Group Blog All Blog
|
จุดดับในดวงตะวัน / ว.วินิจฉัยกุล
จุดดับในดวงตะวัน / ว.วินิจฉัยกุล จำนวน 596 หน้า สนพ.ทรีบีส์ ราคา 440 บาท โปรยปกหลัง... ย้อนนึกทบทวนตั้งแต่รู้จักเสกสุธาปัณณิกาพบด้วยความประหลาดใจว่าแท้จริงจะเรียกว่าเธอไม่รู้จักเขาเลยก็ว่าได้เพื่อนรักในวัยเยาว์ที่ชื่อเสกสุธาตายจากไปแล้วฝังอยู่ในดินแดนของอดีตอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้อีกเสกสุธาคนที่เธอแต่งงานด้วยเป็นชายแปลกหน้าผู้มีดวงหน้าเหมือนเพื่อนรักของเธอเท่านั้นแต่ตัวจริงของเขาไม่ใช่... เขาเป็นภาพลวงตาซึ่งถูกเหตุการณ์หลายเรื่องหลายวาระค่อยๆลอกตัวจริงออกทีละชั้นทีละชั้นจนประจักษ์... เสกสุธาเป็นตัวของเขามาแต่ไหนแต่ไรเขาคือดวงตะวันสว่างงามจนไม่มีใครเห็นจุดดับมืดในรัศมีอร่ามเรืองเธอเองก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร...นานจนมีลูกกับเขานั่นแหละถึงได้เห็นความจริงข้อนี้...
-----------------------------------------------------------------------------
"จุดดับในดวงตะวัน" เป็นนิยายที่เล่าเรื่องราวผ่านตัวละครในวัยชราสองคน คือ"ปัณณิกา" และ "เสกสุธา" ทั้งคู่นึกย้อนไปถึงอดีตของตัวเองตั้งแต่วัยเยาว์ จนเป็นวัยรุ่น เรียนจบ และแต่งงาน "ปัณณิกา" เป็นแบบฉบับของผู้หญิงที่ใฝ่ดี ฉลาด เอาการเอางาน รักความถูกต้อง มีความเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด จึงเป็นที่ถูกใจของสมฤกษ์ คุณลุงผู้ชุบชีวิตใหม่ให้กับเสกสุธา เมื่อสมฤกษ์ประสงค์จะให้เสกสุธาแต่งงานกับปัณณิกา เสกสุธาแม้จะไม่ได้รักปัณณิกา แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ จึงตกลงแต่งงานกับเธอ เพื่อเอาใจลุงของเขา "เสกสุธา" เด็กน้อยที่อาศัยอยู่ในสวนส้มกับพ่อที่จังหวัดสุโขทัย เขาไม่ได้เข้าโรงเรียนเพราะเรียนแบบ Home Shool เสกสุธาในวัยเด็กอยากอยู่ในเมืองและอยากไปโรงเรียน สมฤกษ์ผู้เป็นลุงจึงหาทางให้เสกสุธาได้เรียนและใช้ชีวิตอยู่กับตน เมื่อเสกสุธาโตขึ้นจึงได้ส่งหลานรักไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ เสกสุธาเป็นชายหนุ่มรูปงาม ฐานะดี พูดจาอ่อนหวาน เอาอกเอาใจเก่ง คุณลุงก็มีหน้ามีตา มีอันจะกิน เสกสุธารู้จักกับปัณณิกาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากพ่อของปัณณิกาเป็นทนายประจำตระกูลของเขา ในสายตาขอปัณณิกา เสกสุธาโดดเด่นกว่าใคร เมื่อเติบโตเขาจึงคว้าหัวใจของเธอไปครองได้อย่างไม่ยากเย็น แม้ปัณณิกาจะเป็นผู้หญิงฉลาด