ตัวของเรา สไตล์ของเรา ทำไมต้องเหมือนใคร
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
18 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 

เมื่อการพาลของบางคนทำให้ผมหงุดหงิด

สวัสดีครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าวันนี้ผมมาบ่นล้วนๆ เลยครับ ไม่ได้มีเรื่องอะไรมากมายคือในขณะที่ผมค่อยๆ ร่างเรื่องต่างๆ ในบล๊อกของผมไปเรื่อยๆ ตามที่เวลาจะเอื้ออำนวย ผมก็ต้องมาสะดุดกับเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้

คือมันเกิดเรื่องขึ้นจากคนรู้จักผมเองคือต้องขออธิบายก่อนว่า คนที่พูดถึงอยู่นี้เป็นคนที่มีปัญหาในการคิดและทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ ไม่ยอมรับตัวเองว่าหลายปัญหาที่เกิดมันเกิดที่ตัวเขาเอง มันก็ต้องแก้ที่ตัวเอง แต่นี่เล่นโทษคนอื่นไปเรื่อย และอื่นๆ อีกมากมาย สรุปสั้นๆ คือไม่รู้จักโตนั่นแหละครับ


และแล้วล่าสุดนี้เจ้าตัวปัญหานี้ก็มาพาลใส่ผม บอกกับแม่เขาว่าไม่ชอบผม เพราะ

- ผมชอบไปสอนและให้คำแนะนำต่างๆ
- แนะนำอะไรไม่ดี แนะนำของไม่ดี
- อะไรก็ญี่ปุ่น ฟังแต่เพลงญี่ปุ่น น่ารำคาญ
- เข้าข้างอีกฝ่ายในปัญหากับคนรู้จักอีกคน

นี่คือสิ่งที่เจ้าตัวปัญหาคิด ซึ่งมันก็ฟังดูเหมือนกับว่าเขามีสิทธ์ที่จะคิดอย่างนั้น แต่ลองดูรายละเอียดแต่ละประเด็นก่อนครับ แล้วจะรู้ว่ามันเป็นการพาล มันไม่ได้เป็นความผิดของผมเลยสักนิด



ประเด็นแรก ที่มาว่าผมว่า "ผมชอบไปสอนและให้คำแนะนำต่างๆ"
จะไม่ให้สอนหรือให้คำแนะนำได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อเจ้าตัวเป็นพวกต้องป้อนให้แทบทุกอย่าง บอกลอยๆ แล้วให้ไปต่อยอดเองนี่อย่าได้คิดครับ ไม่มีทาง คิดจะไปเรียนต่างประเทศแต่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่ตัวเองจะไปเลยนอกจาก หน่วยค่าเงิน ชนิดวีซ่าและชื่อเมือง แค่นี้จริงๆ ครับ เรื่องสถาบัน กฏระเบียบต่างๆ ค่าใช้จ่ายและอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการไปเรียนนี่คือไม่รู้อะไรเลย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่องครับที่เขาเป็นแบบนี้



ประเด็นที่ 2 ที่ว่าผมว่า "แนะนำอะไรไม่ดี แนะนำของไม่ดี"
ที่ผมจำได้ก็มีเรื่องคอม โทรศัพท์ และเรื่องไลฟ์สไตล์.....เรื่องคอมก็ต้องบอกว่าเริ่มตั้งแต่เครื่องที่สองของแกเลย คือเจ้าตัวเขาเป็นเหมือนพวกมือใหม่เห่อคอมอ่ะครับ คือตอนนั้นเป็นยุค Pentium III CuMine และ Tualatin เพิ่งออกมาได้สักระยะ ความเร็วสูงสุดประมาณ 1.2 GHz. ซึ่งตอนนั้นไอ้ตัวนี้แพงมาก ผมใช้ Pentium III CuMine 933อยู่ครับ และเครื่องเสริมก็ซื้อ Celeron CuMine 850-900 ใช้เพราะมีเครื่องหลักเป็น Pentium แล้ว ผมก็เลยแนะนำให้ใช้ Celeron เพราะราคาต่ำกว่า Pentium เยอะ เนื่องจากผมก็ใช้อยู่เลยรู้ว่ามันเกินพอสำหรับงานที่เขาใช้ซึ่งก็คือ บันเทิง เล่นเน็ต ทำงานเอกสาร แต่เจ้าตัวก็จะเอา Pentium III 1GHz. ให้ได้ แต่ผมก็พยามค้านให้ถึงที่สุดเพราะมันไม่จำเป็น เจ้าตัวเขาควรจะได้รู้จักการใช้ให้เหมาะสมไม่ใช่ซื้อให้แพงๆ เข้าไว้เหมือนกับว่าแค่จะเอาไว้อวด และผมก็เห็นใจแม่เขาซึ่งเป็นคนจ่ายตังค์ ราคามันห่างกันเกิน 5000 บาทน่ะครับ...ไม่รู้ว่าไปคิดว่าผมกีดกันไม่อยากให้ใช้ Pentium ซึ่งดีกว่า Celeron หรือเปล่าน่ะครับ

