|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
อารมณ์เศร้า...และโรคซึมเศร้า
โดย: นพ.อุดม เพชรสังหาร
การฆ่าตัวตายเป็นความเจ็บป่วยชนิดหนึ่งเหมือนกัน
ข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์เรื่องคนฆ่าตัวตายเพราะไม่สามารถทนต่อสภาวะบีบคั้นของชีวิต ไม่ว่าจะด้วยเหตุจากปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสุขภาพ และปัญหาครอบครัว มีให้เห็นอยู่เกือบทุกวัน ซึ่งหลายคนอาจจะมองคนที่ตัดสินปัญหาชีวิตด้วยวิธีการแบบนี้เป็นคนไม่กล้าเผชิญปัญหา เป็นการติดสินใจที่ไม่ถูกต้อง แต่ผมอยากให้มองในแง่มุมใหม่...
ในความเป็นจริงทางการแพทย์ การฆ่าตัวตายเป็นความเจ็บป่วยชนิดหนึ่ง เหมือนกับการเป็นไข้หวัด ปอดบวม หรือเบาหวาน จึงเรียกการเจ็บป่วยชนิดนี้ว่าโรคซึมเศร้า หรือ Depressive Disorder การฆ่าตัวตายจึงเป็นอาการของโรคนี้ เหมือนคนเป็นไข้หวัดก็ต้องมีน้ำมูกไหล เป็นปอดบวมก็มีอาการไอนั่นแหละครับ
จึงไม่อยากให้ไปตำหนิคนเหล่านี้ว่าคิดไม่ดี คิดไม่ฉลาด เพราะจริงๆ แล้ว ที่เขาตัดสินใจแบบนี้เพราะเขาป่วย ดังนั้นแทนที่เราจะตำหนิ เราจึงควรที่จะหาทางช่วยเหลือเขามากกว่า
อารมณ์เศร้า vs. โรคซึมเศร้า
ผมใช้ชื่อเรื่องแบบนี้เพราะต้องการทำความเข้าใจกับผู้อ่าน ว่าโรคซึมเศร้ามันคืออะไร ต่างจากอารมณ์เศร้า ซึ่งเป็นสิ่งปกติที่สามารถเกิดขึ้นกับชีวิตของเราทุกคนได้อย่างไร
อารมณ์เศร้า คงไม่มีใครที่เกิดมาแล้วไม่เคยสัมผัสกับอารมณ์นี้ เมื่อเราผิดหวัง เกิดความสูญเสีย อารมณ์เศร้าก็จะเกิดขึ้น เรารู้สึกท้อแท้ หดหู่ เบื่อหน่ายสิ่งต่างๆ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย ขาดสมาธิ บางครั้งอาจจะรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง แต่ถึงจะเบื่อหน่ายอ่อนเพลียอย่างไรก็ตาม เราก็จะยังสามารถทำงาน ทำหน้าที่ของเราได้ตามปกติ
แต่ภาวะเช่นนี้มันจะอยู่ไม่นานหรอกครับ อาจจะเป็นเพราะเราปรับตัวกับปัญหาได้ หรือสถานการณ์ต่างๆ ที่สร้างปัญหาให้เรามันคลี่คลายไป
โรคซึมเศร้า คนที่เป็นโรคนี้จะมีสภาวะทางอารมณ์คล้ายกับภาวะอารมณ์เศร้า แต่ความรุนแรงจะมากกว่า และเป็นนานกว่า มีผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจประจำวันมากกว่า จนถึงขนาดทำงานทำการไม่ได้ นอนไม่หลับ ติดต่อกันเป็นเดือน
ความเบื่อ ความเศร้าจะมากถึงขนาดเริ่มเบื่อตัวเอง มีความคิดอยากตาย รู้สึกตัวเองไร้ค่า ชีวิตนี้ไม่มีความหวังอะไรหลงเหลืออยู่เลย มองไปทางไหนก็ไม่มีใครที่จะมาเยียวยาความทุกข์อันนี้ได้ เบื่ออาหารถึงขนาดกินไม่ได้ น้ำหนักลด อารมณ์หงุดหงิดอาจจะถึงเกรี้ยวกราด จนคนรอบข้างเข้าหน้าไม่ติด
ถ้าอาการทุกอย่างมีความรุนแรงขนาดนี้ ระยะเวลาของอาการมันนานเป็นเดือนหรือหลายเดือน ถ้าท่านผู้อ่านพิจารณาคำอธิบายของผมดูก็จะเห็นว่าอารมณ์เศร้าและโรคซึมเศร้าคืออันเดียวกัน จะแตกต่างกันเพียงแค่ความรุนแรงและระยะเวลาของอาการ นั่นก็แสดงว่าคนที่มีอารมณ์เศร้าอยู่นานๆ และไม่สามารถคลี่คลายภาวะนี้ให้ตนเองได้ อารมณ์เศร้ามีโอกาสที่จะพัฒนาเป็นโรคซึมเศร้าได้
อารมณ์เศร้าและโรคซึมเศร้าเกิดขึ้นได้อย่างไร?