แต่คงไม่ต่างกับทุกๆคน ที่เมื่อความรักบังตา ปัณณิกาก็พร้อมที่จะหาเหตุผลเพื่อรองรับการกระทำที่ไม่ถูกต้องของเสกสุธา จนกระทั่งเธอได้ตัดสินใจทำสิ่งผิดพลาดที่สุดในชีวิต คือการตัดสินใจแต่งงานกับเสกสุธา "สรุจ" ลูกของลูกพี่ลูกน้องของพ่อเสกสุธา เมื่อพ่อของสรุจเสียชีวิต สมฤกษ์ผู้เป็นลุงของเสกสุธาจึงได้อุปการะสรุจไว้ แม้จะไม่ได้ส่งสรุจไปเรียนเมืองนอกเช่นเสกสุธา แต่สมฤกษ์ก็เลี้ยงดูส่งเสียสรุจให้เล่าเรียนจนจบ และให้สรุจทำงานที่บริษัทของตนเอง สรุจเป็นชายหนุ่มผู้จริงจังกับชีวิต พูดจาตรงไปตรงมา ไม่อ่อนหวาน ไม่มีลูกล่อลูกชน มีความหนักแน่นและเสมอต้นเสมอปลาย สรุจรักปัณณิกาด้วยความจริงใจ และขอปัณณิกาแต่งงาน แต่ปัณณิกาในตอนนั้นไม่ได้คิดกับสรุจเกินกว่าคำว่าพี่ชาย "ลลิสา" เด็กหญิงตัวน้อยที่เป็นเพื่อนบ้านกับปัณณิกามาตั้งแต่เด็ก ลลิสาเป็นคนที่สวยมากๆๆๆ และมีฐานะดี เนื่องจากมีคนตามใจมากทำให้ลลิสาเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ ลลิสาเจอกับเสกสุธาที่อังกฤษก่อนที่เสกสุธาจะแต่งงานกับปัณณิกา เสกสุธาชอบลลิสาเพราะเธอสวยยิ่งกว่่าใคร แต่เสกสุธาไม่สามารถแต่งงานกับลลิสาได้ เพราะเธอมีข่าวคาวที่ไม่ดี และลุงสมฤกษ์ก็ไม่ชอบเธอ ความรู้สึกหลังอ่าน.... โดยส่วนตัวแล้ว เป็นคนชอบอ่านนิยายแนวดราม่าครอบครัวอยู่แล้ว ยิ่งเนื้อหายาวๆๆและเล่าเรื่องชีวิตตั้งแต่วัยเด็กนี่ยิ่งชอบมากๆ เรื่องนี้เนื้อเรื่องเหมือนธรรมดา แต่ด้วยเทคนิคในการเล่าเรื่องราว มันทำให้จขบ.ไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด อย่างเช่นตอนที่อ่านถึงชีวิตพ่อของเสกสุธา "เสกพร" ว่าหนีกรุงมาทำสวนส้ม เพราะอยากพัฒนาชนบทให้มีความเจริญ เอ้อ! อ่านแล้วรู้สึกว่าน่าชื่นชมแฮะ แต่ปรากฎว่าตอนที่อ่านนั้นเป็นความคิดและคำพูดของเสกพรคนเดียวค่ะ แต่ในความคิดของลุงสมฤกษ์ พี่ชายของเสกพร เรื่องทำส่วนส้มนี่กลับกลายเป็นเรื่องโอละพ่อไปเลย หรือแม้แต่บทสนทนาเล็กๆของปัณณิกากับคู่ครองในวัยชรา ก็หลอกเราให้ลังเลถึงตอนจบของเรื่องได้อยู่เหมือนกัน แม้หนังสือจะมีความยาว แต่เมื่ออ่านบทหนึ่งจบก็มีความอยากจะรู้อยากอ่านเรื่องราวชีวิตตอนต่อๆไปของตัวละคร ซึ่งเรื่องนี้มีแง่คิดให้เยอะมากๆๆๆๆๆค่ะ ทั้งแง่คิดที่เห็นเด่นชัด และแง่คิดเล็กๆน้อยๆที่ซ่อนเอาไว้ ยกตัวอย่างนิดๆหน่อยๆ (จริงๆแล้วแง่คิดมีเยอะมากค่ะ อ่านแล้วชอบจัง) แง่คิดที่เห็นเด่นชัดมากๆคือทัศนะคติและลักษณะวิธีการทำงานของเสกพรและเสกสุธาค่ะ ซึ่งสองพ่อลูกนี้มีความล้มเหลวในการทำงานที่คล้ายคลึงกันอย่างมากค่ะ (จริงๆอยากเล่ารายละเอียดนะคะ แต่อ่านในหนังสือน่าจะสนุกและอินกว่า เล่ามาก เดี๊ยวจะกลายเป็นสปอยล์เยอะไป อยากให้อ่านเองมากกว่าค่ะ ^^ ) ส่วนแง่คิดเล็กๆน้อยๆที่ซ่อนเอาไว้ เช่น ตอนที่แม่ของนางเอกพานางเอกไปบางลำพูค่ะ นางเอกตอนนั้นก็ยังเด็กเห็นเสื้อสวยก็อยากได้ พอคนขายบอกราคา ปัณณิกาในวัยเยาว์ก็ส่ายหัวไม่เอาทันที เพราะรู้ว่าแพงเกินไป ซึ่งจากการใช้ชีวิตในเรื่องจะเห็นว่าแม่ของปัณณิกาเป็นคนประหยัด ทำให้คิดได้ว่าพ่อแม่เป็นแบบอย่างของลูกๆจริงๆ เพราะปัณณิกาเธอก็ได้รับนิสัยนี้ไปด้วย ต่างกับลลิสา ซึ่งได้เสื้อสวยราคาแพงตัวนั้นไป พ่อของเธอเป็นคนมีฐานะ จึงสามารถจับจ่ายใช้สอยโดยไม่ต้องคิดมาก จึงทำให้เมื่อโตขึ้น ลลิสาซึ่งเป็นคนชอบความสวยงามอยู่แล้วจึงมีนิสัยที่ฟุ้งเฟ้อ (อ่านแล้วเครียดกับตัวเองเหมือนกันค่ะ 55555 เพราะเราซื้อนิยายเยอะมาก แถมยังซื้อหนังสือการ์ตูนความรู้ เช่นติ๋งหนืดให้ลูกอีกเยอะ การ์ตูนความรู้นี่แพงมากๆนะคะ เล่มบางๆราคา 150 - 180 บาท ) เรื่องราวหลักเป็นของตัวละครสี่คนที่กล่าวไว้ แต่ก็ยังมีชีวิตของบุคคลรอบข้างซึ่งแฝงสาระและข้อคิดไว้ไม่แพ้กัน ส่วนจุดบอดดำมืดของเสกสุธาคืออะไร และปัณณิกาจะแก้ปัญหาชีวิตอย่างไร ต้องลองอ่านดูนะคะ ถ้าเล่าเรื่องหมดมันจะไม่สนุกอ่ะสิ "ด้านเสียหรือจุดบอดในตัวตน นั้นทั้งยากและท้าทายบุคคลทุกผู้ ผู้ประเสริฐนั้นพึงยอมรับ และพร้อมแก้ไขให้ข้อบกพร่องหมดไป หรือดีขึ้นได้ แต่มนุษย์ผู้ไม่รู้ตื่น มัวใช้ชีวิตอยู่กับเปลือก ปล่อยให้ข้อเสียกัดกินตัวเองโดยไม่เปลี่ยนแปลงใด นานวันเข้า จุดเสียเล็กๆนี้รังแต่จะขยายใหญ่ แผ่ลามเป็นความดำมืด ทาบทับลงบนชีวิตที่สวยงาม...ไม่มีความรุ่งโรจน์ใดๆให้เห็นอีกเลย" (ข้อคิดดีๆ คัดลอกบางส่วนมาจากคำนำของเรื่องนะคะ) สรุปแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่นิยายรักที่มีฉากหวานๆ หรือมีฉากหักมุมอะไรให้รู้สึกแปลกใจ แต่เป็นนิยายแนวครอบครัวที่ผู้แต่งสามารถเล่าเรื่องราวชีวิตได้อย่างสนุกสนาน ซึ่งตัวละครแต่ละคนก็เลือกทางเดินชีวิตของตนไว้แล้ว บทสรุปของชีวิตก็เป็นไปตามผลของกระทำ ซึ่งจขบ.เองก็คิดว่าเหมาะสมดี อ่านเรื่องนี้จบแล้วชอบมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ ^^ เป็นอีกเล่มที่กาดอกจันไว้แล้วว่า...ไม่พลาดแน่ ๆ
งานของอาจารย์มีให้ตามเก็บอีกเยอะเลยนะเนี่ย โดย: แม่ไก่ วันที่: 25 สิงหาคม 2556 เวลา:0:03:29 น.
