เดินเล่นสะพานมัฆวานรังสรรค์ (ขอบฟ้าเหตุการณ์)




นาฬิกาดิจิตอลบนหน้าปัดรถบอกเวลาตีสาม
ขณะอยู่บนทางด่วนมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าสู่จังหวัดตราด
สายฝนเทกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา
ราวระบายความอัดอั้นของอากาศซึ่งอบอ้าวมาทั้งวัน
ลำพังความมืดก็เป็นอุปสรรคในการขับรถแล้ว
เรายังมาเจอพายุฝนซึ่งบดบังทัศนวิสัยให้เห็นทางได้เพียงระยะสั้น
คนขับชะลอความเร็วลง มือซ้ายเขาลูบผมฉันแผ่วเบาแล้วจึงบังคับพวงมาลัยต่อ
เขารู้ว่าฉันกลัวการขับหรือนั่งรถท่ามกลางพายุฝน
ด้วยมันล่อแหลมและเปราะบางต่อการเกิดอุบัติเหตุ


ฉันเข้าใจความรู้สึกของคนขับรถดี
บนทางพิเศษเช่นนี้แม้นไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะลำบากอย่างไร
หากการหยุดรถจอดรอฝนซานั้นยิ่งอันตรายกว่า
“เชื่อใจพี่นะ” เสียงแผ่วเบาของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่น
เมื่อความหวาดวิตกจางลง ฉันนึกถึงยามเย็นที่เดินเล่นกับเพื่อนคนหนึ่งแถวสะพานมัฆวานฯ
สภาพการณ์ที่ฉันเห็นและรู้สึกไม่ต่างอะไรกับขณะนี้




ท่ามกลางความเปราะบางของสถานการณ์
ฉันอยากเห็นเราทุกคนประคับประคองบ้านเมืองให้เดินต่อไปได้
รัฐธรรมนูญฉบับอำมาตยธิปไตยสมควรได้รับการแก้ไข
หากการแก้ไขนั้นควรอยู่บนพื้นฐานที่คนไทยมีส่วนร่วมดังเช่นรัฐธรรมนูญปี ’๔๐
การบอกกล่าวเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าฉันยืนอยู่ฝั่งเดียวกับรัฐบาล
หากฉันก็ไม่ยืนฟากฝั่งพันธมิตรเช่นกัน
สิ่งที่สมควรได้รับการแก้ไขขณะนี้ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ
หากเป็นปัญหาเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของคนในประเทศ
เมื่อวานฉันถามเพื่อนว่า...ค่าใช้จ่ายในการจัดการชุมนุมนี่ตกวันละกี่บาท
ไหนจะค่าเช่ารถปั่นไฟ ไหนจะค่าเช่าเต้นท์ และสารพัดค่าใช้จ่าย
ในหนึ่งวันที่พันธมิตรจ่ายไป สามารถซื้อเสื้อเกราะ
ให้กับตำรวจทหารสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้กี่ตัว
สามารถนำมาเป็นกองทุนในการจัดการให้คนไทยสามารถซื้อข้าวได้ในราคาถูกลง
หรือนำไปอุดหนุนกิจการของรถเมล์ในกรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ประท้วง
อันนำมาซึ่งความเดือดร้อนของคนส่วนใหญ่ได้ไหม
หรือกระทั่งเวลาที่นักข่าวจะมานั่งเฝ้าติดตามสถานการณ์
เราจะเอาเวลาตรงนี้ไปหาข่าวความเดือดร้อนของผู้คน
เพื่อช่วยเหลือเขาเหล่านั้นกันได้กี่คน
เพื่อนหนุ่มเล่าให้ฟังว่าสำนักงานของเขาปรับเปลี่ยนเวลาทำงานใหม่
เข้าแปดโมงเช้าเลิกหกโมงเย็น เพื่อวันเสาร์จะได้ไม่ต้องมาทำงาน
เป็นการลดภาระทั้งของพนักงานและสำนักงานเอง
ในวันนั้นที่รถเมล์พากันประท้วง รถส่วนบุคคลตัวยังคงวิ่งเต็มท้องถนนเช่นเดิม
รถติดเหมือนเดิม ขณะที่คนส่วนใหญ่ยังคงเบียดเสียดหลบฝนอยู่ที่ป้ายรถเมล์
โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนรอคอยนั้นจะมาถึงเมื่อใด
เพื่อนหนุ่มชวนให้ช่วยหาหนทางกระตุ้นคนให้รู้จักคิด
เขาอยากช่วยปกป้องประเทศชาติไม่ให้ย่อยยับด้วยคนเพียงสองกลุ่ม
และเขาถามฉันว่า...ในฐานะนักสังเกตการณ์ชีวิตคุณจะนิ่งดูดายได้หรือ?





