Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
ว่าด้วยเรื่องของแอลคาร์นิทีน L-Carnitine กับการลดความอ้วน




แอลคาร์นิทีน L-Carnitine คือ อะไร ??

L-Carnitine แอลคาร์นิทีนเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็น (Essential Amino Acids) ที่ร่างกายต้องสร้างขึ้นจากกรดอะมิโน 2 ตัว (Lysine และ Methionine), วิตามิน 3 ตัว (Vitamin B6, Vitamin C และNiacin) และเกลือแร่ 1 ตัว (Iron) ดังนั้น หากร่างกายขาดกรดอะมิโน, วิตามิน หรือเกลือแร่ ดังกล่าว แม้ตัวใดตัวหนึ่ง ก็จะทำให้ร่างกายขาดแอลคาร์นิทีนไปด้วย ซึ่งจำเป็นที่ร่างกายจะต้องได้รับแอลคาร์นิทีนทดแทนเข้าไป เพราะ แอลคาร์นิทีนเป็นกรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อร่างกาย

L-Carnitine แอลคาร์นิทีน เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยเปลี่ยนไขมันที่สะสมอยู่ในที่ต่างๆ ของร่างกายให้กลายเป็นพลังงาน ดังนั้น แอลคาร์นิทีน จึงมีฤทธิ์เป็นตัวเผาผลาญไขมัน (Fat Burner) โดยจะไปลดระดับของโคเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ซึ่งเป็นไขมันอันตราย ที่จะไปอุดตันทางเดินของเลือดในเส้นเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นเลือดในสมอง และเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ อันเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากเส้นเลือดในสมองแตก และเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอุดตัน ดังนั้น แอลคาร์นิทีน จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหัวใจ (Cardiac Performance) ได้เป็นอย่างดี และสามารถเพิ่มผลสำเร็จของการแข่งขันกีฬา (Athletic Performance) ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

L-Carnitine แอลคาร์นิทีน เป็นกรดอะมิโนที่ตามปกติแล้ว สามารถถูกสร้างขึ้นได้เองในร่างกายมนุษย์ โดยสร้างขึ้นจากกรดอะมิโน 2 ตัวคือ L-Lysine กับ Methionine โดยที่ แอลคาร์นิทีน เป็นกรดอะมิโนที่ผู้ป่วยเบาหวาน(Diabetes) และผู้ป่วยโรคตับแข็ง (Cirrhosis) มักขาด ทั้งนี้เนื่องจากการขาด L-Lysine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับการสร้าง แอลคาร์นิทีน ดังนั้น ผู้ป่วยดังกล่าวจึงจำเป็นต้องได้รับ แอลคาร์นิทีน เสริม เพราะ แอลคาร์นิทีน เป็น Essential Amino Acid

L-Carnitine แอลคาร์นิทีน ช่วยเปลี่ยนไขมันที่สะสมอยู่ในที่ต่างๆ ในร่างกายให้เป็นพลังงาน จึงเป็นการออกฤทธิ์เหมือนกับตัวเผาผลาญไขมัน (Fat Burner) ดังนั้น จึงนิยมใช้ในโปรแกรมควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดระดับไขมัน Cholesterol และ Triglyceride




แอลคาร์นิทีน คือ อะไร ?
แอล-คาร์นิทีน เป็นชื่อของสารตัวหนึ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นในร่างกายของเรานี่เอง โดยสร้างขึ้นมาจากกรดอะมิโน 2 ตัว คือ ไลซีน (lysine) และเมไทโอนีน (methionine) และแอล-คาร์นิทีนในร่างกายของเราก็ถูกใช้ไปในหน้าที่ต่างๆ หลายอย่าง เช่น เข้าไปช่วยเพิ่มกระบวนการใช้ไขมัน (fat) โดยการขนส่งกรดไขมัน (fatty acid) เข้าไปในไมโทคอนเดรีย (ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการสร้างพลังงานของเซลล์) หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ แอล-คาร์นิทีนช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนกรดไขมันไปเป็นพลังงานนั่นเอง

ประโยชน์ของแอลคาร์นิทีน
1. แอลคาร์นิทีนทำให้ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ (triglycerides) อยู่ในระดับที่ต่ำ และช่วยเพิ่มระดับ HDL-คลอเรสเตอรอล ในเลือด
2. แอลคาร์นิทีนยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ โดยมีผลทำให้สุขภาพโดยรวมของหัวใจดีขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวด้วย (ซึ่งเป็น 1/3 ของสาเหตุที่ทำให้คนเป็นโรคหัวใจตาย)

