภวัตพาเข้าบ้านแทบจะไม่เคยออกไปไหนมาไหนเองโดยปราศจากรถและคนขับของบ้านหลังนี้ แต่มุกตาภากลับเพียงแค่เดินมาบอกเธอแต่เช้าว่าจะออกไปข้างนอก ไม่ต้องทำอาหารเผื่อ แล้วกลับมาอีกทีในตอนเย็นด้วยรถแท็กซี่

ทว่านิดยังไม่ทันได้เอ่ยถามให้หายข้องใจก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในมือของหญิงสาว

มุกตาภายิ้มกว้าง “ฉันซื้อลูกหมามาสองตัวน่ะนิด ชอบมั้ย”

ว่าแล้วก็บุ้ยใบ้ไปยังเจ้าลูกสุนัขพันธ์โกลเดนรีทรีฟเวอร์ขนสีน้ำตาลสองตัวในกล่องที่เธออุ้มไว้

นิดมองตาโตเหมือนถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ

ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้หรืออย่างไร ภรัณยูแพ้ขนสุนัข!

สีหน้าพะอืดพะอมของเด็กนิดทำให้มุกตาภาสงสัย

“มีอะไรเหรอนิด ไม่ชอบหมาเหรอ?”

อีกฝ่ายส่งยิ้มแห้งๆ ให้พร้อมอธิบายเสียงอ่อย “คุณรัณแพ้ขนหมาค่ะคุณมุก ไม่ทราบว่าคุณรัณรู้รึเปล่าคะ ว่าคุณมุกจะเอาหมามาเลี้ยงที่นี่”

มุกตาภาหน้าเหวออย่างคาดไม่ถึง

ผู้ชายตัวโต ร่างสูง ท่าทางแข็งแรง แต่ดันแพ้ขนหมาเนี่ยนะ ตลกเป็นบ้าเลย ไปบอกใครคงขำตาย!

“ว่าไงคะคุณมุก บอกคุณรัณรึยังคะ” นิดถามย้ำด้วยใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ

หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ “เหรอ ฉันไม่รู้นี่ แต่ยังไงก็ซื้อมาแล้ว ฉันจะรับผิดชอบเองไม่ต้องกลัวหรอก”

“แต่ว่า...” นิดอึกอัก ไม่ค่อยเห็นด้วยเลยว่ามันจะ ‘ไม่เป็นไร’ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

มุกตาภาไม่สนท่าทางลำบากใจของนิด หอบกล่องใส่ลูกสุนัขเข้าบ้านไปหน้าตาเฉย เธอแวะเข้าครัวก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อเอาอาหารสุนัขไปหาที่เก็บอย่างถือวิสาสะ จากนั้นก็เดินไปหลังบ้าน วางกล่องลง ปล่อยเจ้าตัวเล็กทั้งสองออกมาวิ่งเล่นในสวน

เธอต้องหาบ้านให้พวกมันอยู่ แต่ก่อนอื่นต้องตั้งชื่อให้เสียก่อน ลูกหมาทั้งสองเป็นเพศผู้ หญิงสาวจึงให้ชื่อว่า ‘ถุงเงิน’ และ ‘ถุงทอง’ ชื่อแบบไทยแท้ แม้จะขัดกับสายพันธุ์ต่างชาติลิบลับแต่เธอก็ไม่แคร์

หลังจากนั้นก็เอาชามใส่อาหารมาให้เจ้าสองตัวนี้กินอย่างเอร็ดอร่อยโดยที่ตัวเองก็นั่งมองอย่างมีความสุข

ไม่น่าเชื่อเลยว่าการที่เธอตั้งใจจะแกล้งภรัณยูให้อารมณ์เสีย กลับทำให้รู้ ‘จุดอ่อน’ ของเขา ความคิดเจ้าเล่ห์ผุดวาบขึ้นในสมอง

‘คอยดูเถอะ ถ้าคุณทำให้ฉันอารมณ์เสียอีกละก็...ได้เห็นดีกันแน่!’



