ตัวของเรา สไตล์ของเรา ทำไมต้องเหมือนใคร
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
23 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
ว่าด้วยเรื่องการใช้ภาษา


สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน
วันนี้นาย nyo ขอสวมวิญญาณครูแก่ๆ มาพูดถึงเรื่องการใช้ภาษาหน่อยครับ ดูท่าคราวนี้คงจะทำให้สั้นๆ ไม่ได้แน่ เพราะหลายเรื่องหลายประเด็นเหลือเกิน

ระยะนี้ผมชักรู้สึกว่าการใช้ภาษาของคนไทยเราชักดูท่าจะมีปัญหาหนักขึ้นทุกวันผมรู้สึกว่ามันไม่ควรเป็นแบบนี้เลย สิ่งที่ควรเป็นมันก็ไม่เป็น สิ่งที่มันไม่ควรเป็นก็เป็นไปซะเกือบหมด

ผมเคยได้ยินผู้ใหญ่บางคนบอกว่าคนไทยเราเลียนเสียงได้ทุกภาษาในโลกเพราะภาษาของเรามีเสียงครบทุกสระ....ก็จริงครับที่ว่าเรามีทุกสระ แต่บางเสียงเราก็ไม่มี สุดท้ายพอไปฟังเวลาที่เราใช้ภาษากันจริงๆ แล้วผมพบว่า "คนไทยเลียนเสียงได้ทุกภาษา แต่ก็เพี้ยนทุกภาษาไม่เว้นแต่ภาษาไทยเอง" ซึ่งส่วนหนึ่งผมคิดว่าคงเป็นเพราะคนไทยในปัจจุบันนิยมทำตามฝรั่งอเมริกันมากเกินไป คำพูดที่ว่าภาษาอังกฤษสำคัญเราต้องรู้ไว้มันก็ไม่ผิดหรอกครับ แต่ทุกวันนี้เราให้ความสำคัญกับมันมากเกินไปทำให้มันลามไปสู่เรื่องอื่นๆ นอกจากการเรียนภาษาไปซะแล้ว ทั้งการแสดงออก การวางบุคลิกและอื่นๆ ครับ ซึ่งผมว่ามันมีผลกับการใช้ภาษาของคนในปัจจุบันนี้ไม่น้อยเลย มันเป็นยังไงเดี๋ยวจะไล่กันเป็นกรณีไปเลยครับ



เริ่มที่อันแรกกันเลย....ตัว H
อักษรตัวนี้ที่ถูกต้องมันต้องเรียกว่า "เอช" ครับ แต่ผมได้ยินคนชอบเรียกมันว่า "เฮช" ซึ่งนั่นทำให้ความหมายมันเพี้ยนไป ที่จริงแล้วมันไม่ได้ออกเสียงยากเลยแค่เปลี่ยนจากเสียง ฮ ที่ชอบออกเสียงผิดกันเป็นเสียง อ แทนก็จบแล้วครับ....เราให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษกันมากในปัจจุบันแต่ถ้ายังออกเสียงเรียกตัวอักษรตัวนี้ไม่ถูกทั้งที่มันเป็นเรื่องพื้นฐาน มันก็คงไม่ดีนักใช่ไหมครับ


ต่อไป....ตัว Z
ตัวอักษรตัวนี้เคยถูกเรียกกันมาว่า "แซ่ด" แต่ทุกวันนี้คนไทยเปลี่ยนมาเรียกว่า "ซี" โดยให้เหตุผลว่าเพราะที่ถูกมันต้องอ่านว่า "ซี" ไม่ใช่ "แซ่ด" เนื่องจากอเมริกันเขาเรียกกันอย่างนั้น แล้วมันผิดยังไง....มันก็ไม่ผิดหรอกครับที่จะเรียกแบบนั้น แต่รู้กันหรือเปล่าครับว่าการเรียกว่า "แซ่ด" มันคือการเรียกแบบยุโรป แต่สำเนียงเพี้ยนมาจริงๆ มันคือ "เซด" หรือ "เซท" เพราะงั้นการเรียกว่า "แซด" จึงไม่ได้ผิดอย่างที่สมัยนี้สอนกัน และการเรียกว่า "ซี"จะต้องทำเสียงสั่นในปากด้วย ไม่ใช่เรียก "ซี" ตรงๆ อย่างที่หลายคนออกเสียงกัน เพราะมันทำให้สับสนระหว่าง C กับ Z ครับ และการเขียนในภาษาไทยว่า "ซีร์" ก็ไม่ช่วยเหมือนกันเพราะ "ร์" มันน่าจะหมายถึงให้กระดกลิ้น ออกเสียง "ซี" แล้วกระดกลิ้นเหรอครับ ไม่ใช่อ่ะ มันตลก คือถ้าออกเสียง "ซี" แบบทำเสียงสั่นในปากไม่ได้ก็เรียกมันว่า "แซ่ด" ดีกว่าครับ ไม่ต้องอายถ้าใครว่าคุณเรียกผิดก็บอกเค้าไปเลยว่าคุณเรียกแบบยุโรป