คอมเครื่องที่ 2 คือโน้ตบุ๊ค....ครั้งนั้นเขาก็มาถามผมว่าเอาของอะไรดี ตอนนั้นผมก็บอกให้ไปดูในงานคอมมาร์ทด้วยกันว่าอันไหนคุ้มและอยู่ในงบที่ตั้งไว้ ซึ่งก็ได้รับงบประมาณมาระดับหนึ่งซึ่งก็พอเลือกได้ ไปเดินดูกันผมก็สรุปได้ว่าจากงบแล้ว Acer เหมาะสุด แต่เจ้าตัวก็ไปมอง VAIO อีกแล้วก็ลังเล ผมก็บอกว่าได้งบมาไม่พอนี่ถ้าจะซื้อ VAIO น่ะ เอา Acer นั่นแหละ สุดท้ายเจ้าตัวก็โทรไปคุยกับแม่ของบเพิ่มเพื่อจะเอา VAIO ให้ได้ ก็ได้งบมาแต่ผมก็เข้าใจว่าแม่เขาก็รายจ่ายเยอะแล้วก็เลยพยามบอกให้ซื้อตัวที่อยู่ในงบดีกว่า ไอ้เจ้าตัวมันก็ถามผมว่าผมใช้อะไร ผมก็บอกว่าตอนนี้ใช้ VAIO แต่ตอนแรกเคยใช้แบรนด์พื้นๆ มาก่อนเพราะงบพอซื้อแค่นั้นแล้วก็ปล่อยให้เขาเลือกเอง สุดท้ายวันนั้นก็อุ้ม Acer กลับบ้านมาครับ แต่สักปีกว่าได้ผมก็เห็นมันเปลี่ยนเป็น VAIO ไปแล้ว....คือก็ไม่รู้ว่าแกมองว่าผมใช้ VAIO แต่แนะนำ Acer ให้แทนหรือเปล่า


ชิ้นต่อมา....WLAN Router
พอมีโน้ตบุ๊คแล้วก็เกิดอยากจะเชื่อมกับเครื่องเก่า อยากจะเล่นเน็ตพร้อมกันขึ้นมาก็เลยปรึกษาผมว่าอยากได้แบบนี้ทำได้มั้ย ผมก็ไปทำให้ แต่ก็ด้วยอุปกรณ์สมัยนั้นบางตัวก็ยังไม่เสถียรเท่าปัจจุบัน(ปัจจุบันบางตัวก็แย่กว่ายุคก่อนอีก) ผลคือที่บ้านเขาไฟตกบ่อย ซึ่งผมก็ไม่เคยรู้ว่าบ้านเขามีปัญหานี้และเจ้าตัวเขาก็ไม่บอกผมด้วย พอไฟตกทีนึง router มันก็รีเซ็ตค่าทีนึง บางทีเน็ตก็นิ่งไปดื้อๆ ผมก็ไม่รู้ว่าสายโทรศัพท์มีปัญหาด้วยหรือเปล่า ผมพยามแก้ให้แต่ก็ไม่สำเร็จ ตอนหลังผ่านไปเป็นปี ก็มาถามผมว่าจะซื้อใหม่อยากได้ดีๆ เลยเอารุ่นไหนดี ผมก็บอกไปว่าถ้าจะเอาเจ๋งเลยก็ต้องเอารุ่นที่เป็นชิป Atheros มันตอบสนองเร็วและเสถียร แต่มันหาซื้อในไทยยากมากแล้วเพราะราคาสูงรุ่นที่ขายในไทยเลยไม่เอามาขายกัน ถ้าจะเอาจริงก็ต้องเอามาจากญี่ปุ่น เขาก็ถามเป็นรุ่นที่มีในไทยล่ะ ผมก็ได้แต่ให้ข้อมูลไปว่ามันก็พอๆ กันแหละ บางรุ่นเสถียรแต่ช้าหน่อย บางรุ่นเร็วแต่ไม่ค่อยเสถียร ต้องเลือกเอา แต่ในที่สุดผมก็เห็นเขาซื้อ router ใหม่จากในไทยนี่แหละครับ

