|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เวียนเทียนกลางกว๊านพะเยา
เวียนเทียนกลางกว๊านพะเยา โดย : สุกัญญา หาญตระกูล
จากฝั่งมองเห็นแสงสะท้อนวิบวับเป็นหย่อมๆ บนผิวน้ำ บริเวณที่ขบวนเรือไปเวียนเทียนนั้นมีการปักกันเขตซึ่งมีหลักฐานใต้น้ำและทางเอกสารว่าน่าจะเป็นที่ตั้งของวัดชื่อ ติโลกอาราม มีอายุราว 500 ปี
วัดติโลกอารามจมอยู่ใต้น้ำกว๊านก็เพราะกรมประมง สร้างประตูระบายน้ำกั้นน้ำแม่อิง เมื่อ พ.ศ. 2482 เพื่อกักน้ำไว้ใช้ จึงทำให้มีน้ำท่วมหนองหลวงและหนองเอี้ยงจนเกิดเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือรู้จักกันในนาม กว๊านพะเยา นั่นเอง
มีหลักฐานที่เชื่อได้ว่ายังมีวัดอื่นๆ อีกหลายวัดที่จมอยู่ใต้น้ำกว๊านรวมทั้งหลักฐานโบราณคดีแหล่งชุมชนอื่นๆ ก็จึงน่าตั้งคำถามว่าทำไมจึงไม่มีการสำรวจให้ถ้วนทั่วยิ่งขึ้น ละเอียดลออยิ่งขึ้น โดยควรจะทำอย่างถูกต้องตามหลักวิชาโบราณคดีใต้น้ำ ไม่ทำกันอย่างใจรักสมัครเล่นและเผยแพร่ภาพสันนิษฐานซึ่งเขียนขึ้นอย่างยังไม่มีหลักฐานเพียงพออย่างเช่นที่เป็นอยู่ขณะนี้ ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้ภาพบริบทสิ่งแวดล้อมของพระศาสนาและชุมชนที่ชัดเจนและสมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่ามีเพียงวัดติโลกอารามแห่งเดียวโดดๆ แล้ว กว๊านพะเยาในฐานะที่มีโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำเห็นร่องรอย อย่างเป็นบริเวณกว้างเช่นนี้ อาจจะได้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำแห่งแรกในเมืองไทย หรือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็อาจเป็นได้
ถึงตอนนั้น การเวียนเทียนกลางน้ำที่งดงาม แสดงความประณีตของพิธีกรรมทางศาสนา ชวนฝันหาอดีต ก็คงไม่ต้องมาออกันที่เดียวเช่นนี้ โดยอาจทำได้หลายแห่งตามบริเวณที่มีหลักฐานเชื่อได้ว่าเคยเป็นที่ตั้งของวัดโบราณอื่นๆ มาก่อน อีกทั้งจะทำได้อย่างปลอดภัย (กว่าที่ทำอยู่ในขณะนี้แม้จะจัดให้ทุกคนมีเสื้อชูชีพก็ตาม) มีประสิทธิภาพ (ไม่หนวกหูด้วยเสียงโทรโข่งที่ปาวๆ หน้าบริเวณท่าเรือว่า นักท่องเที่ยวชุดที่สองขอให้รอนักท่องเที่ยวชุดแรกลงจากเรือก่อนนะคะ หรือไม่ก็ กรุณาระมัดระวังไม่ให้เรือชนกัน) โดยอาจเว้นเก็บค่าโดยสารเรือเฉพาะในวันเวียนเทียน (คืนมาฆบูชาที่ผ่านมา เก็บคนละ 20 บาท) เป็นต้น
ในปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับว่าการสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำ (ซึ่งอาจมีบางส่วนที่อยู่บนบกตามความจำเป็นและความเหมาะสม) เพื่อรักษาอนุรักษ์แหล่งโบราณคดีไว้ใต้น้ำจะสามารถอนุรักษ์ได้ดีกว่าการกู้ขึ้นมาไว้บนบก ดังเช่นที่มีระบุไว้ในปฏิญญาว่าด้วยการอนุรักษ์แหล่งโบราณคดีใต้น้ำ ค.ศ.2001 ทั้งนี้ เพราะสามารถแสดงให้เห็นโบราณวัตถุและโบราณสถานในสภาพแวดล้อมใต้น้ำซึ่งจะได้ความรู้สึกความเข้าใจดีกว่าการกู้ขึ้นมาบนบกในสภาพปรักหักพัง อีกทั้งการที่ยังอยู่ใต้น้ำมานานก็จะสามารถอนุรักษ์รักษาสภาพเดิมได้ดีกว่าหากอยู่ใต้น้ำต่อไป