3. แอลคาร์นีทีนทำให้เราแก่ช้าลง ที่คาร์นิทีนทำให้แก่ช้าลงได้ ก็เพราะเหตุผลที่ว่า เซลล์ในร่างกายของเราทุกๆ เซลล์ ไม่ว่าจะเป็นเซลล์สมอง เซลล์จากระบบภูมิคุ้มกัน เซลล์จากหัวใจ หรือเซลล์จากที่อื่นๆ ในร่างกาย ทั้งหมดจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อ ได้รับพลังงานเพียงพอและเหมาะสมกับความต้องการของเซลล์แต่ละชนิด และคาร์นิทีนนี่เองที่เข้าไปช่วยทำให้เซลล์มีอายุยืนนานขึ้น

4. แอลคาร์นิทีนช่วยทำให้น้ำหนักลด กล้ามเนื้อและหุ่นกระชับขึ้น จากการที่แอล-คาร์นิทีนช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนกรดไขมันไปเป็นพลังงาน ไขมันที่สะสมในร่างกายจึงลดลง และผอมลง

มีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่สนับสนุนผลการลดไขมันสะสมของคนอ้วน โดยการศึกษาดังกล่าว นักวิจัยได้ให้แบ่งวัยรุ่นที่อ้วนเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้รับประทาน L-carnitine ขนาด 2 g/วัน อีกกลุ่มได้ยาหลอก (Placebo) โดยทั้งสองกลุ่มถูกจำกัดอาหารให้มีแคลอรี่เท่าๆกัน และมีการออกกำลังกายขนาดปานกลางเหมือนกัน หลังจากนั้น 3 เดือน
ต่อมาจึงทำการวัดน้ำหนักตัวอีกครั้ง พบว่ากลุ่มที่ได้รับ L-carnitine น้ำหนักตัวลดลงเฉลี่ย 11 ปอนด์ ขณะที่อีกกลุ่มลดลงเฉลี่ยไม่ถึง 2 ปอนด์ และปริมาณไขมันในกระแสเลือดก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

5. แอลคาร์นีทีนทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น

6. แอลคาร์นิทีนช่วยเพิ่มระดับพลังงานของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ ค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่ทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายใดๆ กับร่างกาย เหมือนกันที่พบในสารสกัดจากพืชสกุล Ephedra (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ของกระทรวงอาหารและยาของอเมริกา ในเอกสารอ้างอิง)
7. แอลคาร์นิทีนช่วยให้ความสามารถในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น มีความทนทานมากขึ้น และป้องกันเนื้อเยื่อไม่ให้เกิดความเสียหายอันเนื่องมาจากปริมาณออกซิเจนใน เซลล์ไม่เพียงพอ

8. คาร์นิทีนช่วยในการทำงานของตับ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของเราด้วย



ทำไมถึงต้องทานแอลคาร์นิทีน?

แม้ว่าเราจะได้รับแอลคานิทีนจากอาหาร และยังสามารถสังเคราะห์ได้เองที่ตับแล้ว แต่ก็มักจะไม่เพียงพอต่อการเร่งเผาผลาญไขมัน เพื่อทำให้น้ำหนักลด ลดความอ้วน กระชับสัดส่วน เราจึงควรรับประทานอาหารเสริมแอลคาร์นิทีนเข้าไปเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ประโยชน์ดังกล่าวอย่างเต็มที่

วิธีรับประทานแอลคาร์นิทีน
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนอาหาร หรือ ก่อนออกกำลังกาย 15-30 นาที
*เพื่อผลที่ดี ควรรับประทานติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ผลข้างเคียงของแอลคาร์นีทีน
มีงานวิจัยที่ยืนยันความปลอดภัยจากการใช้ว่า L-carnitine ยังไม่มีผลทางลบแม้จะรับประทานในขนาดสูงถึง 4 กรัมต่อวันก็ตาม
แต่ถ้ากินเข้าไปมากขนาด 5 กรัมต่อวัน หรือมากกว่าอาจจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ ส่วนอาการข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจจะพบได้บ้างก็เช่นมีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น มีกลิ่นตัว และเกิดมีผื่นแดง