ชอบแปลชื่อแบบไม่จำเป็น
บางครั้งคนไทยก็ชอบแปลอะไรที่มันไม่น่าจะจำเป็นต้องแปล ผมเห็นมาหลายอย่างแต่นึกไม่ค่อยออก ที่จำได้ชัดๆ เลยก็ "ถนนวิทยุ" ครับ เห็นเขียนป้ายว่า Wireless Road....ป๊าดดด แล้วจะรู้มั้ยว่ามันหมายถึงถนนนี้ ลองนึกดูครับว่าถ้าฝรั่งเดินมาถามคุณด้วยภาษาที่แปลแล้วคุณจะรู้เรื่องมั้ย ถ้าไม่ทันคิดได้มึนกันมั่งล่ะครับ Wireless Road เนี่ยที่จริงผมว่าเขียนไปตรงๆ ว่า Wittayu Road ยังจะดีกว่าเลย ซึ่งก็เห็นบางป้ายเขียนทับศัพท์แบบนี้อยู่เหมือนกัน ชื่อก็คือชื่อครับ ไม่ต้องไปแปลมัน
ลองสังเกตุดูครับหลายๆ อย่างที่ไม่น่าจะต้องแปลแต่ก็แปล

ทีนี้ลองมาดูกันเล่นๆ ว่าชื่อถนนหรือสถานที่ต่างๆ ถ้าแปลแล้วมันจะรู้เรื่องมั้ย ลอง
จินตนาการดูว่าถ้ามีชาวต่างชาติเดินมาถามคุณด้วยชื่อสถานที่ต่างๆ ที่แปลแล้ว
แบบนี้คุณจะรู้มั้ยว่าเขากำลังหมายถึงที่ไหน
ชิดลม - Close to Wind
ลาดพร้าว - Coconut Slope
ลาดหญ้า - Grass Slope
ทองหล่อ - casted gold
พร้อมพงษ์ - Whole Family
เพลินจิต - Enjoy
รามอินทรา - King Intra
บางนา - Some Field? ...Fields Town
บางกะปิ - Some Shrimp Paste? ...Shrimp Paste Town
อ่อนนุช - Sister
สามย่าน - Three Areas
เกษตร - Farmland
....ลองนึกดูมีคนเดินมาถามคุณว่า Excuse me, where is the Coconut Slope Central? หรือ Excuse me, how can I go to Sister Tesco? จะตอบได้มั้ย....มึนล่ะครับงานนี้ หึหึหึ