....ลำโพง.....
ตอนนั้นผมเคยบอกเขาว่าลำโพงน่ะถ้าเอาไว้ดูหนังฟังเพลงจริงๆ แล้วแค่ Stereo ดีๆ สักคู่ก็สุดยอดแล้วไม่ต้องมีซับหรอก ไอ้ 2.1 น่ะมันเป็นแค่ค่านิยมที่ทุกคนจะซื้อก็ต้อง 2.1 ทั้งที่จริงๆแล้วซับวูฟเฟอร์ไม่ได้จำเป็นเลยเพราะลำโพง Stereo 2.0 ดีๆ ก็ขับเสียงเบสได้ในระดับที่เหมาะสมแล้วและมันไม่มากไปจนทำให้หูล้าด้วย แต่ตรงนี้ก็แล้วแต่คนนะ ถ้าชอบเบสเยอะๆ ก็ต้องมีซับ แล้วผมก็มีใช้อยู่ทั้ง 2 แบบ ว่าแล้วอยู่ดีๆ แกก็เกิดอยากจะซื้อลำโพงใหม่บอกจะเอา 2.0 บ้าง ผมก็บอกให้ไปลองฟังเองเพราะเรื่องเสียงนี่หูใครหูมัน ก็ไปเดินดู สุดท้ายอุ้ม JBL กลับบ้านมาแล้วผมก็เห็นเขาใช้อยู่ จำได้ลางๆ ว่าบอกว่าอะไรมันมากไปน้อยไปยังไงนี่แหละครับ.....ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปบอกให้เลือกรุ่นนี้ซะหน่อย


.....โทรศัพท์มือถือ.....
ก็เคยคุยกันนานแล้ว ผมก็เล่าให้ฟังว่ามือถือญี่ปุ่นน่ะเครื่องมันเจ๋งมากเลย มีอะไรดีๆ เยอะ ไอ้ที่เรายังไม่มีน่ะ ญี่ปุ่นมีให้ใช้ให้เล่นหมดแล้ว ส่วนตัวผมน่ะอยากได้แต่ไม่รู้จะเอามาได้ยังไง ซึ่งก็พอดีกับเพื่อนเขาคนนึงเกิดนิยมเครื่องญี่ปุ่นอยู่ สุดท้ายก็ไปฝากเพื่อนซื้อมาด้วยเครื่องนึง เห็นเขาใช้อยู่หลายปีเหมือนกัน.....นี่ผมก็ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการที่มันไปเอาเครื่องนี้มาใช้เลยสักนิด ที่สำคัญคือส่วนของผมก็ใช้เครื่องที่ซื้อในไทยทั่วไปนี่ล่ะครับ


เรื่องไลฟ์สไตล์
คือพี่แกเป็นคนที่ทำอะไรตามคนอื่นไปหมดน่ะครับ ผมก็เลยให้คำแนะนำไปว่า เราอย่าไปสนใจคนอื่นให้มากเกินไปเป็นตัวของตัวเองเข้าไว้ เช่นการแต่งตัว ไม่ต้องไปยึดติดกับเทรนด์ให้มาก ดูทีเราชอบไปเลย อยากใส่อะไรก็ใส่อย่าได้แคร์ มันเป็นสไตล์ของเรานี่ ดูคนญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง มันมีความหลากหลายเพราะคนของเค้าเป็นตัวของตัวเองกัน....ก็แค่นี้ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาเอาไปตีความหมายเป็นผมพยามจะให้เขาชอบญี่ปุ่นหรือเปล่า



ประเด็นที่ 3 "อะไรก็ญี่ปุ่น ฟังแต่เพลงญี่ปุ่น น่ารำคาญ"
อันนี้เป็นประเด็นที่ทำผมหงุดหงิดมากเพราะนี่มันเรื่องส่วนตัวของผม ซึ่งมันไม่ได้มีอะไรไปเกี่ยวกับตัวเขาเลย ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกว่านี่เป็นการก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผม และผมกำลังถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคล คือมันวิจารณ์ตัวของได้ครับ แต่จะว่าคนที่ชอบของนั้นไม่ได้....คนอื่นมักจะคิดว่าผม "บ้าญี่ปุ่น" แต่ผมอยากบอกว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่ ผมแค่ชอบญี่ปุ่นและชอบอย่างมีเหตุผลด้วย


