หน้าตาของพาสเป็นแบบนี้ค่ะราคา 2,000 เยน
พาสนี้มาพร้อมตารางการเดินรถไฟซึ่งเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นทั้งสองด้าน
ซึ่งในนั้นมีแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้ด้วย เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นเช่นเคย
การซื้อพาสใบนี้เป็นอะไรที่สนุกสนานมากสำหรับเราเพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเจ้าหน้าที่สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้เลยยังไงล่ะค่ะแต่กระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะเค้าให้เราคุย face time กับเจ้าหน้าที่สาขาอื่นจ้าเก๋ไปอี๊ก เกิดมาก็ไม่เคยซื้อตั๋วโดยการ face time ซะทีเจอแบบนี้ก็แปลกดีเหมือนกัน โฮะ ๆ
ตอนแรกเรากะไม่เอาพาสนี้แล้ว เพราะมันหน้าตาไม่เหมือนกับที่เราหาข้อมูลมาชื่อก็ไม่ใช่ อันที่เราหาข้อมูลมาชื่อ HimejiTourist Pass มีตั๋วรถไฟให้ 2 ใบ อันได้แก่
- - oneday pass สามารถใช้นั่งรถไฟสายHanshin กับ Sanyo มีส่วนลดร้านค้าต่าง ๆ
- - ตั๋วเที่ยวเดียว รถไฟสายนันไค เส้นทางสนามบินคันไซ-สถานีนัมบะ
เราเดาว่าที่นี่ไม่มีขายแหละเพราะเราเอารูปให้เค้าดูแล้วเค้าส่ายหัว พอหน้าตาไม่เหมือนที่ต้องการเราเลยบอกเค้าว่าไม่เป็นไรพร้อมกล่าวขอบคุณแล้วก็เดินอออกมาจากห้องขายตั๋ว กะว่าจะเดินย้อนไปหาตรงจุดขายตั๋วจุดอื่น (แลดูมีความมุ่งมั่น) สักพักคุณลุงยอดนักขายก็เดินตามมา(ตอนไหนก็ไม่รู้) แล้วเอาบัตรมายื่นให้เราแล้วบอกเราเป็นภาษาญี่ปุ่นอารมณ์ประมาณว่าเอาไปเถอะมันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ นั่งพาสไหนสุดท้ายก็ไปจบตรงสุดสายเหมือนเดิม
สุดท้ายเราก็เลยได้พาสนี้มาอยู่ในมือเพราะดูเวลาแล้วมันจะสายไปเรื่อยๆ เดี๋ยวไปไม่ทันตามนัด จากนั้นเราก็เดินหาชานชลารอรถไฟออก เดินทางโลด
จากสถานี Umeda ไป Himeji ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่สถานีบอกเราว่าระหว่างทางยูหลับไปได้เลยนะนั่งไปสุดสายแล้วค่อยตื่น แต่เราไม่หลับเพราะระหว่างทางไปฮิเมจิวิวสวยมาก ยิ่งตรงสะพานแขวนยิ่งสวย แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปเพราะมันเป็นมารยาทบนรถไฟเค้าไม่ให้ถ่ายรูป มือถือก็ต้องปิดเสียง(กลับมาจากญี่ปุ่นกลายเป็นว่าเราติดปิดเสียงโทรศัพท์ไปเลย)
เราเจอเพื่อนบนรถไฟใกล้สถานีบ้านนาง เพื่อนเราเดินมาหาตรงโบกี้ที่เรานั่ง นั่งเมาท์มอยกันแค่ 2 สถานีก็ถึงจุดหมายปลายาทาง พอออกจากสถานีรถไฟมาเลี้ยวซ้ายมองตรงไปคุณจะได้พบกับปลายปราสาทฮิเมจิในทันที ไม่มีการแอบซ่อนเหมือนปราสาทที่อื่นแต่อย่างใด
ถนนก่อนข้ามไปปราสาทดูบาทวิถีเค้าสิคะคุณว่าน่าเดินขนาดไหน
เพื่อนถามว่าจะเข้าไปในตัวปราสาทมั๊ยเราบอกไม่อ่ะ ใกล้ ๆ นี้มีสวนแบบญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ ไปเดินเล่นในสวนกันดีกว่า จากนั้นเราก็เคลื่อนขบวนกันไปยังสวนโคโคะเอ็นที่อยู่ติดกันเลยกับปราสาทฮิเมจิ
ก่อนจากถ่ายรูปวิวจากมุมสูง(เหรอ?) สักหน่อย
ทางเข้าสวนโคโคะเอ็น
บอกแล้วว่ามางานพืชสวนโลก555