เรื่องชื่อเฉพาะ
จากที่เคยคุยกับหลายคนผมพบว่าคนไทยเรามีปัญหาเรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับชื่อที่ตั้งขึ้นมาสำหรับใช้เฉพาะต่างๆ ชื่อเฉพาะเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาโดยกำหนดตัวสะกดและการออกเสียงตามที่ผู้ตั้งต้องการ เพราะงั้นเราก็ต้องออกเสียงตามที่ผู้ตั้งชื่อกำหนดไว้ ไม่ใช่ออกเสียงตามที่เราคิด และชื่อเฉพาะจะไม่มีคำว่าผิดหรือถูก มันจะยังไงก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแปลความหมายได้ก็ได้อีกเหมือนกัน ซึ่งชาวญี่ปุ่นจะมีความเข้าใจในเรื่องนี้ดี แต่ผมเคยได้ยินคนไม่น้อยชอบบอกว่าคนญี่ปุ่นใช้ภาษาอังกฤษผิดๆ เช่นชื่อสตูดิโอที่ทำอนิเมอย่าง Production IG ที่มีคนบอกว่าแบบนี้ผิด มันต้องเป็น IG Production แต่นี่แหละครับคือชื่อเฉพาะที่ไม่จำเป็นต้องแปลความหมายได้ก็ได้หรืออาจแฝงความหมายเอาไว้ในชื่อโดยแปลออกมาตรงๆ ไม่ได้ก็ได้ เพราะงั้นเราก็ต้องเรียกว่า Production IG ตามที่เขาตั้งมาเป็นชื่อเฉพาะครับ ไม่ใช่ไปแปลชื่อของเขา อย่างที่เพิ่งบอกไป ชื่อเฉพาะยังมีอีกมากครับไม่ว่าจะเป็นชื่อบริษัท ชื่อเรื่องของหนังหรือการ์ตูน เช่น Gundam ก็ควรอ่านว่า "กันดั้ม" ตามต้นฉบับที่ตั้งมา ไม่ใช่อ่านว่า "กันแด็ม" คำว่า VAIO ก็ควรอ่านว่า "ไวโอ" ไม่ใช่ "ไวโอ้" ครับ

สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในวิชาภาษาไทยก็สอนเกี่ยวกับการตั้งชื่อ หลักการตั้งชื่อที่สอนคือตั้งตามเนื้อหาสำคัญ ตามสถานที่สำคัญ ตามชื่อบุคคลสำคัญ และอื่นๆ ซึ่งคนไทยเรามักจะตั้งชื่อตามในบทเรียนนั้น อาจารย์ที่สอนก็บอกผมว่าชื่อการ์ตูน Pokemon ที่จริงคือคำว่า Pocket Monster แต่คนญี่ปุ่นอ่านออกเสียงว่า พ็อคเก็ตมอนสเตอร์ไม่ได้ เขาเลยเรียกเป็นโปเกมอนแทน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น แต่มันเป็นชื่อเฉพาะที่เกิดจากการย่อคำว่า Pocket Monster ครับ คนญี่ปุ่นจะย่อคำด้วยการเอา 2 พยางค์แรกของแต่ละคำมาเรียกครับ เช่น Personal Computer ที่คนไทยเราจะย่อเป็น PC เหมือนกับที่ฝรั่งย่อกัน แต่คนญี่ปุ่นจะย่อเป็นคำว่า Pasokon (พาโซคอน) ซึ่งมาจากการเขียนเป็นคำอ่านในสำเนียงญี่ปุ่นว่า Pasonaru Konpyuta- (พาโซนารุ คนพิวตา) นั่นเองครับ เหมือนกับ คำว่า Pocket Monster ที่ในภาษาญี่ปุ่นจะเขียนว่า Poketto Monsuta- จึงย่อได้ว่า Pokemon นั่นเองครับ


การออกเสียงตามภาษาต้นทาง
เรื่องนี้ก็เป็นผลต่อเนื่องมาจากเรื่องชื่อเฉพาะครับ ไม่ว่าจะเป็นภาษาไหนก็ตามถ้ามาเขียนด้วยตัวอักษรอังกฤษคนไทยเรามักจะอ่านออกเสียงตามสำเนียงของภาษา
อังกฤษทันที ทั้งที่จริงๆ แล้วเราควรอ่านตามสำเนียงของภาษานั้นๆ ผมเคยได้ยินคนอ่านออกเสียงคำต่างๆ เข่นเพลง Gangnam Style ที่ตอนนั้นกำลังฮิตว่า "แกง-เนิ่ม" ซึ่งเป็นสำเนียงแบบภาษาอังกฤษ แต่คำนี้เป็นภาษาเกาหลีเราก็ควรจะออกเสียงตามแบบเกาหลีว่า "กังนัม" ไม่ควรจะไปออกเสียงตามแบบสำเนียงภาษาอังกฤษครับ

คนญี่ปุ่นจะเลือกอ่านออกเสียงตามภาษาต่างๆ ด้วย ไม่ได้อ่านตามแต่ภาษาอังกฤษผมเคยได้ยินหลายคนมักจะพูดว่าคนญี่ปุ่นออกเสียงผิด แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาไม่ได้ออกเสียงหรือเรียกภาษาอังกฤษนั่นเอง เช่นเห็ด truffle ที่จะได้ยินคนญี่ปุ่นเรียกว่าเห็ด "ทรูฟ" มีคนบอกว่าญี่ปุ่นอ่านผิดเพราะเรามักจะเรียกกันว่า "ทรัฟเฟิ่ล" ซึ่งนั่นเป็นการเรียกตามภาษาอังกฤษ แต่ที่คนญี่ปุ่นจะเรียกตามภาษาฝรั่งเศษคือ truffe ครับ