แล้วทำไมผมต้องใช้แต่ของญี่ปุ่น?
- ผมไม่ได้ต้องการจะใช้แต่ของญี่ปุ่นครับ แต่ในเมื่อของญี่ปุ่นมันตอบโจทย์ความต้องการของผมได้มากกว่าสินค้าแบรนด์ฝรั่งหรือเกาหลีหรือจีนแล้วทำไมผมถึงจะเลือกซื้ออันที่มันตรงกับความต้องการของผมมากที่สุดไม่ได้ล่ะ? อีกส่วนหนึ่งคือผมเบื่อที่เวลาเราจะซื้ออะไรก็ต้องเป็นแบรนด์ฝรั่งไปหมด แต่จะให้ผมไปซื้อของจีนหรือเกาหลีมันก็ตอบโจทย์ของผมได้น้อยกว่าของญี่ปุ่นโดยเฉพาะเรื่องคุณภาพแต่บางครั้งถ้าแบรนด์ฝรั่งมันตอบโจทย์ผมได้ผมก็ซื้อครับ แล้วมันผิดหรือครับที่สินค้าญี่ปุ่นตอบโจทย์ความต้องการของผมได้มากกว่า?

ทำไมผมต้องหาซื้อของจากญี่ปุ่นเท่านั้น?
- ก็เป็นความคุ้นเคยกับที่ญี่ปุ่นด้วยส่วนหนึ่ง เวลาหาอะไรที่ตรงความต้องการจากในไทยไม่ได้ผมก็ไปหาเอาจากญี่ปุ่นเพราะสินค้าญี่ปุ่นมักจะแมทช์กับความต้องการของผม พอหาแบบนี้หลายครั้งเข้าก็เป็นความคุ้นเคย เหมือนกับญาติผมคนนึงที่พอพูดถึงอะไรที่ในไทยหาไม่ได้เขาก็จะพูดถึงแต่ที่สวิสครับ เพราะเขาอยู่สวิสมาเป็นสิบปี ก็ไม่แปลกที่คุ้นเคยกับสวิสมากกว่าที่อื่น


ทำไมผมถึงรับสื่อบันเทิงญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่?
- ผมไม่ชอบเซ็กส์ในสื่อบันเทิงอันนี้รวมถึงพวกความเซ็กซี่ต่างๆ ด้วย ผมเบื่อประเด็นความรัก และผมชอบความเป็นธรรมชาติ ไม่ชอบความเวอร์ในการแสดงแบบหนังฮอลลีวู้ด ไม่ชอบการแต่งหน้ามากๆ ของผู้หญิง ในเมื่อของไทย ฝรั่ง เกาหลี มันมีสิ่งเหล่านี้อยู่เต็มไปหมด แล้วของญี่ปุ่นมันไม่มีพวกนี้เลยหรือ? มีสิครับ..แต่มันเลือกได้ มันมีทั้งแบบที่มี และไม่มี หมายความว่าผมจะเลือกรับสื่อแบบที่ผมชอบได้ ในเมื่อมันตอบโจทย์ได้มากว่า แล้วการที่ผมเลือกรับสื่อบันเทิงแบบที่ผมชอบและไม่รับสิ่งที่ผมไม่ชอบมันผิดตรงไหนล่ะครับ? ผมไม่มีสิทธิ์เลือกหรือ?


