อะไรๆก็...ผม(ย้อมผม ดัดผม ยืดผม โกรกผม) กับการตั้งครรภ์

สืบเนื่องมาจากมีกระทู้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องการยืดผมกับการตั้งครรภ์ของคุณไก่ฟ้าหางสีเงิน ที่ถามว่า
"ตั้งท้องได้จะแปดเดือนแล้ว หัวฟูมากเลยคะ อยากทราบว่าจะไปยืดผมได้หรือไม่ได้ค่ะ ปกติแล้วยืดผมเป็นประจำ ตั้งแต่ตั้งท้องก้อไม่ได้ไปยืดอีกเลยพอส่องกระจกมันหงุดหงิดอ่ะคะ ถ้ายืดตอนนี้ไม่ได้แล้วพอคลอดแล้วยืดได้ไหมค่ะ ตั้งใจให้นมแม่คะ จะมีอันตรายอะไรไหมค่ะ ขอบคุณทุกท่านน่ะค่ะ

จากคุณ : ไก่ฟ้าหางสีเงิน"
เรื่องการย้อมผม ดัดผม ยืดผม โกรกผม กับการตั้งครรภ์นี่...มีคนสงสัยกันอยู่มาก ส่วนตัวแล้วก็อยากรู้เหมือนกันครับ ว่ามีที่มามาจากไหน ก็เลยทำการบ้านโดยไปหาคำตอบเรื่องนี้มาเป็นของขวัญวันหยุด วันอาทิตย์ฟ้าใสๆแบบนี้ครับ (อึมมม...กว่าจะเขียนเสร็จนี่...ฟ้ามืดไปแล้วครับ)
การที่จะบอกได้อย่างชัดเจนว่า ยาหรือสารตัวใดมีผลต่อการตั้งครรภ์หรือไม่นั้น มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการคือ
1. ยาหรือสารนั้นคืออะไร มีผู้เคยรายงานมาก่อนหรือไม่ว่ายาหรือสารดังกล่าวทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดของทารกในครรภ์
2. ระยะเวลาที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากช่วงที่มีการสร้างและพัฒนาของอวัยวะต่างๆของทารกในครรภ์ จะเป็นช่วงที่เรียกว่า Organogenesis (Organo = Organs = อวัยวะ, Genesis = การสร้าง) ซึ่งจะเท่ากับอายุครรภ์ประมาณ 5 - 10 สัปดาห์ ดังนั้นช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่ทารกในครรภ์(หรือในทางการแพทย์จะเรียกว่า Embryo(ตัวอ่อน))จะไวต่อยาหรือสารต่างๆมากที่สุด...หมายถึงในแง่ที่ทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดนะครับ
3. Genetic susceptibility หรือการตอบรับทางพันธุกรรมของแต่ละคน ปัจจุบันเชื่อว่าการตอบสนองต่อยาหรือสารใดๆของแต่ละคนมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของแต่ละคน ซึ่งเป็นการอธิบายว่า...ทำไมบางคนได้ผลดีต่อยา ในขณะที่บางคนยาตัวเดียวกันกลับไม่ได้ผล
กลับมาที่คำถามของคุณไก่ฟ้าหางสีเงิน เรื่องการยืดผมระหว่างตั้งครรภ์นั้น เป็นเรื่องที่"เล่าลือ"ต่อๆกันมาว่า การย้อมผม การยืดผม การโกรกผม การดัดผม การ...ผมทั้งหลายจะเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ เรื่องนี้น่าจะมีต้นตอมาจากแนวคิดที่ว่า "สารเคมี" ต่างๆมีผลต่อการตั้งครรภ์ได้ ซึ่งโดยหลักการแล้วเป็นความจริงครับ นอกจากนี้แล้ว...เรื่องนี้ยังมีต้นตอมาจากรายงานทางการแพทย์ที่พยายามจะหาความเกี่ยวข้องระหว่างสารเคมีที่ใช้ในการทำผม กับความผิดปกติต่อการตั้งครรภ์ โดยรายงานทางการแพทย์หลายรายงาน"สงสัย"ว่า หญิงที่มีอาชีพทำผมมีความผิดปกติต่อลูกในท้องเพิ่มขึ้นหรือไม่...โดยเฉพาะทำให้เกิดเนื้องอกในสมองของเด็ก อย่างไรก็ตาม...เรื่องนี้ไม่ได้มีข้อสรุปที่ชัดเจน...เพราะมีรายงานทางการแพทย์อีกหลายรายงานที่ให้ความเห็นในทางตรงกันข้าม กล่าวคือ...ไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องระหว่างสารเคมีที่ใช้ในการทำผม ย้อมผมกับอันตรายที่เกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ แบบนี้ในทางการแพทย์เค้าเรียกว่า ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่(Controversy) หรือยังหาข้อสรุปไม่ได้ครับ*
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่ตรงกันว่า...โอกาสที่สารเคมีที่ใช้กับเส้นผมจะถูกดูดซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือดได้นั้น...มีน้อยมาก(แปลว่าไม่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด) ดังนั้นวิทยาลัยสูติ-นรีแพทย์แห่งอเมริกา(American College of Obstetrics and Gynecologists)จึงแนะนำว่า การย้อมผมระหว่างตั้งครรภ์ "น่าจะ" ปลอดภัย(Hair dyes are probably safe to use during pregnancy) อย่างไรก็ตาม...เค้าก็ยังมี "ติ่ง" อยู่หน่อยหนึ่งนะครับว่า อย่างไรก็ตาม, เป็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องระมัดระวัง ดังนั้นจึงมีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนไม่น้อยแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ไม่ให้ย้อมผมแบบถาวรระหว่างการตั้งครรภ์ในไตรมาสแรก (However, it is still important to be cautious, therefore many health care providers recommend that pregnant women not use permanent hair dyes during the first three months.)