หรืออย่างคำต่างๆ ที่มาจากภาษาเยอรมัน เช่น München คนที่อ่านตามสำเนียงเยอรมันก็มักจะออกเสียงกันว่า "มึนเช่น" จริงๆ แล้วต้องออกเสียงประมาณ "มึน-คเฮน" ครับเมื่อก่อนหน้านี้ที่เยอร์มันมีน้ำท่วมผมก็ได้ยินคนอ่านข่าวในไทยบอกว่ามีที่ไหนบ้าง ก็จำไม่ค่อยได้แล้วครับว่าที่ไหนบ้าง แต่ก็มี 2 ชื่อหลังคือ Baden-Wurttemberg, Bavaria คนอ่านก็ออกเสียงเป็น "บาเด็นเวอเท็มแบร์ก" กับ "บาวาเรีย" ซึ่งผมก็รู้สึกว่าถ้าจะอ่านว่า "บาเด็นเวอเท็มแบร์ก" แล้วทำไมไม่เรียก Bavaria ว่า Bayern ซึ่งออกเสียงว่า "บาย-อัน" (ไม่ใช่ บาเยิร์น นะครับ) ไปซะเลย หรือไม่ก็เรียกว่า "บาเด็นเวอเท็มเบอร์ก" กับ "บาวาเรีย" ก็จะดีกว่า


เรื่องของเสียง ph
สืบเนื่องมาจากเรื่องชื่อเฉพาะและการออกเสียงผมได้ยินคนชอบเรียกรถรุ่นนึงผิด Toyota Alphard นั่นเองครับ ผมได้ยินคนไม่น้อยชอบเรียกว่า "อัลพาร์ด" ทั้งๆ ที่ชื่อของมันคือ "อัลฟาร์ด" เพื่อนผมเคยเรียกอย่างถูกต้องก็โดนหัวเราะว่าไม่รู้เรื่องยังบอกอีกว่าเค้าเรียกอัลพาร์ด....แต่ชื่อมันเขียนอยู่ว่า "อัลฟาร์ด" ชัดเจนในตัวภาษาญี่ปุ่นก็เขียนเอาไว้ว่าให้อ่าน ฟาร์ด ไม่ใช่ พาร์ด .....แหมผมก็ไม่เคยได้ยินใครที่ไหนอ่าน Photo ว่า โพโต้, อ่าน Alpha ว่า อัลพ่า, อ่าน Dolphin ว่า ดอลพิ่นและก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครเรียนวิชาพิสิกส์ ได้ยินแต่ฟิสิกส์ (Physics) ใครที่เรียกรถรุ่นนี้ว่า "อัลพาร์ด" แล้วคิดว่า "อัลฟาร์ด" มันผิด ผมก็อยากให้ลองนึกดูให้ดีๆ ครับว่ามันควรเรียกว่าอะไรกันแน่



ปารีสสส....
ชื่อเมืองแห่งหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมปัจจุบันถึงได้ยินแต่คนออกเสียงกันว่า "ปารีสสส" ประมาณว่าเน้นเสียงตัว s ราวกับว่ามันสะกดว่า ปารีs กันเลยทีเดียวฟังดูเหมือนกับว่าจะออกเสียงแบบไทยก็ไม่ไทย แบบภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ ไม่รู้จะเอายังไงกันแน่ ผมว่าถ้าจะอ่านแบบไทยๆ ก็เรียกว่า "ปา-รีด" ไปซะเลยดีกว่า แต่ถ้าจะออกเสียงแบบภาษาอังกฤษก็เรียกว่า "แพ-ริส" หรือ "พา-ริส" ไปซะเลยครับ มันจะดีกว่าการออกเสียงแบบครึ่งๆ กลางๆ อย่าง "ปารีสสส" มากเลย