ทำไมผมถึงคอยบอกคนอื่นว่าสื่อบันเทิงญี่ปุ่นมีดีมากกว่าของที่อื่น?
- สำหรับคนที่ชอบสื่อบันเทิงญี่ปุ่นคงจะรู้ดีว่ามันต่างจากของที่อื่นอย่างไร ผมขออธิบายสั้นๆ ว่ามันมีลักษณะเฉพาะตัวของมันซึ่งหลายอย่างมันหาไม่ได้จากสื่อบันเทิงของที่อื่นครับ แต่มันก็เป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่ค่อยจะรู้หรือสังเกตุกัน แล้วก็กลายเป็นว่าสิ่งนี้เป็นตัวก่อปัญหาให้คนที่ "ชอบญี่ปุ่น" ถูกเรียกรวมกับพวกที่ "บ้าญี่ปุ่น" ครับ ผมเลยอยากจะชี้ให้คนเห็นเพราะผมคิดว่าคนเราที่สนใจสื่อบันเทิงควรจะเปิดใจรับได้ ถ้ามันดีกว่าจริงแต่การยอมรับว่ามันดีกว่าไม่ได้แปลว่าจะต้องมาชอบครับ มันคนละเรื่องกัน ส่วนที่ผมบอกว่ามันดีกว่าก็เป็นสิ่งที่มันตัดสินได้ไม่ใช่การใช้ความรู้สึกส่วนบุคคล เช่นการแสดงบนเวทีการเต้นอย่างพร้อมเพรียงและการเคลื่อนไหวที่เหมือนกันทุกคนไม่มีหลุดมันก็ดีกว่าแบบที่เต้นไม่พร้อม บางคนเต้นเหยาะแหยะเกินไปบางคนเต้นสะบัดมากเกินไปถูกมั้ยครับ หรืออย่างหนังการที่ดูเป็นธรรมชาติก็ดีกว่าไม่เป็นใช่มั้ยครับ แต่การเป็นธรรมชาติมากอย่างของญี่ปุ่นมันก็จะจืดครับ แต่ความจริงมันไม่ได้ถูกใส่สีตีไข่อย่างที่หนังส่วนใหญ่ชอบทำกันเพราะงั้นความจริงก็จะจืดอย่างนั้นเหมือนกัน แน่นอนว่าหนังญี่ปุ่นไม่ได้ทำได้ดีไปทุกเรื่องซึ่งก็เหมือนกับหนังของทุกชาติที่ไม่ได้ดีไปหมดเหมือนกัน หรือความหลากหลายในสื่อบันเทิงที่ทำให้เราเลือกรับได้ก็เป็นข้อดีหลากหลายกว่าก็ย่อมดีกว่า เรื่องแบบนี้คือสิ่งที่ผมบอกว่ามันดีกว่า ผมไม่ได้บอกว่าเพลงญี่ปุ่นเพราะกว่าเพลงฝรั่งหรือเพลงเกาหลี ผมไม่ได้บอกว่าหนังญี่ปุ่นสนุกกว่าหนังฮอลลีวู้ด เพราะสิ่งแบบนี้มันเป็นความรู้สึกส่วนบุคคลซึ่งใช้วัดไม่ได้ครับ สำหรับส่วนที่มันวัดได้เราก็ควรจะยอมรับว่ามันเป็นจริงไม่ใช่หรือครับ? ส่วนจะชอบหรือไม่นั่นมันก็เป็นอีกเรื่อง


ฟังแต่เพลงญี่ปุ่น น่ารำคาญ....
- เขาเคยนั่งรถไปกับผม ผมก็เปิดเพลงที่ผมฟัง...ก็รถผมนี่ จะแปลกตรงไหน ลองคิดดูสิครับว่าผมจะต้องเตรียมแผ่นเพลงที่ผมไม่ฟังแต่คนอื่นฟังไว้ในรถตัวเองเหรอครับ? เพื่ออะไร? ถ้าจะบอกว่าเวลาที่มานั่งในรถแล้วต้องฟังแต่เพลงญี่ปุ่นมันน่ารำคาญ เพราะต้องทนฟังอะไรที่ไม่ชอบ...พูดแบบแฟร์ๆ ในมุมของผมไม่แย่กว่าเหรอครับ เพราะผมต้องอยู่กับเพลงที่ผมไม่ชอบเกือบตลอดเวลาที่เดินในห้าง นั่งร้านอาหาร หรือแม้เปิดทีวี ผมจะมีโอกาสได้อยู่กับสิ่งที่ผมชอบไม่เท่าไหร่ สมมุติว่า 20% ส่วนอีก 80% ต้องอยู่กับสิ่งที่ผมไม่ชอบ ในทางกลับกันเขาไปไหนก็ได้เจอสิ่งที่ชอบ เปิดทีวีก็เจอสิ่งที่ชอบเรียกว่าเปอร์เซ็นต์กลับด้านกับผมเลย.....และเมื่อก่อนเขาเองแหละที่เคยมาขอก๊อปเพลงญี่ปุ่นจากผมไปด้วย ทั้ง DVD ที่ผมรวม PV เอาไว้ และริงโทนที่ผมทำไว้ใช้เอง ตรงนี้เห็นได้ว่าพาลชัดๆ


ทำไมผมมักจะยกตัวอย่างเกี่ยวกับญี่ปุ่น
- ตัวอย่างบางอย่าง ถ้ามองตัวอย่างจากญี่ปุ่นมันเห็นได้ชัดเจนและเข้าใจได้ง่ายกว่า การทำให้เข้าใจได้อย่างชัดเจนก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือครับ?



