*เกริ่นยาวมาก ใครขี้เกียจอ่าน ข้ามลงไปที่รูปแรกด้านล่างเลยครับ ^^
วันเสาร์ที่ผ่านมานี้มีเหตุว่าต้องไปเยี่ยมญาติๆที่อยู่อำเภอสองพี่น้อง สุพรรณบุรี
ครั้นว่าจะไปแบบธรรมดา ทางเดิมๆ มันก็ไม่ใช่นิสัยของเราทั้งสองคนสิครับ
อย่ากระนั้นเลย ลองหาทางไปใหม่ๆ ที่สนุกกว่าเดิมดูจะดีกว่า
เดิมทีเดียวนั้น การเดินทางสู่ อ.สองพี่น้อง สมัยผมยังเด็กๆ ท่านบรรหารยังไม่ได้ตัดทางสายใหม่
เราก็ต้องไปเส้น เพชรเกษม จากท่าพระไปบางแค หนองแขม เข้าสู่นครปฐม
ผ่านพระปฐมเจดีย์ แยกมาลัยแมน รถจอดพักที่นี่แป๊บนึง
จะมีคนมาขายไก่ย่าง ข้าวหลาม ส้มโอ ลูกอม ยาดม ยาหม่อง ซื้อขายบนรถกันสนุกสนาน
จากแยกมาลัยแมน ก็วิ่งไปสุพรรณ ด้วยเส้นทางสายเก่า ผ่านกำแพงแสน สมัยที่ยังไม่มี
ม.เกษตร แยกกำแพงแสนจะเป็นที่จอดรถจุดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ผู้คนมากมาย ค้าขายคึกคัก
จากอำเภอกำแพงแสนรถจะผ่านโรงเรียนการบินแล้วเลยมาข้ามทางรถไฟสายสุพรรณ
ก่อนจะถึงทุ่งคอก จุดนี้เป็นแยก เลี้ยวซ้ายไปวัดทับกระดาน ที่ซึ่งคุณพุ่มพวงพักผ่อนตลอดกาล
(ตอนนั้นคุณพุ่มพวงยังไม่เสียชีวิต แต่ส่วนตอนนี้ไม่รู้จะได้พักหรือเปล่า คนขอเลขเด็ดเยอะเหลือเกิน)
ที่แยกนี้เราก็เลี้ยวขวาเข้าอำเภอสองพี่น้อง ป้ายบอกระยะทางว่าอีก 10ก.ม.
รถจะไปสุดทางที่ตลาดบางลี่ คนสองพี่น้องรู้จักดีว่านี่คือเส้นทางสายเก่า
ต่อมาเมื่อราวๆ 15-20 ปีที่แล้ว ฯพณฯ บรรหาร ก็ตัดเส้นทางสายใหม่ให้ชาวสุพรรณได้เดินทางกัน
ทางที่สะดวก รวดเร็วกว่าเดิมเส้นนี้ คือสาย 340 ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ที่บางช่วงเปลี่ยนมาเป็น
ถนนวงแหวนรอบนอก กาญจนาภิเษก จากที่เคยใช้เวลาเดินทาง 3-4 ชั่วโมง ก็ย่อมาเหลือแค่
1-2 ชั่วโมงเท่านั้น อยากกลับสุพรรณเมื่อใด ขับรถไปถึงเร็วกว่าเดินทางไปถนนสีลมเสียอีก
ทางที่กล่าวมาทั้งสิ้นนั้น เป็นทางรถยนต์ยอดฮิตของสองยุคครับ
แต่ถ้าไปถามรุ่นคุณตาคุณยายว่าจากสุพรรณเข้ากรุง สมัยนั้นเค้ามากันอย่างไร
คุณตาวัย 88 เล่าให้ผมฟังน่าสนใจมากๆครับ แกบอกว่าแกแจวเรือเข้ากรุงเทพฯ
ใช้เวลามา 7 วัน กลับอีก 7 วัน.....
โอ แม่เจ้า ไปเชียงใหม่เดี๋ยวนี้ยังเร็วกว่านี้ถึง 7 เท่า.....
แกบอกว่าแจวเรือมาตามแม่น้ำท่าจีนนี้แหละ คลองสองพี่น้อง ออกท่าจีน มาอำเภอบางเลน
ผ่านลำพญามาจนถึงงิ้วรายแล้วลัดเข้าคลองมหาสวัสดิ์
ผ่านศาลายาไปจนถึงตลิ่งชัน มาบางกอกน้อยแล้วก็ออกเจ้าพระยา
ฟังแล้วอยากย้อนรอยคุณตา แต่จนใจ ไม่มีปัญญาแจวเรือนาน 7 วันแบบนั้น
เรือยนต์รึก็เข้าที แต่คงต้องเก็บเงินซื้ออีกพักใหญ่ๆเชียวละ
มองไปมองมา (มองแผนที่ GPS) แม่น้ำท่าจีนที่ว่า มันก็ห่างตลาดบางใหญ่ไม่ไกลนัก
แถมมีทางเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆจนถึงตลาดน้ำลำพญา มองต่อไป เส้นทางก็ทอดยาวตามลำน้ำ
ไปจนถึงอำเภอบางเลนแล้วเลาะริมน้ำเรื่อยมาจนถึงบางหลวงแล้วเข้าเขตอำเภอสองพี่น้อง
เอาละ เส้นทางนี้แหละ ท่าจะสนุก อิอิ .......