นิดกับป้าแดงแอบมองมุกตาภาด้วยสีหน้าหวาดหวั่นอยู่ตรงข้างประตูครัว ก่อนจะหลบกลับเข้ามาคุยกัน

“แกว่าคุณรัณจะว่าไงบ้างนังนิด” ป้าแดงถามอย่างไม่สบายใจ

นิดส่ายหัว แต่สีหน้าบอกว่ากลัวแทน “ฉันว่าคุณรัณคงโกรธนะป้า แต่ไม่รู้ว่าจะไล่คุณมุกออกไปเลยหรือเปล่านะงานนี้”

“แกก็พูดเกินไป คุณรัณไม่เคยไล่ผู้หญิงของคุณวัตนะ แค่เอาเงินให้แล้วผู้หญิงพวกนั้นก็หายหน้าไปเลยต่างหากล่ะ” ป้าแดงแย้ง

“ก็นั่นแหละ เขาเรียกเอาเงินฟาดหัวให้ไปพ้นๆ แต่คุณมุกนี่ได้ยินคุณวัตบอกว่าเป็นเมียไม่ใช่เหรอป้า” นิดถามอย่างสงสัย

“แล้วแกว่าคนก่อนๆ ไม่ใช่เมียรึไงวะนังนี่” ป้าแดงว่าพลางค้อน

“ไม่นะป้า คนก่อนไม่เห็นคุณวัตบอกว่าเป็นเมียนะ แต่คุณมุกเนี่ยคุณวัตประกาศต่อหน้าคุณรัณกับคุณน้ำหวานเลยนะป้า ฉันได้ยินเองกับหู” นิดยืนยัน

“แกนี่รู้มากเกินไปแล้ว ไปทำงานไป เดี๋ยวคุณรัณกลับมาเย็นนี้ก็รู้เองแหละ” ป้าแดงตัดบท

นิดยักไหล่ แต่ก็ยอมไปทำงานโดยดี ทว่าก่อนไปก็แอบโผล่หน้าไปมองมุกตาภาด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย ยกมือขึ้นไหว้ปลกๆ

“สาธุ ขออย่าให้ถึงกับบ้านแตกเลยนะคะ”



ภรัณยูกลับมาถึงบ้านเมื่อเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ซึ่งกำลังจะได้เวลาอาหารเย็นพอดี ป้าแดงจึงรีบเข้ามาถามตามหน้าที่

“ตั้งโต๊ะเลยไหมคะคุณรัณ”

“มุกตาภากลับมารึยัง?” แทนที่จะตอบคำถาม เขากลับถามไปอีกเรื่อง

“กลับมาแล้วค่ะ” แม่บ้านตอบแต่ไม่กล้าบอกเรื่องที่หญิงสาวเอาลูกสุนัขมาเลี้ยง

“งั้นก็ตั้งโต๊ะเลย เสร็จแล้วไปเรียกผมด้วย อ้อ เรียกมุกตาภาให้มาทานข้าวเป็นเพื่อนผมด้วยนะครับ” เขาบอกก่อนเดินขึ้นไปชั้นบน

ป้าแดงมองตามงงๆ

ร้อยวันพันปีคุณหนูใหญ่ของเธอไม่เคยต้องการร่วมโต๊ะกับผู้หญิงของคุณหนูเล็กสักที แต่คราวนี้มาแปลก



เมื่อตั้งโต๊ะเสร็จป้าแดงก็ไปเชิญมุกตาภาให้มากินมื้อเย็นตามคำสั่ง หญิงสาวกำลังนั่งดูเจ้าถุงเงินกับเจ้าถุงทองวิ่งไล่กันที่สนามหญ้า

เธอแอบถอนใจเซ็ง แต่ก็เดินตามป้าแดงไปโดยดี เมื่อมาถึงโต๊ะอาหารก็เห็นภรัณยูนั่งรออยู่แล้วด้วยใบหน้าเรียบเฉย

มุกตาภานั่งลงตรงข้ามเขาโดยไม่พูดอะไร ป้าแดงจึงตักข้าวให้ชายหนุ่มกับหญิงสาว ก่อนจะเลี่ยงไปยืนหลบที่มุมห้อง คอยดูว่ามุกตาภาจะบอกภรัณยูอย่างไรเรื่องที่เอาลูกสุนัขเข้ามาเลี้ยงในบ้าน

“วันนี้ไปไหนมา” เสียงห้าวเอ่ยขึ้น สายตาคมจับนิ่งที่ใบหน้าสวยเฉี่ยวของอีกฝ่าย

หญิงสาวเหลือบตาขึ้นสบกับเขานิด ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มอย่างมีจริต “จตุจักรค่ะ”

คิ้วเข้มขมวดมุ่น จ้องมองเธอคล้ายไม่เชื่อถือ

ผู้หญิงที่มองภายนอกมีบุคลิกสวยเฉี่ยวและเจ้ามารยาคนนี้น่ะหรือ จะไปเดินตลาดนัดที่แดดจัดและมีผู้คนพลุกพล่านอย่างจตุจักร เป็นไปได้ยังไง?