ประเด็นที่ 4 "เข้าข้างอีกฝ่ายในปัญหากับคนรู้จักอีกคน"
คือมันมีเรื่องที่ 2 ฝ่ายเคืองๆ กันอยู่น่ะครับ ผมก็เป็นคนกลางที่คุยและฟังเรื่องจากทั้ง 2 ทาง คือเขาก็ว่าอีกฝ่ายว่าโทรไปไม่ยอมรับสาย พอผมฟังจากอีกฝ่ายมาผมก็มาบอกต่อตามที่ได้ฟังมา อีกฝ่ายก็บอกมาว่าไม่เห็นมีโทรเข้ามาเลย (ผมก็บอกไปว่าเท่าที่คุยกันเขาก็บอกว่าโทรมาแล้วนี่) และช่วงนั้นโทรศัพท์ของอีกฝ่ายนั้นก็กำลังมีปัญหาอยู่ด้วย ผมก็บอกไปตามนี้ เขาก็ไม่ฟังหาว่าผมไปเข้าข้างอีกฝ่าย ถ้าอย่างนั้นผมจะต้องพูดยังไงครับถึงจะแปลได้ว่าผมเป็นกลางไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหน? ต้องเห็นด้วยเท่านั้นหรือครับ? ถ้าผมเห็นด้วยก็เท่ากับว่าผมก็เข้าข้างเขาแล้วไม่ได้เป็นกลาง




ก็นี่แหละครับที่ทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ในช่วงนี้ โดยเฉพาะที่ทำให้มากเป็นพิเศษคือเรื่องการก้าวก่ายความชอบส่วนตัวของผมนี่แหละ ทำให้ผมรู้สึกว่ากำลังถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งพูดกันตรงๆ มันไม่ได้เป็นการทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อนเลย นี่มันเป็นการมาพาลใส่ผมชัดๆ อย่างเรื่องบันเทิงผมก็ไม่เคยไประรานใครเรื่องนี้ ผมอาจจะพูดหรือวิจารณ์สิ่งอื่นๆ ที่ไม่ชอบอย่างตรงไปตรงมา บางคนก็รู้สึกว่าผมพูดแรง แต่ผมไม่เคยไปว่าคนที่ชอบอะไรต่างจากผมว่าทำตัวน่ารำคาญ (ถ้าคนนั้นๆ ไม่มาว่าผมก่อนนะ) เพราะผมถือว่ามันคือความชอบส่วนบุคคล ว่าไม่ได้ เราว่าที่ตัวของได้ ว่าตัวคนได้ แต่เราว่าความชอบของคนไม่ได้ มันไม่ผิดที่จะชอบสิ่งนั้น แต่ถ้าชอบแล้วไประรานคนอื่น ชอบแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน หรือไม่เคารพสิทธิส่วนบุคคลของคนอื่นอันนี้ไม่ถูกต้องครับ.....ถึงผมจะไม่ไปว่าอะไรใครแต่ผมก็โดนคนอื่นว่าอยู่เป็นประจำรู้สึกเหมือนโดนเอาเปรียบจัง


นาย nyo




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2556
0 comments
Last Update : 18 ตุลาคม 2556 14:17:33 น.
Counter : 1407 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nyo
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ 2539 ห้ามผู้ใดทำการคัดลอก ส่วนใดส่วนหนึ่งของบล๊อกนี้ไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อค


ติดต่อผมได้ที่
naai.nyo@gmail.com

____________________

บล๊อกนี้ผมเขียนขึ้นมาจากสิ่งที่ผมไปรู้ไปเห็นมาก็เลยเอามาเล่าต่อเพื่อเป็นการแชร์ความรู้กัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อยครับ


กรูณาใช้ภาษาให้เหมาะสมในการแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ
Friends' blogs
[Add nyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.