กลับไทยคราวนี้มิกิเลยขอบินเดี่ยวแบบไร้เงาของแฟนหนุ่ม ด้วยสายการบินแห่งหนึ่งที่มีพนักงานต้อนรับเป็นผู้หญิงทั้งหมด งานนี้มิกิคงต้องยอมนางค่ะ เพราะแค่แรงเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋ายังแทบจะไม่มี ถ้าจะต้องให้มานั่งแต่งหน้า ติดขนตาปลอม ตามสไตล์ Pearypie ก็ทำไม่ไหวจริงๆ ค่ะ งานนี้เลยต้องพกหน้าสดขึ้นเครื่องจริง อะไรจริง แต่ด้วยความน่ารักและสดใสของมิกิที่มาจากภายใน มันไม่สามารถซ่อนได้จริงๆ มันเปล่งประกาย จนทำให้หนุ่มอังกฤษสุดหล่อที่นั่งใกล้ๆ พยายามหันมาสบตามิกิหลายครั้ง แต่มิกิต้องพยายามหลบสายตา งานนี้ขอบอกว่ายังไม่พร้อมจริงๆ ค่ะ มิกิอยากอยู่คนเดียว!!
ทริปนี้จึงต้องจัดไปเสม็ดแน่นอนค่ะ เพราะพี่อ้อยและพี่ฉอดเคยบอกไว้ถ้ากำลังรู้สึกเหงา เศร้า ผิดหวัง ว้าวุ่น อารมณ์แปรปรวน ให้ไปทำใจที่ทะเล ซักพัก มิกิว่าถ้าได้กุุ้งเผาซักสามสี่กิโลบวกกับมาลิบูซักขวด แบบไม่ต้องผสมน้ำสัปปะรดแต่อย่างใด ท่าจะดีกว่า คงช่วยมิกิได้เยอะเลยค่ะ โอ๊ย! พูดแล้วก็เครียด กิน…กิน…ดื่ม…ดื่ม…เพื่อลืมเท่านั้นค่ะ เอาเป็นว่าก่อนที่จะไปถึงเสม็ดเนี่ยมิกิก็ขอแวะไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่กรุงเทพซักสองสามวันแล้วกันค่ะ Backpacker สาวมั่นก้าวทันเทคโนโลยีอย่างมิกิ ก็รีบค้นห้าโฮสเทลจากเว็บไซต์ที่รับจองโรงแรมและมีราคาสุดพิเศษ ทั้ง www.agoda.com, www.hostelbookers.com , www.hostelworld.com , www.booking.com ในที่สุดก็เจอโฮสเทลสุดเก๋ชื่อ Mile Map Hostel ค่ะ
สถานที่ตั้งของ Mile Map Hostel เริ่ดมากค่ะ เพราะเค้าตั้งอยู่ใจกลางกรุงในย่านสาธรและสีลมเลยค่ะ หากเพื่อนๆ รู้จักวัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือที่เรียกติดปากกันว่าวัดแขก เท่านั้นแหล่ะค่ะ เพียงเดินจากวัดแขกไม่เกินยี่สิบก้าวก็มาถึงที่โฮสเทลแล้วค่ะ ส่วนสาวอังกฤษอย่างเราที่คุ้นเคยกับการเดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดิน ก็หมดห่วงเลยค่ะ เพราะที่นี่เดินเพียงแค่ 6 นาทีก็ถึงรถไฟฟ้าสถานีสุรศักดิ์แล้ว หรือถ้าจะไปเที่ยวสีลม พัฒน์พงษ์ก็เดินไปได้สบายๆ ค่ะ จะมีอะไรง่ายกว่านี้อีกมั๊ยเนี่ย!