‘นักสังเกตการณ์ชีวิต’ คำที่เราใช้เรียกกันและกันในความรักต่อสิ่งซึ่งกระทำเป็นวัตรปฎิบัติ
ทำให้นึกถึงเรื่องสั้น ‘ขอบฟ้าเหตุการณ์’ ที่อยู่ในหนังสือ
รวมเรื่องสั้นชื่อเดียวกับเรื่องสั้นที่ฉันนึกถึงของ นิวัติ พุทธประสาท
ฉันตกหลุมรักทันทีที่อ่านถึงเรื่องสั้นสุดท้าย
ไม่ได้ตกหลุมรักในความโรแมนติก หรือมหัศจรรย์ของทั้งหกเรื่องสั้น
หากตกหลุมรักในความเชื่อมโยงกันและกัน
เพราะฉันเชื่อว่าทุกอย่างและทุกคนบนโลกใบนี้เราล้วนเชื่อมถึงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
และการทำร้ายสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือใครคนใดคนหนึ่งแม้โดยไม่ตั้งใจ
ย่อมส่งผลกระทบเหมือนประโยคที่ว่า
‘เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว’
เรื่องสั้นสุดท้ายบอกให้รู้ว่า...คนคนเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ทั้งหมด
หากอุดมคติที่เราอยากเห็นตายไปแล้วจากใจผู้คน
คนอย่างเอกในหนังสือ คนอย่างเพื่อนหนุ่มและอีกหลายๆ คนซึ่งเป็นกัลยาณมิตรต่อกันในชีวิต
หรือคนอย่างประชาชนนับหมื่นแสนซึ่งยืนเคียงข้างพันธมิตรประชาชนฯ
ถูกตั้งคำถามว่า เราจะสู้เพื่อใคร สู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
หรือสู้เพื่อประเทศชาติที่ไม่เคยให้อะไรคุณเลยทั้งชีวิต
คนสายพันธุ์เช่นนี้จะปรับตัวให้มีความสุขในชีวิตซึ่งดำเนินอยู่ในโลกปัจจุบันได้อย่างไร
ขอบฟ้าเหตุการณ์เป็นอาณาเขตของหลุมดำสี่มิติในอวกาศ
ทฤษฎีสัมพันธภาพบอกว่าไม่มีสิ่งใดเคลื่อนที่เร็วกว่าแสง
ดังนั้นเมื่อเส้นแสงไม่สามารถหลุดรอดออกมาได้
ทุกสิ่งก็ต้องถูกดูดกลับสู่หลุมดำ
เหมือนการวิ่งไล่จับเพื่อนสองคนที่มาจากคนละทิศ
วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่สามารถจับได้...
ไม่ว่าคุณ ไม่ว่าฉัน ไม่ว่าใคร ไม่มีใครหลุดรอดออกไปได้