*ถ้าจะลองหาอ่านเรื่องนี้ดูจากวารสารทางการแพทย์ก็ตามนี้เลยครับ
1. Reproductive disorders due to chemical exposure among hairdressers. Scand J Work Environ Health. 1995 Oct;21(5):325-34.
2. Reproductive disorders among hairdressers. Epidemiology. 1997 Jul;8(4):396-401.
3. Maternal hair dye use and risk of neuroblastoma in offspring. Cancer Causes Control. 2005 Aug;16(6):743-8.
4. West Coast study of childhood brain tumours and maternal use of hair-colouring products. Paediatr Perinat Epidemiol. 2002 Jul;16(3):226-35.
5. Personal hair dye use and cancer: a systematic literature review and evaluation of exposure assessment in studies published since 1992. J Toxicol Environ Health B Crit Rev. 2006 Sep-Oct;9(5):413-39.
6. The epidemiology of neuroblastoma: a review. Paediatr Perinat Epidemiol. 2009 Mar;23(2):125-43.
ถ้าอย่างนั้น...คำแนะนำสำหรับการย้อมผม ดัดผม โกรกผม ยืดผม หรือ...ผม ระหว่างตั้งครรภ์ละคืออะไร?
จะขอนำข้อแนะนำจากเว็ปไซต์ของสมาคมสตรีตั้งครรภ์แห่งอเมริกา(American Pregnancy Association) มาเล่าให้ฟัง เพราะคิดว่าเป็นคำแนะนำที่ค่อนข้างดีครับ
1. หากจะย้อมผม, โกรกผม, ดัดผม, ยืดผม ควรพิจารณาหลีกเลี่ยงไม่ทำในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์(12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์)
2. ควรจะทำในที่ที่มีการระบายอากาศดี เนื่องจากยาย้อมผมบางชนิดมีส่วนผสมของแอมโมเนีย ซึ่งจะมีกลิ่นสารเคมีค่อนข้างรุนแรง อันที่จริงเค้าแนะนำให้หลีกเลี่ยงกลุ่มที่เป็นยาย้อมผมถาวร(Permanent hair dyes)ซึ่งจะมีส่วนผสมของแอมโมเนียด้วยครับ
3. อย่าทิ้งสารเคมีที่ใช้ในการย้อมผม โกรกผม ดัดผม หรือยืดผมไว้นานกว่าที่กำหนดในคำแนะนำ
4. ล้างศีรษะให้ทั่วด้วยน้ำหลังจากใช้สารเคมีดังกล่าวแล้ว
5. สวมถุงมือเมื่อต้องสัมผัสกับสารเคมีที่ใช้
6. ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้อย่างเคร่งครัด
7. ไม่ควรย้อมขนตา หรือขนคิ้ว เพราะอาจจะทำให้เกิดตาบวมและทำให้เกิดการติดเชื้อของตาได้
8. ทดสอบทางผิวหนังดูก่อนว่าแพ้สารเคมีที่ใช้ในกระบวนการย้อมหรือไม่(อันนี้เข้าใจว่า...อาจจะลองนำสารเคมีดังกล่าวมาทดลองกับผิวหนังบางบริเวณดูก่อนว่าไม่แพ้ แล้วจึงใช้ย้อมผม ดัดผม โกรกผม...ตามที่ต้องการ)
9. ถ้าจะย้อมผมน่าจะพิจารณาใช้ยาย้อมผมกึ่งถาวร(Semi-permanent hair dyes) ซึ่งน่าจะปลอดภัยมากกว่า
10. การทำไฮไลท์ผมก็น่าจะปลอดภัยสำหรับการตั้งครรภ์เพราะในกระบวนการในการทำไฮไลท์จะมีสารเคมีที่ใช้จะถูกห่อกับเส้นผม จึงมีการสัมผัสกับหนังศีรษะย้อยมาก โอกาสจะถูกดูดซึมก็จะน้อยลงไปด้วย
11. สีที่ได้จากธรรมชาติ เช่น เฮนน่า(Henna) น่าจะมีความปลอดภัยในการใช้ทำสีผมขณะตั้งครรภ์
12. การทำสีผม ย้อมผม ดัดผม ยืดผม โกรกผมระหว่างให้นมบุตรก็น่าจะมีความปลอดภัยเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าสารเคมีดังกล่าวถูกดูดซึมผ่านผิวหนังได้น้อย
สำหรับท่านที่สนใจจะอ่านรายละเอียดสามารถเข้าดูได้ที่ลิ้งค์ต่างๆต่อไปนี้ครับ(เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2554)
1. //www.americanpregnancy.org/isitsafe/hairtreatments.html
2. //www.mayoclinic.com/health/hair-dye-and-pregnancy/AN00241
3. //www.justmommies.com/articles/hair-dye-and-pregnancy.shtml
4. //www.babycenter.com/404_is-it-safe-to-color-my-hair-during-pregnancy_3273.bc

Create Date : 25 กันยายน 2554		4 comments
Last Update : 25 กันยายน 2554 18:55:32 น.
Counter : 23117 Pageviews.
Share Tweet