ข้อควรระวังในการทานแอลคาร์นิทีน
สำหรับคนที่มีอาการแพ้ต่ออาหารโปรตีน เช่น ไข่ นม หรือข้าวสาลี ไม่ควรกินผลิตภัณฑ์ที่เสริมแอล-คาร์นิทีนเป็นอันขาด
เด็กที่มีอายุยังไม่ถึง 2 ขวบ และสตรีมีครรภ์ ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ ถ้าไม่จำเป็น หรือใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์

References
//en.wikipedia.org/wiki/Carnitine
//www.umm.edu/altmed/articles/carnitine-l-000291.htm
//www.vitamins-nutrition.org/vitamins/index.html



วิธีตรวจสอบหมายเลขอย. ของผลิตภัณฑ์แอลคาร์นิทีน L-carnitine

Published On Thursday, January 21st 2010 In บทความ - แอลคาร์นิทีน Tags: วิธีการตรวจสอบ, อย., แอล-คาร์นิทีน, แอลคาร์นิทีน
1. ปริมาณต่อเม็ดไม่เกิน 500 mg ถ้าเกินนี้อย.ไม่รับรอง (คำณวนเป็น L-Carnitine)
หากพบเห็นผลิตภัณฑ์ใดที่ระบุว่าเป็นแอลคาร์นิทีนมากกว่า 500 mg. พร้อมมีอย.รับรองด้วย รู้ได้เลยทันทีว่าปลอมเลขอย.แน่นอน
อ้างอิง : ประก่าศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเรื่องข้อกำหนดการใช้ส่วนประกอบที่สำคัญของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดกรดอะมิโน

2. ต้องมีชื่อและสถานที่ผลิตระบุไว้ชัดเจน
หลายๆผลิตภัณฑ์แอลคาร์นิทีนที่ในฉลาก มีเครื่องหมายอย. แต่ไม่มีชื่อและสถานที่ผลิต หากเรากินไปแล้วเกิดอันตรายต่อร่างกายก็ไม่สามารถเอาผิดใครได้ และอีกหลายๆผลิตภัณฑ์แอลคาร์นิทีนที่ไม่มีทั้งอย. และสถานที่ผลิต อันนี้อันตรายมากๆเลย

3. เลขอย.จะต้องมี 13 หลักและจะอยู่ในรูปแบบ

XX-X-XXXXX-X-XXXX – ลองค้นในกูเกิ้ลดู จะเห็นแอลคาร์นิทีนบางยี่ห้อที่มีอย.แต่พอนับเลขอย.พบว่ามี 12 หลักก็มี 14 หลักก็มี รูปแบบตัวเลขก็ไม่ตรงตามนี้
อ้างอิง : ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องฉลากอาหารใหม่สังเกตุได้อย่างไร โดยกองพํฒนาศักยภาพผู้บริโภค

4. ตรวจสอบผ่าน เวปไซท์องค์การอาหารและยา หรือ โทรสายด่วน อย. ที่เบอร์ 1556






เรื่องของ “แอล-คาร์นิทีน”