ไม่เคยอ่านเลยค่ะ
นอกเรื่องนิดนึง...หนังสือเด็กนี่แพงจริงๆ่ค่ะ เคยจะซื้อไปบริจาคให้ห้องสมุดโรงเรียน เห็นราคาแล้วหยิบแทบไม่ไหว... โดย: Aneem วันที่: 25 สิงหาคม 2556 เวลา:7:48:00 น.
เป็นเรื่องที่ตามอ่านด้วยความลุ้นระทึกในชะตากรรมของตัวละครมากเลยครับ
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 25 สิงหาคม 2556 เวลา:14:19:22 น.
พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง ปกติถึงยังไม่อ่าน แต่ก็ต้องซื้อเก็บไว้ก่อน
งานหนังสือรอบนี้ ไม่พลาดแน่ๆ โดย: ฟ้าใส ในเงาจันทร์ วันที่: 25 สิงหาคม 2556 เวลา:18:19:03 น.
อ่านแล้วเช่นกันค่ะ
ทั้ง ๆ ที่พอรู้เรื่องคร่าว ๆ มาก่อน ตอนอ่านก็ยังอ่านไปลุ้นไป ( ว่าเมื่อไรนางเอกจะหย่า ฮ่า ) โดย: Serverlus วันที่: 25 สิงหาคม 2556 เวลา:21:12:10 น.
ชอบงานของ ว.วินิจฉัยกุล แต่ที่อุ้มสมกับ Serverlus บอกว่ารอนางเอกหย่านี่พาชะงักงัน เหมือนเรื่องราตรีประดับดาว ที่พระเอกมีเมียสองเลยน่ะค่ะ .. แต่เชื่อมือท่าน ว.วินิจนะ
ไว้จะลองหามาอ่านบ้างค่ะ โดย: prysang วันที่: 25 สิงหาคม 2556 เวลา:21:50:32 น.
เห็น "ๆ" หลายตัวตรงบรรทัดสุดท้ายของรีวิว กระตุ้นความอยากอ่านอีกครั้ง / คงมีช่วงสำหรับงานของผู้เขียนบ้างค่ะ
โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 26 สิงหาคม 2556 เวลา:10:23:11 น.
น่าสนใจมากๆๆๆค่ะ เดี๋ยวต้องหามาเพิ่มพูนกองดองบ้าง
โดย: polyj วันที่: 26 สิงหาคม 2556 เวลา:11:06:35 น.
ไม่กล้ากอ่านเรื่องย่อเลยอะ (รอลุ้น) เพราะเรื่องนี้ยังอยู่ในกองดองอยู่เลย ซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสือหลายเดือนแล้ว รอไปก่อน
โดย: Nat_NM วันที่: 26 สิงหาคม 2556 เวลา:12:37:13 น.
เอ่อ มันเครียดมากหรือเปล่าคะ เพราะอ่านรีวิวแล้วดูจะถึงขั้นเส้นเลือดโป่งพองแหงๆ เลย
โดย: Kitsunegari วันที่: 26 สิงหาคม 2556 เวลา:14:58:26 น.
น้องอุ้มสม คุณServerlus คุณสามปอยหลวง ... พอกันเลยค่ะ ลุ้นว่าเมื่อไรจะถึงคราวของเสกสุธา อิอิ
คุณแม่ไก่ คุณฟ้าใส...ส่วนตัวก็ตามอ่านงานของอาจารย์อยู่เช่นกันค่ะ น้องAneem... จริงที่สุดค่ะ เดี๊ยวเก็บหนังสือลูกไปบริจาคห้องสมุดบ้างดีกว่า ^^ คุณ prysang ... สนุกค่ะ ส่วนตัวถ้าชอบแนวนี้ เราว่าสนุกทุกตอนเลยค่ะ คุณคอเล่า คุณพุด คุณpolyj... ถ้าชอบแนวนี้อยุ่แล้ว รับรองต้องชอบแน่ๆค่ะ เขียนได้สนุกทุกตอนเลยค่ะ แต่บางคนก็อาจเบื่อๆนะคะ เพราะไม่ได้ชอบแนวครอบครัว อ่านแล้วอาจจะไม่อินค่ะ น้องชบาหลอด คุณNat_NM ... จริงๆมีหนังสือดองไว้หลายเล่มเลยค่ะ แต่ก็เลือกหยิบเล่มนี้มาอ่าน ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ได้ข้อคิดมากด้วย คุณKitsunegari... รีวิวดูเครียดหรือคะ ไม่จริงน๊า อ่านแล้วไม่เครียดค่ะ เพราะมีแต่คนเชียร์นางเอกให้หย่า แล้วสาปแช่งเสกสุธา 5555 โดย: Sab Zab' วันที่: 28 สิงหาคม 2556 เวลา:7:30:38 น.