มีอารมณ์เศร้าและโรคซึมเศร้า เกิดจากวิธีคิดและการทำงานของสารเคมีในสมองของเรา
วิธีคิด ก็คือ เหตุผลที่เราใช้มองหรือมีตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่มากระทบกับชีวิตของเราว่ามันมีความหมายกับเราอย่าไร ถ้าเรามองเหตุการณ์นั้นๆ ในทางบวก มองวิกฤติคือโอกาส มองอุปสรรคคือความท้าทาย จิตใจของเราก็จะเบิกบาน ตรงกันข้ามถ้าเรามองทุกอย่างในแง่ลบ จิตใจของเรากาจะหดหู่และเศร้าหมอง อารมณ์เศร้าและโรคซึมเศร้าก็จะย่างกรายเข้ามาในชีวิตเรา
สารเคมีในสมอง รูปแบบวิธีคิดความคิดทั้งเชิงบวกและลบจะมีผลต่อการทำงานของสารเคมีต่างๆ ในเซลล์สมองของเรา คือ โดปามีน (Dopamine) ซีโรโทนิน (Serotonin) และนอร์อีพิเนพฟริน (Norepinephrine) ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนในเกิดการทำงานที่สมบูรณ์ของสมอง ดังนั้นความบกพร่องในการทำงานของสารเคมีเหล่านี้จะก่อให้เกิดความบกพร่องทางอารมณ์ของเราได้
ความคิดเชิงลบทำให้สารเคมีเหล่านี้บกพร่องในทางลบ ก่อให้เกิดอารมณ์เศร้า ความคิดเชิงบวกทำให้สารเคมีเหล่านี้ทำงานได้สมบูรณ์ อารมณ์ของเราก็จะแจ่มใส แต่ก็ต้องมีความพอดีด้วยนะครับ ความคิดทางบวกที่มากเกินไปก็จะทำให้สารเคมีเหล่านี้ทำงานมากเกิน ผลที่ออกมาก็จะทำให้เรามีความสุขเกินมนุษย์ทั่วไปจนกลายเป็นความเจ็บป่วยที่สุดขั้วไปไปอีกทาง คือโรคอารมณ์คลั่ง หรือ Manie Disorder เพราะฉะนั้นมัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลางเป็นดีที่สุดครับ
พระพุทธเจ้าสอนเราว่าทุกอย่างในโลกนี้มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป แสดงให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของสิ่งต่างๆ ในชีวิตของเรา หลักอันนี้แหละ คือสิ่งที่จะช่วยให้เรามีวิธีคิดที่ถูกต้อง และเป็นเครื่องมือที่จะป้องกัน หรือเยียวยาเราจากภาวะอารมณ์เศร้าและโรคซึมเศร้า
นายแพทย์แอรอน ทีเบค จิตแพทย์ชาวอเมริกัน ได้ใช้หลักคิดนี้ในการพัฒนาวิธีการรักษาผู้ป่วยโรคนี้ คือ การทำจิตบำบัด โดยวิธีพุทธปัญญา หรือ Cognitive Psychotherapy จนได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้ว แต่เราไม่ต้องไปสนใจกับทฤษฎีนี้ก็ได้ครับ สำคัญว่าเราจะน้อมนำมาใช้มากน้อยเพียงใดเท่านั้นเอง
อารมณ์เศร้าและโรคซึมเศร้า สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ยากดีมีจนเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เพราะเป็นเรื่องของความคิดที่ก่อให้เกิดผลต่อการทำงานของสมองและอารมณ์ของมนุษย์ แต่ในผู้หญิงหลังคลอด ซึ่งวงการแพทย์ก็ไม่สามารถอธิบายได้อย่างแจ่มแจ้งนัก ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นคือผู้หญิงหลังจากที่คลอดแล้วประมาณ 2-3 วัน เกินกว่าครึ่งจะเกิดภาวะอารมณ์เศร้าที่เขาเรียกว่า Postpartum Blue ภาวะนี้จะเกิดอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็จะหายไป
