Group Blog
 
 
มกราคม 2558
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 มกราคม 2558
 
All Blogs
 

Chapter 05: นี่คือสถาน...แห่งบ้าน(ทะเล)ทรายทอง...ที่ฉันปองมาสู่








วันที่โฮสต์มัมกลับมาเราก็ได้ย้ายข้าวของกลับไปอยู่บ้านที่โฮสต์แล้วเย็นวันเดียวกันนั้นโฮสต์แดดพาเรากับน้องเอฟวี่ไปรับโฮสต์มัมและเจ้าตัวเล็กซึ่งเราขอเรียกว่า" น้องแอดดิ" ที่สนามบิน 

ครั้งแรกที่เห็นแอดดิรู้สึกว่าตัวเองกำลังยืนมองตุ๊กตาตัวน้อย มีจุกนมปลอมอยู่ในปาก ผมบลอนด์ ผิวขาวขนตายาว วิ่งไล่พี่สาวตัวเองเป็นวงกลมอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย(ไม่รู้ว่าโฮสต์มัมใส่ถ่านอัลคาไลน์เข้าไปด้านหลังน้องแอดดิกี่ก้อน)มองแล้วชวนให้เวียนหัวยิ่งนัก แต่น้องน่ารักตัวขาวตัวป้อม ๆ เพิ่งหัดพูด (แต่คนนี้แหละค่ะที่เรียกชื่อเราได้ถูกต้องที่สุด ไม่รู้เพราะความบังเอิญหรือนางมีเซนส์) จากนั้นเราก็ทักทายโฮสต์มัมแล้วก็พากันกลับบ้าน

ช่วงแรก ๆ เราไม่ได้ดูแลน้องแอดดิเต็มที่เพราะน้องยังไม่คุ้นเคยกับเราและค่อนข้างติดแม่ดังนั้นความสัมพันธ์เริ่มแรกของเราทั้งคู่จึงเป็นไปแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆอยู่ด้วยกันได้แต่น้องไม่ติด ไม่เหมือนเอฟวี่ที่ติดเราตั้งแต่แรกและติดมาเรื่อย ๆ(สงสัยชาติที่แล้วเคยเป็นแม่ลูกกันมาก่อน) 

กับแอดดิค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร เนื่องด้วยน้องอยู่ในวัยที่ฝรั่งเรียกว่า terrible two ซึ่งเราขออธิบายว่ามันเป็นวัยติสท์แตกของเด็กน้อยคืออยากทำอะไรทำ ไม่สนใจใคร คาดเดาความคิดได้ยาก ตัวอย่างเช่นอยากกรี๊ดลั่นบ้านก็กรี๊ด, อยากชกหน้าใครก็ชกอารมณ์ประมาณนั้น ซึ่งอาการนี้สามารถหายขาดได้เมื่อเวลาผ่านไป

โฮสต์มัมช่วยเราเยอะมากเลยค่ะเกี่ยวกับการดูแลน้องตารางการดูแลน้องเป็นยังไง น้องนอนกลางวันเวลาไหน ชอบกินอะไร  กิจกรรมที่โปรดปรานมีอะไรบ้างพากันไปทำอะไรได้บ้าง พอเข้าสัปดาห์ที่สองโฮสต์มัมก็เริ่มปล่อยให้แอดดิอยู่กับเราแค่สองคนมากขึ้น ช่วงแรกมีแวะกลับมาดูตอนพักกลางวันบ้าง โทร. มาถามว่าน้องเป็นยังไงพอเห็นว่าเรากับน้องเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น ช่วงกลางวันก็ไม่ค่อยกลับมา 

ช่วงเดือนแรกเรากับแอดดิไม่ค่อยได้ไปไหนมาก เดินเล่นแถวบ้าน กับไปสวนสาธารณะวิ่งเล่นในสวนหลังบ้าน ไปไหนไกลมากไม่ได้เพราะออแพร์ยังไม่มีใบขับขี่ (รัฐนี้ไม่อนุญาตให้ใช้ใบขับขี่สากลต้องใช้ใบขับขี่ของที่นี่) จะไปไหนไกล ๆ ได้ก็ต่อเมื่อย่ามารับหรือโฮสต์พาไป(ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นสัมภเวสีเริ่มกลับเข้ามาสิ่งสู่ร่างอีกครั้ง)

เนื่องจากเราไม่สามารถขับรถเองได้ก็เลยยังไม่ได้ไปไหนไกลเพราะฉะนั้นจะขอเมาท์มอยบ้านทะเลทรายทองที่เราพักอาศัยอยู่ก็ละกันนะ 

ใช่ค่ะเราไม่ได้พิมพ์ผิด เราเรียกบริเวณนี้ว่าบ้านทะเลทรายทอง จริง ๆ ก็ทะเลทรายเฉย ๆแหละ แต่เราเพิ่มทองเข้าไปเพราะอยากให้ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นพจมานมันคล้ายกันอยู่นะตรงที่ต้องปรับตัวเนื่องด้วยเราต้องย้ายมาอยู่ที่ใหม่ ปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่(ไม่เชื่อไปหาเพลง “บ้านทรายทอง” มาฟังเลย แต่ฟังแค่ท่อนแรกพอนะไอ้ดวงจิตความริษยาอะไรนั่นไม่เกี่ยว มันไม่ได้เกิดขึ้น)