เสียงของ Tsu ในภาษาญี่ปุ่น
ตัว Tsu ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงเป็น "ซึ" หรือบางครั้งก็ "สึ" ครับ ไม่ใช่ ทะสึ เช่น Tsubasa อ่านว่า ซึบาสะ ไม่ใช่ ทะสึบาสะ หรือ Tsuki อ่านว่า ซึกิ ไม่ใช่ ทะสึกิ เพราะถ้าออกเสียงเป็น ทะสึ มันจะกลายเป็นเหมือนเขียนแบบ Tatsu ซะมากกว่าซึ่งแบบนั้นจะออกเสียงว่า ทัตสึ แล้วความหมายก็จะต่างออกไปทันทีครับ


เสียงควบกล้ำ ร, ล
มาถึงภาษาไทยกันบ้าง เสียงควบกล้ำ ร ล ต่างๆ ทุกวันนี้มันหายไปซะหมดแล้วที่เห็นได้บ่อยคือคำว่า เครียด ที่ทุกวันนี้กลายเป็น เคียด ไปแล้ว คลี่ ก็กลายเป็น คี่ฟรี กลายเป็น ฟี และที่ตลกมากสำหรับผมคือบางคนพูด ฟี (fee) กลายเป็น ฟรีอะไรกันเนี่ย
....แสดงว่ามันไม่ใช่ว่าออกเสียงกันไม่ได้นะครับ แต่ชอบออกเสียงกันตามใจชอบมากกว่า ทำไมถึงไม่ออกเสียงให้ถูกต้องตามคำของมันกันล่ะครับ



สำเนียงภาษาอังกฤษที่ติดเข้ามาในภาษาไทย
ผมคิดว่าเป็นเพราะเราให้ความสำคัญกับสำเนียงและภาษาอังกฤษมากเกินไป ทำให้สำเนียงนั้นๆ ติดมาถึงภาษาไทยด้วย การออกเสียง ทอ บางครั้งจะติดเสียง ชอ ออกมาด้วย ได้ยินบ่อยในเพลงต่างๆ เช่น เธอ ก็กลายเป็น เชอ และอย่างเสียง ช ในภาษาไทยก็เป็นควรเป็น ช ครับ ไม่ใช่ sh เวลาออกเสียงก็ไม่จำเป็นต้องลากเสียง ช นำมาก่อนอย่างเสียง sh ได้ยินบ่อยในเพลงพวกคำว่า ชั้น เชื่อ มักกลายเป็น ช-ชั้น หรือ shan ทำนองนี้ครับ


ก็อยากฝากผู้ที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องนี้ด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นครูอาจารย์หรือพ่อแม่ รวมถึงคนที่เข้ามาอ่านเอง และน้องๆ วัยประถม มัธยม มหาลัยที่กำลังเรียนกันอยู่ด้วยอยากให้ออกเสียงกันให้ถูกต้องตามที่มันควรจะเป็น น้องๆ ในวัยเรียนยังแก้กันใหม่ได้ ไม่สายครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเข้าใจในชื่อเฉพาะต่างๆ เรื่องที่เราอ้างอิงเรื่องภาษากับทางอเมริกามากไป เรื่องที่ภาษาอังกฤษมีผลกับภาษาไทย เป็นต้น

การที่เราต้องการที่จะเรียนภาษาอังกฤษก็เป็นเรื่องดีครับแต่อย่าให้ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันมาปิดกั้นการเรียนรู้ของเรา และอย่าให้ภาษาที่ 2 อย่างภาษาอังกฤษมาทำให้ภาษาหลักอย่างภาษาไทยของเราเพี้ยนไปก็จะยิ่งดีกว่ามากๆ ครับ

ขอบคุณครับ


โดย นาย nyo



Create Date : 23 กรกฎาคม 2556
Last Update : 28 กรกฎาคม 2556 16:32:18 น. 0 comments
Counter : 2261 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nyo
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ 2539 ห้ามผู้ใดทำการคัดลอก ส่วนใดส่วนหนึ่งของบล๊อกนี้ไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อค


ติดต่อผมได้ที่
naai.nyo@gmail.com

____________________

บล๊อกนี้ผมเขียนขึ้นมาจากสิ่งที่ผมไปรู้ไปเห็นมาก็เลยเอามาเล่าต่อเพื่อเป็นการแชร์ความรู้กัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อยครับ


กรูณาใช้ภาษาให้เหมาะสมในการแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ
Friends' blogs
[Add nyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.