อาการก็จะคล้ายๆ กับอารมณ์เศร้าทั่วๆ ไป มีความรู้สึกเบื่อหน่าย หงุดหงิดง่าย ท้อแท้ นอนไม่หลับ เบื่ออาหารเช่นกัน ดังนั้นคนใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นสามี ญาติ พี่น้อง ก็จะต้องเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ลูกอ่อนหลังจากคลอดใหม่ๆ ด้วย
ช่วยเหลือคนในภาวะอารมณ์เศร้าหรือป่วยด้วยโรคซึมเศร้า
บ่อยครั้งที่พบว่าคนรอบข้างมักจะช่วยเหลือคนเหล่านี้ด้วยการปลอบใจด้วยคำพูดที่ว่า อย่าไปคิดอะไรมาก ปลงเถอะ ทุกอย่างมันก็เป็นเช่นนี้แหละ ซึ่งต้องบอกเลยครับว่าวิธีการเช่นนี้ไม่ได้ผลอะไรเลย เพราะคนถูกปลอดอาจจะรู้สึกว่าเราไม่เข้าใจในปัญหาของเรา จนพานปฏิเสธความหวังดีของเราไป ดังนั้นเมื่อเราสังเกตเห็นว่าคนใกล้ชิดของเราเริ่มมีอารมณ์เศร้า สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ
1. แสดงให้เขารู้ว่าเรารับรู้ในความรู้สึกของเขา การจับมือ จ้องตาหรือโอบไหล่ แล้วตามด้วยประโยค หมู่นี้ผมรู้สึกว่าคุณดูเศร้าๆ มีอะไรเกิดขึ้นหรือ จะช่วยทำให้เขารู้สึกว่ามีใครบางคนรับรู้ในความไม่สบายใจที่เขากำลังเผชิญอยู่
2. รับฟังด้วยความตั้งใจ เมื่อเขาเปิดเผยเรื่องราวที่ทำให้เขาทุกข์ใจ จงฟังด้วยใจที่ปราศจากการตัดสิน การตำหนิ ให้เขารับรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมามีคุณค่าพอที่เราจะรับฟัง
3. เข้าใจในความทุกข์ของเขา โดยแสดงให้เขาเห็นด้วยการบีบมือแสดงความเห็นใจ การพยักหน้ารับรู้เรื่องราวของเขา หรือยื่นกระดาษทิชชูให้ซับน้ำตา ท่าทางเช่นนี้มีความหมายมากกว่าคำพูดนับเป็นพันๆ คำ
4. ความเห็นและคำแนะนำมาทีหลัง เพราะคำชี้แนะของเราจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อเขาได้ระบายความทุกข์ทั้งหลายออกมาแล้วเท่านั้น
5. ถ้าแก้ไขไม่ได้ควรไปพบจิตแพทย์ หลายกรณีอาจไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยเรา การไปพบมืออาชีพก็มีความจำเป็น เพราะทั้งอารมณ์เศร้าหรือโรคซึมเศร้าเป็นความเจ็บป่วยที่ถึงจุดหนึ่งก็ต้องอาศัยหมอมาเยียวยาเหมือนกับคนเป็นหวัด เป็นปอดบวมที่ต้องไปหาหมอเพื่อการรักษา
อารมณ์เศร้า โรคซึมเศร้า คือภาวะที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ยิ่งในสภาวะบ้านเมือง สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ สิ่งเหล่านี้ยิ่งเกิดขึ้นได้ง่าย การดูแลกันด้วยความห่วงใย ด้วยความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น คือสิ่งที่จะช่วยป้องกันและเยียวยาคนใกล้ชิดของเราให้สามารถฝันฝ่ากับปัญหาที่ว่านี้ได้ครับ
Photo: Michelle Dennis / from: sxc.hu
จาก: | |
Free TextEditor
Create Date : 04 เมษายน 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 4 เมษายน 2553 21:51:19 น. |
Counter : 439 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|