ล่าสุดนิตยสาร Times Higher Education นิตยสารที่มีการจัดอันดับที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นการทำแบบสอบถามความเห็น ด้านการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นดัชนีชี้วัดชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยทั่วโลกที่สำคัญ ได้ประกาศอันดับความน่าเชื่อถือของมหาวิทยาลัยประจำปี 2013 ออกมาแล้ว
โดยอันดับน่าเชื่อถือ จะตั้งอยู่บนคะแนนจากปัจจัย เรื่องความสำเร็จของมหาวิทยาลัย, ความเชี่ยวชาญของบุคลากรของมหาวิทยาลัย, การลงทุน, การวิจัย และความสามารถในการแข่งขันในตลาดการศึกษาโลก
อันดับในปีนี้ก็ยังคงเป็นการยืนยันถึงความยอดเยี่ยมของกลุ่มมหาวิทยาลัย จากอเมริกาและอังกฤษอีกครั้งว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีความยอดเยี่ยมในระดับ โลก หรือ เป็น “super-brands” เหนือกว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆในโลก โดยกลุ่มผู้นำยังคงประกอบไปด้วย Harvard University, the Massachusetts Institute of Technology, the University of Cambridge, the University of Oxford, the University of California, Berkeley และ Stanford University
ถึงแม้ว่าจะมีการสลับตำแหน่งบ้างในปีนี้ คือ Oxford จะได้อันดับ 4 และ Stanford ได้อันดับ 6 แต่ในบรรดา 6 อันดับแรกก็ยังคงเป็นมหาวิทยาลัยเดิมกับผลการสำรวจในปี 2011
โดยเมื่อพิจารณามหาวิทยาลัยจากอเมริกา จะพบว่าในปีนี้มีศักยภาพที่สูงกว่ามหาวิทยาลัยของประเทศอื่น โดย มีมหาวิทยาลัยถึง 43 แห่งที่ติดอันดับ Top100 แต่อย่างไรก็ดี ก็มีสัญญาณแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่ช้าลง เพราะจำนวนมหาวิทยาลัยอเมริกาที่ติดอันดับ Top100 นั้นลดลงตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา
มาพิจารณามหาวิทยาลัยจากอังกฤษกันบ้าง ก็พบว่ามีมหาวิทยาลัยติดอันดับ Top100 จำนวน 9 แห่ง แต่ทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในระดับสูง แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีสัญญาณการชะลอตัวเช่นเดียวกับอเมริกา ที่จำนวนมหาวิทยาลัยมีการลดลงตั้งแต่ปี 2011
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยของอังกฤษยังติดอันดับ Top50 มาก ถึง 7 แห่ง ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงศักยภาพที่ยอดเยี่ยมของการศึกษาอังกฤษ โดย Cambridge อยู่ในอันดับ 3, Oxford ขยับขึ้นมา 2 อันดับอยู่ที่อันดับ 4, University College London ขยับขึ้นมา 1 อันดับอยู่ที่อันดับที่ 20, the LSE ขยับลง 4 อันดับไปอยู่ที่อันดับ 25 และ the University of Manchester ติด Top50 เป็นครั้งแรก โดยอยู่ที่อันดับ 47
สิ่งที่น่าสนใจในผลครั้งนี้ก็คือ มีมหาวิทยาลัยชื่อดังที่หลุดโผ Top100 ออกไปซึ่งก็คือ the University of Leeds ซึ่งตาม University of Sheffield และ the London School of Hygiene and Tropical Medicine ที่หลุดโผออกไปตั้งแต่ปี 2012 ไปติดๆ
Phil Baty ผู้เขียนนิตยสาร Times Higher Education magazine ได้กล่าวถึงผลการจัดอันดับในครั้งนี้ว่า “นี่ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับอังกฤษ แต่ก็ส่งผลดีแต่เฉพาะกับมหาวิทยาลัยชั้นนำเท่านั้น เพราะนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา มีมหาวิทยาลัยของอังกฤษหลุด Top100 ไปถึง 3 แห่ง ซึ่งเหมือนเป็นสัญญาณเตือนว่ามหาวิทยาลัยในอังกฤษนั้นจำเป็นต้องมีการปรับ ปรุง”
ส่วนมหาวิทยาลัยจากประเทศอื่นๆ ก็มีเรื่องที่ต้องจับตาเช่นกัน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยจากเอเชีย เช่น The National University of Singapore ที่ ไต่อันดับขึ้นมาจากอันดับที่ 27 มาอยู่ที่ 22 , Republic of Korea’s Seoul National University ที่ติดอันดับ Top50 เป็นครั้งแรก และ The University of Hong Kong ที่ขึ้นจากอันดับ 39 มาอยู่ที่ 36สิ่งที่น่าสนใจ
• มีสถาบันที่ติดอันดับ Top100 จากประเทศทั้งหมด 20 ประเทศ
• มีสถาบันจาก 5 ประเทศเท่านั้นที่ติดอันดับ Top20 คือ อเมริกา, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, แคนาดาและสวิซเซอร์แลนด์
• มหาวิทยาลัยที่ไม่ได้มาจากอังกฤษและอเมริกาที่ได้อันดับสูงสุด คือ Japan’s University of Tokyo ได้อันดับ 9
• สถาบัน จากสวิสเซอร์แลนด์หลุดจาก Top100 ไปทั้งหมด 3 สถาบัน แต่ยังคงมีสถาบันที่ได้อันดับสูงอยู่ คือ ETH Zürich – Swiss Federal Institute of Technology ที่อยู่ในอันดับที่ 20