ดูเหมือนมุกตาภาจะรู้ตัวว่าทำพลาดไป เพราะมัวแต่สะใจเรื่องลูกสุนัข ทำให้ลืมนึกไปว่าที่ที่เธอควรจะไปมากที่สุดควรเป็นห้างสรรพสินค้าดังๆ ที่ขายแต่ของแบรนด์เนมราคาสูงลิบลิ่ว มากกว่าจะเป็นตลาดนัดที่แดดร้อนจ้าและมีผู้คนแออัดแบบนั้น จึงได้แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้กลบเกลื่อน

“งั้นเหรอ?” เขาถามคล้ายไม่เชื่อ สักพักก็จามขึ้นมาสองสามที หลังจากนั้นก็จามถี่ขึ้นเรื่อยๆ

มุกตาภาลอบยิ้มสะใจ แต่ไม่พยายามเข้าใกล้เขาเพราะรู้ดีว่าเธอสัมผัสกับขนของลูกสุนัขสองตัวนั้นแล้วยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอไม่รู้ว่าอาการแพ้ของเขารุนแรงแค่ไหน ถึงไม่ชอบขี้หน้ากัน แต่เธอก็ไม่ได้อยากเป็นฆาตกร

“ทำไมคันจมูกแบบนี้นะ” ชายหนุ่มบ่นอย่างหงุดหงิด ยังจามเป็นระยะและดูเหมือนจะมีลำดับความถี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ยังไม่ทันที่มุกตาภาจะเซอร์ไพรส์เขาด้วยการบอกเรื่องน้องหมา เจ้าถุงเงินกับเจ้าถุงทองก็วิ่งโต๋เต๋เข้ามาหาหญิงสาวอย่างดีใจเมื่อได้กลิ่นผู้เป็นนาย

ภรัณยูมองตัวต้นเหตุด้วยดวงตาเหลือกลาน ไม่อยากจะเชื่อว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในบ้านของตน เขาไม่อนุญาตให้ใครเอาสุนัขมาเลี้ยงและทุกคนก็รู้ดี ที่สำคัญ เขาไม่คิดว่าจะมีใคร ‘กล้า’ ฝ่าฝืนคำสั่งของเขาอย่างแน่นอน

ชายหนุ่มตวัดตามองป้าแดง คนถูกมองด้วยแววตากล่าวหาใจหล่นวูบ ก่อนจะมองเลยไปที่มุกตาภา เพื่อสื่อถึงอะไรบางอย่าง

เขามองตามสายตาแม่บ้าน เห็นรอยยิ้มสะใจของมุกตาภาก็เข้าใจทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง แต่ยังไม่ทันจะว่ากล่าวอะไร หญิงสาวก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน

“น่ารักมั้ยคะคุณรัณ ถุงเงินกับถุงทองค่ะ มุกเพิ่งซื้อมาจากจตุจักรวันนี้เอง”

ว่าแล้วก็อุ้มหนึ่งในนั้นขึ้นโชว์ให้เขาดูเสียอีก

ภรัณยูเขม้นมองใบหน้าใสซื่อแต่แอบซ่อนความร้ายกาจเอาไว้อย่างคาดโทษ

มุกตาภา...เธอแน่มาก!




+++++++++++++++++++++++++++++++

นี่เป็นนิยายเก่านะคะ หมดสัญญากับ สนพ. แล้วเลยเอามาทำ e-booK
จำหน่ายในรูปแบบ e-book แล้ววันนี้ค่ะ
สนใจแวะไปชมได้นะคะ เรื่องนี้จะอัพทั้งสิ้น 11 ตอน เป็นตัวอย่างค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

ตัวอย่าง
//www.ebooks.in.th/ebook/28529/แผนร้ายอุบายรัก_(ตัวอย่าง)/

ดาวน์โหลด
//www.ebooks.in.th/ebook/28528/แผนร้าย_อุบายรัก/








 

Create Date : 24 ตุลาคม 2557
0 comments
Last Update : 24 ตุลาคม 2557 13:26:17 น.
Counter : 672 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.