สุทธิพงษ์ พงษ์วร


ในสังคมวิทยาศาสตร์ เราควรจะสร้างและส่งเสริมนิสัยของความอยากรู้อยากเห็น อยากทำความเข้าใจ อยากค้นหามาให้ได้ซึ่งคำตอบให้กับคนในสังคม และในแต่ละวันก็จะมีเรื่องให้ชวนคิดชวนสงสัยมากมาย จนมากระทั่งวันหนึ่ง ในวันที่ได้ยินชื่อแอลคาร์นิทีน (L-Carnitine) เป็นครั้งแรก ครั้งแรกที่ได้ยินก็มาจากสื่อโฆษณา ทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาในทันทีหลังจากที่ดูสื่อโฆษณานั้นจบ ว่าทำไมกินแอลคาร์นิทีนเข้าไปแล้วถึงเกิดอาการแอคทีฟ จนอยู่นิ่งไม่ได้ ขนาดจะคุยกันดีๆ ไม่ได้ จะต้องขยับแข้งขยับขาอยู่ตลอดเวลา คนสร้างสื่อต้องการสื่อสารอะไรกับผู้บริโภค
หรือเพียงจะบอกว่า ดื่มแล้ว กินแล้วจะมีแรงมากขึ้น จะรู้สึกคึกคัก…
เรี่ยวแรงมันมาจากไหน แรงมันเยอะเหลือเกินหรืออย่างไร ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หรือว่าเป็นเครื่องดื่มประเภทชูกำลังเหรอ เอ๊ะ! คิดแล้วยิ่งอยากรู้ แต่…ในที่สุด ก็ขอผัดวันประกันพรุ่งเอาไว้ก่อน ตั้งใจว่าจะจำไว้ แล้วขอไปค้นหาในวันหน้า แต่ในใจก็ยังสงสัย สุดท้ายวันนี้ก็ได้ฤกษ์เบิกยาม เข้ามาค้นมาหาข้อมูลด้วยความอยากรู้ และความสงสัยทำไมแอลคาร์นิทีนถึงฮือฮากันนัก แล้วทำไมในโฆษณา เมื่อกินแล้วมันอยู่นิ่งไม่ได้เลย
คำตอบที่ได้จากความสงสัยว่าแอลคาร์นิทีน คืออะไร
แอลคาร์นิทีน เป็นชื่อของสารตัวหนึ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นในร่างกายของเรานี่เอง โดยสร้างขึ้นมาจากกรดอะมิโน 2 ตัว คือ ไลซีน (lysine) และเมไทโอนีน (methionine) และแอลคาร์นิทีนในร่างกายของเราก็ถูกใช้ไปในหน้าที่ต่างๆ หลายอย่าง เช่น เข้าไปช่วยเพิ่มกระบวนการใช้ไขมัน (fat) โดยการขนส่งกรดไขมัน (fatty acid) เข้าไปในไมโทคอนเดรีย (ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการสร้างพลังงานของเซลล์) หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ แอลคาร์นิทีนช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนกรดไขมันไปเป็นพลังงานนั่นเอง ซึ่งพลังงานที่ได้มานี้ส่วนใหญ่ก็จะถูกใช้สำหรับการทำงานของกล้ามเนื้อทั่ว ร่างกายเรานั่นเอง จากหน้าที่การทำงานพื้นฐานของสารชนิดนี้ทำให้สื่อโฆษณานำมาใช้เป็นประเด็น หลักในการสร้างโฆษณาในเห็นว่า “เมื่อกินแล้วคุณจะอยู่นิ่งไม่ได้นะ แบบว่าพลังงานมันเยอะจัด”

แอลคาร์นิทีนถูกสร้างขึ้นภายในตับและไต และนำไปเก็บไว้ในกล้ามเนื้อลาย (skeletal muscle) ตัวอย่าง ก็เช่น กล้ามเนื้อตามแขน ขา ของเรานั่นเอง นอกจากนี้ยังถูกลำเลียงไปเก็บไว้ในหัวใจ สมอง และสเปิร์ม (ทำให้สเปิร์มเคลื่อนที่ได้อย่างเหมาะสม เพราะแอลคาร์นิทีนจะไปเร่งให้ไมโทคอนเดรียเปลี่ยนไขมันมาเป็นพลังงานนั่น เอง) สำหรับในอาหารก็จะพบแอลคาร์นิทีนในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ นมและผลิตภัณฑ์จากนม ผลอะโวคาโด (Avocado) ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วหมัก (tempeh)
จะเกิดภาวะการขาดแอลคาร์นิทีนได้อย่างไร
คนที่ทานมังสะวิรัชอาจจะเกิดภาวะการขาดแอลคาร์นิทีนได้ในบางครั้ง เนื่องจากแอลคาร์นิทีน พบได้ในเนื้อสัตว์ นม และถั่วหมัก หรือในผู้ป่วยบางรายที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดูดซึมของระบบย่อยอาหาร รวมไปถึงในกรณีที่มีผู้ป่วยที่ขาดแอลคาร์นิทีน (ซึ่งพบน้อยมาก) ซึ่งอาจจะเกิดจากความผิดปกติของยีน หรือตับ หรือไต หรือกินอาหารที่มีกรดอะมิโนไลซีน และเมไทโอนีนน้อย ก็จะมีอาการอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ เจ็บหน้าอก เจ็บกล้ามเนื้อ แขนขาล้าอ่อนแรง ความดันเลือดต่ำ และอาจจะมีอาการมึนงงสับสนร่วมด้วย เป็นต้น
รูปแบบของแอลคาร์นิทีนที่มีการนำมาใช้
คาร์นิทีนที่ถูกนำมาใช้ในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมจะมีอยู่หลายรูปแบบ แต่ที่ใช้กันแพร่หลายมีอยู่ 3 รูปแบบ รูปแบบแรกก็คือ แอลคาร์นิทีน (LC) เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย และมีราคาถูกที่สุด รูปแบบที่สอง คือ แอล-อะซิทิลคาร์นิทีน [L-acetylcarnitine (LAC)] เป็นเพียงรูปแบบเดียวที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคแอลไซเมอร์ (Alzheimer) และโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของสมองโรคอื่นๆ
รูปแบบสุดท้าย คือ แอล-โพรพิโอนิลคาร์นิทีน [L-propionylcarnitine (LPC)] ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาอาการเจ็บหน้าอกและโรคที่เกี่ยวข้องกับ โรคหัวใจ และใช้ได้ผลดีกับโรคเกี่ยวกับเส้นเลือดตามแขนขาอีกด้วย (peripheral vascular disease – PVD)