พอเดินเข้ามาถึง Lobby & Common area บอกได้คำเดียวค่ะว่าโดนมาก เพราะสีสันที่จัดจ้านของเฟอร์นิเจอร์ พอมาวางเข้ากับผนังที่เป็นสีปูน มันเข้ากันเว่อร์ สาวเปรี้ยวอย่างมิกิต้องยอมเค้าจริงๆ ค่ะ ในเรื่องของการตกแต่ง ที่สำคัญพนักงานต้อนรับที่นี่เค้าน่ารักเป็นกันเองมาก สมแล้วจริงๆ ค่ะที่เค้าว่าประเทศไทยเป็นประเทศสยามเมืองยิ้มและเด่นดังในเรื่องของ Hospitality ที่สำคัญภาษาอังกฤษเค้าเป๊ะมาก
คืนนี้มิกิเลือกพักในห้องแบบสี่เตียง ที่มีแต่ผู้หญิงล้วนค่ะ เพราะเราเดินทางมาคนเดียว ไม่มีแฟนหนุ่มมาคุมด้วยงานนี้ ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ แต่ที่นี่เค้าก็มีห้องพักให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นห้องรวมแบบสิบเตียง, ห้องรวมแบบสี่เตียง หรือถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัว เค้าก็มีห้องแบบส่วนตัวสำหรับสองคนหรือสี่คน แถมยังมีห้องพักแบบครอบครัวอีกด้วยค่ะ ที่สำคัญความสะอาดไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ เพราะที่นี่เค้าเปิดใหม่ เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งทุกสิ่งอย่างจึงสดใหม่และทันสมัย ส่วนเรื่องห้องน้ำก็ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เพราะที่นี่ห้องน้ำเค้าแยกหญิงชาย สะอาดสะอ้าน ที่มิกิชอบที่สุดคืออ่างล้างหน้าค่ะ มันน่ารักตรงที่เค้าเอาชามสแตนเลสใบใหญ่มาทำเป็นอ่างล้างหน้า ไอเดียเก๋สุดๆ
ส่วนเรื่องราคาเมื่อเทียบกับความใหม่ ความสะอาด ทำเลที่ตั้ง การตกแต่ง ความสะดวกสบาย การบริการ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน ถือว่าราคาไม่แพงเลย เพราะที่นี่ราคาที่พักเริ่มต้นเพียงคืนละไม่ถึง 300 บาท ไปจนถึง 500 ค่ะ ถ้าเทียบเป็นเงินปอนด์แล้วถือว่าถูกมาก พวกเราที่มาจากอังกฤษก็ประหยัดและสบายกระเป๋าไปเลยค่ะ งานนี้คุ้มค่าสุดๆ จ่ายค่าที่พักในราคาโฮสเทล แต่ได้ความสะดวกสบายยิ่งกว่าโรงแรมบางแห่งซะอีก
หากเพื่อนๆ คนไหนกำลังจะกลับมาเที่ยวที่เมืองไทยก็ลองมาพักที่นี่ดูนะคะ ยิ่งช่วงปลายปีแล้ว เมืองไทยอากาศกำลังดีค่ะ หนีหนาวกลับมาบ้านเราดีกว่า หรือหากใครมีเพื่อนชาวต่างชาติที่อยากจะมาเที่ยวเมืองไทย แนะนำมาที่นี่ได้เลยค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะหลงรัก Mile Map Hostel เหมือนมิกิก็เป็นได้ เมืองไทยของเรากลับมาเมื่อไหร่ก็ยังสวยงามและมีเสน่ห์ไม่เคยเปลี่ยนแปลงค่ะ เสร็จภาระกิจนางงามในกรุงเทพแล้ว ทริปต่อไปมิกิจะไปไหนต่อ เดี๋ยวมิกิจะมาเล่ามาเมาท์จากไทยให้ฟังกันอีก ที่เล่าซิดอทคอมแน่นอนค่ะ!
เข้าไปดูรายละเอียด Mile Map Hostel เพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ https://www.facebook.com/pages/Mile-Map-Hostel/458319547541671
By มิกิ :>>> เรื่องเล่าเม้าท์จากไทย