ลองนึกถึงเรืออย่างไททานิคเถิด การลงไปชมใต้น้ำย่อมสร้างความรู้สึกและจินตนาการบริบทประวัติศาสตร์ได้ดีกว่าการกู้เรือไททานิคพังๆ ขาดๆ วิ่นๆ มาตั้งในพิพิธภัณฑ์บนบก ซากโบราณคดีใต้น้ำกว๊านที่ปรักหักพังก็น่าจะอยู่ในข่ายเดียวกัน
ด้วยเหตุผลคล้ายๆ ดังที่กล่าวมานี้ มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน จึงอนุมัติเงิน 10 ล้านปอนด์ เมื่อ ค.ศ.2007 สร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำเพื่ออนุรักษ์แหล่งโบราณคดีใต้น้ำลึก 24 เมตร ซึ่งก็คือ เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่พร้อมสิ่งของต่างๆ ในเรือที่จมอยู่บริเวณทะเลจีนใต้เมื่อ 800 กว่าปีมาแล้ว นับเป็นพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำในลักษณะนี้แห่งแรกของโลก
เช่นเดียวกัน จากทางฝั่งเมืองอเล็กซานเดรียของประเทศอียิปต์ออกไปไม่ไกลนักในอ่าวติดทะเลเมดิเตอเรเนียน ได้มีการศึกษาและเสนอเมื่อ ค.ศ.2008 ที่จะสร้างพิพิธภัณฑ์บนแหล่งโบราณคดีใต้น้ำที่มีหลักฐานว่าเคยเป็นชุมชนเก่าแก่ถึง 3,000 ปีมาแล้ว เคยเป็นที่ตั้งของเมืองเก่าอายุ 700 ปีชื่อราโคทิส มีซากโบราณคดีใต้น้ำสันนิษฐานได้ว่าคือประภาคาร สร้างสมัยองค์รัชทายาทของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์กษัตริย์กรีกผู้พิชิตนครอเล็กซานเดรีย เคยเป็นที่ตั้งพระราชวังของพระนางคลีโอพัตราอันเป็นที่พระนางสิ้นพระชนม์ โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีทั้งส่วนที่เป็นอุโมงค์และท่อแก้วขนาดใหญ่ใต้น้ำและมีส่วนที่อยู่บนบกเพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานทางโบราณคดีบางส่วน ซึ่งถ้าหากน้ำ ณ บริเวณนั้นขุ่นมัวจนเกรงว่าจะทำให้มองไม่เห็นอะไรใต้น้ำ หากมีการสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำขึ้นจริง ก็จะต้องทำความสะอาดน้ำให้ใสแจ่ม หรือมิฉะนั้นก็อาจต้องสร้างทะเลสาบเทียมน้ำใสสะอาดขนาดเล็กขึ้นมาโดยรอบ เชื่อว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้หากสร้างสำเร็จจะเปลี่ยนโฉมหน้าเมืองอเล็กซานเดรียในทางภูมิทัศน์ไปเลยทีเดียว และจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญดึงดูดผู้ชมทั่วโลกอีกแห่งหนึ่งของอียิปต์เลยทีเดียว
โดยที่น้ำกว๊าน มี ความลึกโดยเฉลี่ยเพียงประมาณ 1.7-2 เมตร การสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำในรูปแบบที่เหมาะสม น่าจะง่ายกว่าและใช้งบประมาณน้อยกว่าพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำทะเลลึก เช่น ใช้เรือชมใต้ท้องน้ำแบบเดียวกับชมปะการังใต้ทะเล โดยไม่จำเป็นต้องสร้างอุโมงค์แก้วใต้น้ำ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงจะต้องมีการสำรวจอย่างรอบคอบทุกด้านว่าทำได้หรือไม่ จะส่งผลดีถึงสังคมโดยรวมทั่วถึงกันอย่างไร ในฐานะที่น้ำกว๊านคือแหล่งชีวิต เป็นแหล่งน้ำประปา การประมง การเกษตร เป็นสถานที่พักผ่อนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงกว๊านได้อย่างไม่เหลื่อมล้ำกันมากนัก ไม่ใช่ว่าพัฒนาแล้ว ชาวประมงไม่มีพื้นที่ ชาวบ้านเข้าไม่ถึงเพราะกลายเป็นแหล่งทำเงินท่องเที่ยว ร้ายที่สุดคือ ผลเสียทางนิเวศวิทยาที่จะกระทบความเป็นอยู่สุขภาวะของชุมชนชาวพะเยาและพื้นที่ใกล้เคียง
อย่างไรก็ดีในขณะนี้ ความเร่งด่วนก่อนโครงการอื่นใดน่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาน้ำกว๊านเน่า ซึ่งล่าสุดนักวิชาการระบุว่าเน่าถึงระดับ 5 อันเป็นระดับอาการหนักที่สุดแล้ว ไม่ผิดเลยที่จะกล่าวว่าอันการเวียนเทียนกลางน้ำแม้จะสวยงามมลังเมลืองแห่งเดียวในโลก ได้ประโยชน์ทางพระศาสนาและการท่องเที่ยว แต่ทว่าก็เป็นการเวียนเทียนกลางน้ำเน่านั่นเองซึ่งไม่ยั่งยืน เมื่อไรน้ำกว๊านเน่าจนเหม็น อย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวเลย คนพะเยาก็จะร่อยหรอไปจนสิ้น ความสำคัญของ กว๊านพะเยาในฐานะ แหล่งชีวิต สำหรับชุมชนพะเยาและพื้นที่ใกล้เคียงต้องมาก่อนกว๊านพะเยาในฐานะ แหล่งท่องเที่ยว
โดยที่ ความคิดจะบูรณะหรือกู้วัดติโลกอารามได้ทำให้เกิดข้อขัดแย้งในหมู่คนพะเยานับตั้งแต่มีการดำริขึ้นมาประมาณ พ.ศ.2548 ฝ่ายสนับสนุนก็เดินหน้าไปลิ่วๆ เรื่อยๆ ด้วยการทำเป็นโครงการระดับต่างๆ เท่าที่จะมีช่องทาง มีการเชิญชวนให้ร่วมบริจาคปัจจัยในการบูรณะ พร้อมๆ กับที่ก็ได้เกิดมีฝ่ายคัดค้านด้วยเหตุผลทางนิเวศวิทยาและโบราณคดี จนเกิดการกระทบกระทั่งกันถึงขั้นเกือบรุนแรง ชาวพะเยาไม่ควรอยู่กลางๆ ไม่ร่วมไม่มีบทบาทกับฝ่ายไหน แต่น่าจะต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดการสนทนาระหว่างสองฝ่าย เรียนรู้ที่จะเติบโตก้าวผ่าน ความขัดแย้ง ด้วยการเจรจาอย่างมีเหตุมีผล สร้างเป้าหมายที่รับได้ร่วมกันและช่วยกันผลักดัน เช่น แก้ปัญหาน้ำกว๊านเน่า มากกว่าที่จะปล่อยให้ขัดแย้งคาราคาซังไม่มีที่ลงอยู่อย่างนี้ บั่นทอนกำลังเสียประโยชน์เสียโอกาสที่ควรได้
ช่างไม่ต่างอะไรกับสังคมไทยในขณะนี้ที่ต้องเรียนรู้ก้าวผ่านความขัดแย้งเรื่องเสื้อเหลืองเสื้อแดงโดยการสนทนากันด้วยเหตุด้วยผล วางเป้าหมายและยุทธศาสตร์ร่วมกันเพื่อสังคมจะได้ก้าวไปข้างหน้า
Tags : วัดติโลกอาราม สุกัญญา หาญตระกูล
Create Date : 09 กันยายน 2553 |
|
3 comments |
Last Update : 9 กันยายน 2553 19:49:41 น. |
Counter : 2599 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ธารน้อย 7 พฤศจิกายน 2554 4:07:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|
...ก็เหมือนเหรียญ ที่มีด้านหัว
และมีด้านก้อยด้วยเสมอ
แม้จะอยู่คนละด้านแต่ก็ต้องอยู่ร่วมกันเป็นเหรียญที่มีค่าในตัวเอง
ขอให้ประโยชน์ตกกับส่วนรวมเป็นสำคัญก็แล้วกันครับ.