การดูดซึมแอลคาร์นิทีนของร่างกาย

ถ้าเรากินเข้าไป การดูดซึมของแอลคาร์นิทีนจะเกิดขึ้นในลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ส่วนแพทย์สามารถให้แอลคาร์นิทีนกับผู้ป่วยได้ทั้งทางเส้นเลือดและโดยการกิน
10 เหตุผลที่ควรรู้ก่อนเลือกกินแอลคาร์นิทีน (L-Carnitine)
1. แอลคาร์นิทีนทำให้เราแก่ช้าลง แค่เหตุผลแรกก็ชวนให้เราหลงใหลใคร่อยากที่จะกินแอลคาร์นิทีน กันแล้วสิ ที่แอลคาร์นิทีนทำให้แก่ช้าลงได้ ก็เพราะเหตุผลที่ว่า เซลล์ในร่างกายของเราทุกๆ เซลล์ ไม่ว่าจะเป็นเซลล์สมอง เซลล์จากระบบภูมิคุ้มกัน เซลล์จากหัวใจ หรือเซลล์จากที่อื่นๆ ในร่างกาย ทั้งหมดจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อ ได้รับพลังงานเพียงพอและเหมาะสมกับความต้องการของเซลล์แต่ละชนิด และแอลคาร์นิทีนนี่เองที่เข้าไปช่วยทำให้เซลล์มีอายุยืนนานขึ้น
2. แอลคาร์นิทีนทำให้ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ (triglycerides) อยู่ในระดับที่ต่ำ และช่วยเพิ่มระดับ HDL-คลอเรสเตอรอล ในเลือด
3. นอกจากนี้ แอลคาร์นิทีนยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ โดยมีผลทำให้สุขภาพโดยรวมของหัวใจดีขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวด้วย (ซึ่งเป็น 1/3 ของสาเหตุที่ทำให้คนเป็นโรคหัวใจตาย)
4. แอลคาร์นิทีนช่วยทำให้น้ำหนักลด โดยเฉพาะถ้าใช้ร่วมกันวิธีการที่เราลดอาหารจำพวกแป้งลงในอาหารแต่ละมื้อ
5. แอลคาร์นิทีนช่วยเพิ่มระดับพลังงานของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ ค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่ทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายใดๆ กับร่างกาย เหมือนกันที่พบในสารสกัดจากพืชสกุล Ephedra (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ของกระทรวงอาหารและยาของอเมริกา ในเอกสารอ้างอิงครับ)
6. และยังพบอีกว่าแอลคาร์นิทีนช่วยให้ความสามารถในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น มีความทนทานมากขึ้น และป้องกันเนื้อเยื่อไม่ให้เกิดความเสียหายอันเนื่องมาจากปริมาณออกซิเจนใน เซลล์ไม่เพียงพอ
7. ทั้งแอลคาร์นิทีน และ อะซีทิล-แอลคาร์นิทีน (Acetyl-L-Carnitine) ทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น
8. อะซีทิล-แอลคาร์นิทีนช่วยลดความเสียหายของเซลล์ประสาทอันเนื่องมาจากความ เครียด และอาจจะมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) ด้วย แต่ได้ผลเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอายุน้อย ทำให้อาการของโรคไม่เป็นไปมากกว่านี้
9. อะซีทิล-แอลคาร์นิทีน มีผลต่อสุขภาพจิตในทางบวก และลดภาวะความเครียดได้
10. แอลคาร์นิทีนช่วยในการทำงานของตับ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของเราด้วย
ข้อควรระวังในการใช้แอลคาร์นิทีน
สำหรับคนที่คิดจะซื้อแอลคาร์นิทีนมาใช้ควรต้องระวังเพราะอาจจะมีผลข้าง เคียงต่างๆ เกิดขึ้นกับร่างกายได้ และอาจจะเข้าทำปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ที่กินร่วมกัน ดังนั้น ในการใช้แต่ละครั้ง ควรต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของแพทย์จะปลอดภัยกว่า
ข้อควรจำให้ขึ้นใจก็คือสสารทุกอย่างมีทั้งประโยชน์และโทษในตัวเอง ขึ้นกับปริมาณและช่วงจังหวะเวลาของการใช้ ถึงแม้ว่าแอลคาร์นิทีนจะไม่ปรากฏผลข้างเคียงใดๆ ที่เด่นชัดมากนัก แต่ก็มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าถ้ากินเข้าไปมากขนาด 5 กรัมต่อวัน หรือมากกว่าอาจจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ (ต้องอย่าลืมว่าเราได้แอลคาร์นิทีนจากอาหารประเภทเนื้อสัตว์และนมอยู่แล้ว ด้วย ซึ่งเราไม่สามารถทราบปริมาณที่แน่นอนได้) ส่วนอาการข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจจะพบได้บ้างก็เช่นมีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น มีกลิ่นตัว และเกิดมีผื่นแดง และในนักกีฬาหรือคนที่กินแอลคาร์นิทีนเสริมสำหรับการเล่นกีฬาเพื่อช่วยใน การสลายไขมันและช่วยทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อดีขึ้น ก็ควรจะต้องหยุดใช้เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักบ้างอย่างน้อยเดือนละ 1 อาทิตย์ คือไม่ควรใช้ต่อเนื่องติดต่อกันไปเป็นเวลานานๆ
สำหรับคนที่มีอาการแพ้ต่ออาหารโปรตีน เช่น ไข่ นม หรือข้าวสาลี ไม่ควรกินผลิตภัณฑ์ที่เสริมแอลคาร์นิทีนเป็นอันขาด รวมไปถึงคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับและไต เด็กที่มีอายุยังไม่ถึง 2 ขวบ และสตรีมีครรภ์ ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ ถ้าไม่จำเป็น หรือใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์