เรากับเพื่อนนนั่งเมาท์มอยกันอยู่ในสวนโคโคะเอ็นอยู่พักใหญ่ก่อนจะพากันย้ายเข้ามมาอยู่ในห้างเพื่อหม่ำอาหารกลางวันเห็นรูปแบบนี้เหมือนจะไม่อร่อย แต่ความจริงแซ่บมากเลยนะคะ โดยเฉพาะปลาย่าง ตอนสั่งเค้ามีรูปข้าวมาให้ดูด้วยว่าจะเอาข้าวแบบไหนเราชี้ข้าวสีเพราะเราไม่กินข้าวขาว ข้าวกับซุปขอได้เรื่อย ๆแต่เรากินแค่ที่เค้าให้มานั่นแหละค่ะ เก็บพื้นที่ในท้องไว้กินอย่างอื่นต่อ
ที่นี่เวลาสั่งอาหารพนักงานจะนำเมนูมาให้เราเลือกแล้วเค้าก็จะเดินจากไป เมื่อเราตัดสินใจได้แล้วจะมีกริ่งบนโต๊ะให้เรากดแล้วพนักงานจะกลับมารับรายการอาหารที่เราต้องการเราชอบวิธีแบบนี้นะไม่กดดัน อาหารมาเร็วมากเลยนะ สั่งปุ๊บได้ปั๊บยังกับเสก(ร้านอาหารที่คิดว่าจะได้เร็วอย่างราเม็งกลับช้ากว่าเมนูข้าวไก่คาราเกะกับทงคัตสึที่เราคิดว่าคงใช้เวลาทำนาน แต่กลับมาเร็วเฉย)พอกินเสร็จก็เดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์โดยที่เค้าจะให้ใบเสร็จค่าอาหารกับเราตอนเอาอาหารมาเสิร์ฟนั่นแหละค่ะ
หลังจบมื้ออาหารกลางวันเพื่อนเราก็แยกกลับไปก่อนเพราะต้องไปรอรับลูกที่บ้าน เราไมได้ไปด้วยเพราะคิดว่าจะซื้อเดย์พาสนั่งชมวิวเมืองฮิเมจิซะหน่อยพอเดินไปที่ tourist information เจ้าหน้าที่บอกรถชมเมืองเที่ยวสุดท้ายคือ 16.30 น. (เวลาที่เราไปมันเกือบ 16.00 น.) นางบอกคงไม่ทันเราก็เลยบอกนางไม่เป็นไร ไอกลับไปเดินเที่ยวต่อในห้างนี้ก็ได้
แต่เรามีแผนที่มาฝากนะคะเผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่จะไป แผนที่ดูง่าย สนนราคา ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยนมีส่วนลดค่าเข้าชมด้วยเน้อ เริ่มสักตอน 9 โมงเช้ารับรองได้เที่ยวตาม Loop ทั่วแน่นอน
เมืองนี้ถือเป็นเมืองโปรดอันดับแรกของเราในแถบคันไซเลยค่ะถึงแม้จะยังไม่ได้ไปเที่ยวให้ทั่ว เราชอบการวางผังเมืองของที่นี่เพราะเป็นระเบียบและหาอะไรได้ง่าย ชอบพอ ๆ กับเมืองนารา (บอกแล้วเราสายนอกเมือง) ถึงแม้จะอยู่ไกลแต่ความเจริญก็เข้าถึง ห้างที่นี่ไม่ต่างจากห้างในเมืองใหญ่ ที่มีทุกอย่างให้เลือกซื้อ คนก็ไม่พลุกพล่าน
การไปฮิเมจิของเราในครั้งนี้เก็บสกอร์ได้ไม่เยอะเพราะมัวแต่เอาเวลาไปเมาท์มอยหอยกาบกับเพื่อน ไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปีสตอรี่เยอะแยะไปหมด ประกอบกับเจ็บเท้าเนื่องจากยังไม่ได้เปลี่ยนรองเท้าที่เหมาะสม เลยไม่ได้แวะโกเบและที่เที่ยวอื่นๆ ระหว่างทาง แต่ไม่เป็นไรเพราะเราตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าเราได้กลับไปแถบคันไซอีกครั้งเราจะแวะนอนที่โกเบสักคืนก่อนจะไปต่อที่อื่น เล็งโฮสเท็ลไว้แล้วอยู่ในโซน Shopping ถ้าดูราคาไม่ผิด 500 เยนเองค่ะ
*ปล.1 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าควรเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับการเดิน และไปให้ถึงที่หมายแต่เนิ่น ๆจะได้เที่ยวให้ทั่ว
**ปล.2 ค่าพาส 2,000 เยน โอซาก้า -ฮิเมจิ แค่นั่งไป - กลับก็คุ้มแล้วค่ะ เพราะมันไกล๊ ไกล ค่าโดยสารขาเดียวก็ 1,200 กว่าละ ถ้าใครอยากประหยัดเวลานั่ง JR ก็ได้ค่ะ ใช้เวลา 30 นาที แต่ค่าโดยสารน่าจะสูงกว่านี้