คุณSab Zab'คะ ช่วงปลายปีอิ๋วจะมีโครงการไปพัฒนาโรงเรียน(เรียกซะหรูเชียว) ถ้าหนังสือมีเยอะและอยากบริจาคก็ขอบอกบุญร่วมกันนะคะ ไว้กำหนดโรงเรียนและวันที่ไปได้แน่นอนแล้วจะมาแจ้งอีกทีนะคะ
โดย: Aneem วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:19:36:28 น.
หลังๆติดไปอ่านแก้วเก้าเสียมากกว่าครับ เดี๋ยวงานหน้าจะลองไปหามาอ่านบ้างๆ
โดย: allreddy วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:21:26:16 น.
น้องAneem...ยินดีเลยค่ะ มีของเล่นเสริมการเรียนรุ้ กับหนังสือแบบฝึกหัดด้วยค่ะ จะติดต่อไปหลังไมค์นะคะ
คุณallreddy...นามปากกาแก้วเก้าจขบ.ก็ชอบเช่นเดียวกันค่ะ โดย: Sab Zab' วันที่: 30 สิงหาคม 2556 เวลา:6:51:59 น.
เรื่องนี้ ซื้อมาตั้งแต่หนังสือออกเลยค่ะ จนปัจจุบันยังไม่ได้อ่าน เนื่องจาก เสียดายค่ะ กะจะอ่านงานของผู้เขียนท่านอื่นให้หมดก่อน ส่วนของ อาจารย์ ว.วินิจฉัยกุล เก็บไว้อ่านที่หลัง (เหมือนเด็กเนอะ.....เก็บของอร่อยของดีไว้ทีหลัง)
โดย: ปลาเม็ง วันที่: 1 กันยายน 2556 เวลา:14:50:24 น.
ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้เลยค่ะ แต่จริงๆ ต้องบอกว่าอ่านงานของนักเขียนท่านนี้น้อยมากๆเลย
โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 2 กันยายน 2556 เวลา:11:17:46 น.
แวะมาทักทายครับ แต่งดออกความคิดเห็น เพราะแนวนี้ไม่ค่อยได้อ่านเท่าไรครับ
โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 4 กันยายน 2556 เวลา:13:42:30 น.
ของแต่งบล๊อกมากมาย้ชิญหยิบไปใช้ได้เลย โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 7 กันยายน 2556 เวลา:21:19:52 น.
คุณปลาเม็ง... นิสัยคล้ายกันเลยค่ะ แต่ตอนหลังพยายามเปลี่ยนๆแล้ว ไม่งั้นกองดองจะดูสวยหรูเกินไป
คุณหัวใจสีชมพู...นามปากกานี้ มีเก็บไม่ค่อยเยอะเท่าไรเหมือนกันค่ะ คุณปีศาจความฝัน... สวัสดีค่ะ ตอบกลับช้ามากเลย พอดีเดือนนี้ยุ่งฝุดๆๆ ทำงานแบบมหาโหดเลยค่ะ คุณชมพร ... (ขอเรียกแบบสุภาพก่อนละกันค่ะ ฮา) ขอบคุณมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ แอบเอาไปใช้แล้วค่ะ แล้วจะแวะไปจิ๊ก เอ้ย ไปขออีกนะคะ โดย: Sab Zab' วันที่: 8 กันยายน 2556 เวลา:20:56:02 น.
ต่อไปไม่ต้องแอบไปจิ๊ก ยกให้ทั้งบล๊อกเลย โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 9 กันยายน 2556 เวลา:11:47:02 น.
|
Sab Zab'
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?] Link |
ประทับใจกับความรักของสรุจที่มีต่อปัณณิกาด้วย