อ้างอิง : สุทธิพงษ์ พงษ์วร. เรื่องของแอลคาร์นิทีน. //www.ipst.ac.th/biology/Bio-Articles/mag-content41.html






Create Date : 19 กรกฎาคม 2553
Last Update : 19 กรกฎาคม 2553 12:45:28 น. 3 comments
Counter : 723 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ คะ


โดย: ข้าวคลุกกะปิกินกับหมูหวาน วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:28:16 น.  

 
ข้อมูลดีจังค่ะ
ขอบคุณนะคะ


โดย: AB_PAE วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:43:30 น.  

 
ว๊าวๆๆดีจังแบบนี้ถ้าเราจะลดน้ำหนักก็ทำได้ใช่ไหมจ๊ะ


ยินดีที่ได้เพื่อนร่วมในโลกไซเบอร์ค่ะ


โดย: maistyle วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:37:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ลูกน้ำกว๊าน
Location :
พะเยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับทุกท่าน นะคะ




อยากมีและอยากรู้จัก เพื่อนที่มีที่มาต่างกัน และอยากร่วมแชร์ ประสบการณ์ให้คนอื่น ได้รับรู้บ้าง เพื่อนๆชาว บลอคแกงค์เป็นอะไรที่ ใช่เลย ที่คอยอยู่ด้วยกัน ตลอดเวลา พอเรา เปิดดูครั้งใดก็จะมีคน นั่งเขียนบลอก นั่งอยู่ที่ หน้าจอ คอยเป็นเพื่อน กันเสมอ รัก ทุกคนใน บลอกแกงค์ ค่ะ
: Users Online
Friends' blogs
[Add ลูกน้ำกว๊าน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.