พื้นที่ส่วนใหญ่ของแอริโซน่าเป็นทะเลทรายค่ะแต่ไม่ได้แห้งแล้งเหมือนในหนังทะเลทรายขี่อูฐนะ มันก็ป็นรัฐนึงที่มีสาธาณูปโภคครบครันเหมือนรัฐอื่นๆ ในอเมริกาเพียงแต่ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่โอบล้อมด้วยภูเขาและดินทรายก็เท่านั้นล่ะค่ะ มองไปทางไหนเจอแต่ต้นกระบองเพชรและพืชทะเลทราย กระบองเพชรที่นี่ต้นใหญ่มากค่ะสูงกว่าสองเมตรก็มี พบเห็นกันได้ง่ายตามข้างถนน ทางการไม่ให้ตัดนะคะ ผิดกฎหมายเค้าอนุรักษ์ไว้เพราะเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่






ละแวกที่เราอยู่เค้าเรียก Cave Creek ค่ะ เราไม่ได้อาศัยอยู่ในย่านดาวน์ทาวน์บ้านที่เราอยู่ไม่มีรถเมล์ผ่าน (ป้ายรถเมล์แรกต้องขับรถไปอีกสองไฟแดง ระยะห่างประมาณ 2-3 กิโลเมตร) เพราะฉะนั้นการมีรถใช้ขับรถได้จึงเป็นเรื่องจำเป็น มันก็ไม่ถึงกับบ้านนอกอะไรแหล่งบันเทิงเบา ๆ ก็มีค่ะ

fry supermarket มาถึงก็ประเดิมของกินเลย แหงสิคะพลังสำคัญที่ใช้ขับเคลื่อนชีวิตมนุษย์เลยนะ สถานที่ที่ทำให้เราเจอเพื่อนคนไทยคนแรกที่เจอตัวแต่เป็นคนที่สองที่คุยด้วย (งงอ่ะดิ๊)

Mc Donald สถานที่ที่มีเกมส์กับของเล่นฟรีไว้บริการเด็กน้อย ซื้อของเค้า5 เหรียญนั่งแช่มันทั้งวัน (คุ้น ๆ เนาะ วัฒนธรรมนี้)

ห้องสมุด สถานที่ที่มีของ entertain เด็กเยอะมาก ทั้งเกมส์,หนังสือนิทานเน็ตก็แรง อันหลังนี่ถูกใจออแพร์ นางแอบแว๊บมาใช้เน็ตประจำ(เอ่อ...ที่บ้านโฮสต์ไม่มีให้ใช้เหรอคะ มีค่ะ แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ หุหุ)อ่อ...ชอบมาอ่านการ์ตูนด้วย อ่านหนังสือกลับด้านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนี่มันก็สนุกดีเหมือนกันนะเจอศัพท์แสลงศัพท์วัยรุ่นเยอะดี ห้องสมุดที่นี่สมัครสมาชิกฟรีค่ะหนังสือกับหนังก็ยืมฟรี แต่ถ้าคืนไม่ทันก็เสียค่าปรับ

สวนสาธารณะ มีกระจายกันอยู่สามสี่ที่ถ้าพื้นที่กว้างหน่อยก็จะมีสนามที่สามารถแข่งกีฬาได้ด้วย มีของเล่นเด็ก ชิงช้าสไลเดอร์ มีทรายไว้ให้เด็กเล่นขายของ

ร้านอาหารเอเชีย พิซซ่า ร้านซ่อมคอม อยู่ในบริเวณเดียว มันเป็นโซนธุรกิจเล็ก ๆคล้าย star avenue แถวอาเขต เชียงใหม่ แต่ไม่ใหญ่ขนาดนั้น (ไม่รู้จะเปรียบเทียบกับอะไรให้เห็นภาพ) เค้าไม่ได้โซนนิ่งนะ อยู่รวม ๆ กัน ธนาคารก็อยู่แถวนั้น มันก็มีทุกอย่างแต่อย่างละเล็กอย่างละน้อยประมาณนั้นนั่นแหละค่ะ

เท่าที่นึกออกก็มีเท่านี้ล่ะค่ะ ไกลจากบ้านหน่อยก็มีค่ะมันก็จะใหญ่เพิ่มขึ้นมาอีก เราได้มีโอกาสใช้บริการแหล่งบันเทิงทั้งหลายก็หลังจากที่เราได้ใบขับขี่มาแล้วแม้ว่าสถานที่ดังกล่าวจะอยู่ไม่ไกลบ้าน แต่ถ้าจะให้เดินไปก็เหนื่อยเอาการเหมือนกันนะคะอย่างที่บอกนั่นแหละค่ะ อเมริกามันใหญ่ แต่ละบ้านเลยมีรถกันหลายคัน ตกเฉลี่ย 1 คน : 1 คัน

เป็นไงคะชีวิตต่างแดนของเราดูดีใช่มะ ทุกสิ่งสวยงามอะไรก็ลงตัวไปหมดมันไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเลยงั้นเหรอ จริง ๆ ก็มีอยู่หรอกค่ะ แต่ยังไม่เล่าหรอกเอาไว้ตอนหน้าก็ละกันนะ 

ดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังว่าปัญหาที่เราเจอมีอะไรบ้างแล้วเราผ่านปัญหาเหล่านั้นมาได้ยังไง





 

Create Date : 21 มกราคม 2558
2 comments
Last Update : 28 มิถุนายน 2560 10:23:14 น.
Counter : 365 Pageviews.

 

ชอบคะ เขียนเล่าประสบการณ์ได้สนุกมากคะ

 

โดย: Mol IP: 49.230.112.147 22 มกราคม 2558 18:40:21 น.  

 

คุณ Mol ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ

 

โดย: Pilkyo_Oilly 23 มกราคม 2558 15:10:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Pilkyo_Oilly
Location :
ลำพูน Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Pilkyo_Oilly's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.