วางแผนแล้ว เช้าวันเสาร์ออกเดินทางไปตลาดบางใหญ่ซิตี้ก่อนที่จะเลาะออกด้านหลัง
ไปทะลุวัดลาดปลาดุก วิ่งเรื่อยมาจนถึงเส้นทางหลวงชนบท 3004
ชาวบ้านแถบนี้จะปลูกกล้วยไม้กันมาก มีวางขายริมทางขนาดบางแห่งเปิดเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตกล้วยไม้
ตามทางเส้นนี้ไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางไปตลาดน้ำลำพญาอยู่เป็นระยะๆ
ไม่นานนัก ผมก็มาถึงตลาดน้ำลำพญาครับ
ป้ายบอกทาง
รถจอดกันเพียบเลยครับ แทบเอาเจ้าดำของผมแทรกจอดไม่ได้ อิอิ
มาถึงเช้าๆอย่างนี้ แวะนมัสการหลวงพ่อในโบสถ์ก่อนดีกว่า
ภาพวาดหน้าโบสถ์สวยดีครับ
ภายในก็สวย ดูลายประตูหน้าต่างสิครับ
เสียดายว่าฝีมือถ่ายรูปของผมยังด้อยนัก ถ่ายออกมาไม่สวยเท่ของจริง
หนุมาณอมพลับพลา
แม้แต่ปลาก็ออกมารอนักท่องเที่ยวครับ เช้าอยู่ ยังไม่มีนักท่องเที่ยวซื้อขนมปังเลี้ยง
แต่พวกมันก็มารอกันแล้ว
เรือแบบนี้แหละครับที่ผมเดาเอาว่าเป็นแบบเดียวกับที่อากงของผมแจวเรือจากสองพี่น้อง
เข้ากรุงเทพฯ โดยใช้เวลา 7 วัน ค่ำลงตรงไหนก็หาวัด ผูกเรือนอนในเรือได้เลย
ภาพที่เห็นนี้ ชวนให้ผมคิดไปว่า หลวงพี่ทั้งสองรูปนี้คงจะพูดกับปลาว่า
"ยังเช้าอยู่ นักท่องเที่ยวยังไม่มา กินข้าวของอาตมาไปก่อนแล้วกันนะ"
วิถีชีวิตของชาวบ้านยามเช้า ที่ผูกพันกับสายน้ำ
ดูชาวบ้านสัญจรทางน้ำแล้วอยากล่องเรือบ้าง
ก็แล้วจะรออะไรอยู่ละครับ ค่าเรือแค่คนละ 25 บาทเอง
ภาพสองข้างทางสวยงามดีครับ
เรือแจวไปเอื่อยๆ
ตลาดเก่าลำพญาคนละที่กับตลาดน้ำลำพญานะครับ
ตลาดนี้ไม่ค่อยมีใครขายอะไรแล้ว รอการฟื้นฟูใหเกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ชาวบ้านอาศัยลำน้ำท่าจีนปลูกผักบุ้งกินกัน
ไม่ได้ถามลุงคนแจวเรือว่าปลูกเหลือพอขายกันด้วยหรือเปล่า
ถัดจากผักบุ้งก็เป็นกอบัว
จากกอบัวลุงก็แจวบ่ายหัวเรือเข้าสู่ตลาดเก่าลำพญา
ศาลเจ้าแม่ทับทิม
ชาวบ้านมักเรียกว่าศาลอาม่า จึงมีป้ายชื่อศาลว่า ศาลเจ้าอาม่า
บรรยากาศบริเวณศาล
การมาแวะศาลเจ้าอาม่าแห่งนี้ รวมอยู่ในทริปล่องเรือแจวด้วยครับ
คนดูแลศาลบอกว่า ใครที่ชอบเเลขเด็ดๆ ที่นี่เขามีเซียมซีเพื่อขอเลขโดยเฉพาะ
ผมก็ไปเขย่ามาเหมือนกัน รอดูอยู่ว่าวันที่ 16 นี้จะแม่นจริงไหม
มุมมองลอดช่องหน้าต่างเรือ
โฉมหน้าคนแจวเรือ
ที่เห็นเก่าๆพังๆนี้ เดิมเคยเป็นโรงสี แต่เลิกกิจการมานานมากแล้ว
มองแล้วสะท้อนให้เห็นถึงความเจริญและความเสื่อมที่วนเวียนเป็นวัฐจักร
จบทริปล่องเรือแจวลงตรงนี้ บางช่วงก็พาให้นึกถึงการล่องเรือกอนโดล่า
แต่นี่แบบไทยๆ ไม่ใช่เวนิส หากแต่เป็นลำพญา แม่น้ำท่าจีน
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น ที่นี่ปลาเยอะมาก ให้อาหารปลาเมื่อไร
เหตุแบบนี้ก็จะเกิดขึ้น น้ำกระจายวุ่นวาย
ชมตลาดสักเล็กน่้อยก่อนกลับ
บรรยากาศในตลาด
ออกจากตลาดแล้วเราก็มุ่งหน้าเลียบแม่น้ำท่าจีนไปยังอำเภอบางเลน
ผ่านบางหลวงแล้วเข้าอำเภอสองพี่น้อง ถึงจุดหมายปลายทางเสียที.......