ฉันเบือนสายตาจากภาพหนึ่งซึ่งเห็นในการชุมนุมพันธมิตรฯ
ภาพของแนวร่วมซึ่งเป็นเกราะกำบังให้กับคนบนเวที
เหตุการณ์สิบสี่ตุลา หกตุลา พฤษภาทมิฬ
คนที่เราสูญเสียคือใคร คนบนเวที หรือ คนซึ่งเป็นดั่งเสื้อเกราะป้องกันภัย
คนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษคือใคร คนที่ยังอยู่ หรือ ผู้สูญเสียชีวิต
เป็นคุณจะนิ่งเฉยได้ไหมหากเหตุการณ์นั้นจะบานปลายไปสู่การใช้ความรุนแรง
เราจะต้องสูญเสียชีวิตใครไปอีกไหมโดยไม่อาจเรียกคืน
ระหว่างการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยให้เต็มใบ
ประชาธิปไตยใบที่เราต่างมองกันคนละมุม




นาฬิกาดิจิตอลบนหน้าปัดรถบอกเวลาตีสาม
ขณะอยู่บนทางด่วนมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าสู่จังหวัดตราด
สายฝนเทกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา
ราวระบายความอัดอั้นของอากาศซึ่งอบอ้าวมาทั้งวัน
ลำพังความมืดก็เป็นอุปสรรคในการขับรถแล้ว
เรายังมาเจอพายุฝนซึ่งบดบังทัศนวิสัยให้เห็นทางได้เพียงระยะสั้น
คนขับชะลอความเร็วลง มือซ้ายเขาลูบผมฉันแผ่วเบาแล้วจึงบังคับพวงมาลัยต่อ
เขารู้ว่าฉันกลัวการขับหรือนั่งรถท่ามกลางพายุฝน
ด้วยมันล่อแหลมและเปราะบางต่อการเกิดอุบัติเหตุ
บนหนทางเช่นนี้จึงควรต้องสติให้มั่น
เตือนตนไม่ให้ตกอยู่ในความประมาทหรือเหม่อลอย
ประคองรถประคองสถานการณ์ไปให้ดีที่สุด
เพราะเมื่อขึ้นมาบนทางด่วนพิเศษนี่แล้วแม้ทางข้างหน้าจะลำบาก
และมองไม่เห็นสิ่งใดได้ในระยะไกล
ทว่าการหยุดรถจอดรอฝนซานั่นกลับอันตรายยิ่งกว่า





หวนนึกถึงสถานการณ์เดียวกันของยามเย็น
น้ำตาก็ไหลพรากแก้มไม่รู้เนื้อรู้ตัว






Create Date : 05 มิถุนายน 2551
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 13:09:27 น. 22 comments
Counter : 655 Pageviews.

 

หนังสือเล่มนี้พร้อมออกเดินทางเมื่อแม่นกไม่มีเสียงกลับจากเดินทาง

รักหนังสือเดินทางหน่อยนะ



แอบขโมยคำที่พี่หนุ่มใช้วันปิดร้านมาใช้มั่ง

รักหนังสือ...เดินทางหน่อยนะ
และ รักหนังสือเดินทางของแม่นกฯ หน่อยนะจ๊ะ


โดย: นกที่ไม่มีเสียง วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:12:58:35 น.  

 
กลัวใจค่ะ..

เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว..



โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:13:05:26 น.  

 
แวะมาทักทายครับ


โดย: ชัช (กู่ฉิน ) วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:13:12:46 น.  

 
อ่านจบแล้ว...
ดูภาพประกอบล่างสุด
พร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากแก้มไม่รู้เนื้อรู้ตัว...

หนังสือเล่มนี้พี่แม่ไก่มีแล้วค่ะแม่นกฯ...(เดี๋ยวคืนนี้จะอ่านแล้ว...)
ขอบคุณที่แวะไปเชิญชวนมาอ่านอะไรดี ๆ ที่นี่ค่ะ


โดย: แม่ไก่ (แม่ไก่ ) วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:13:56:08 น.  

 
หลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นประสบการณ์ให้เรียนรู้ศึกษาเป็นอย่างดี

จะสู้เพื่อใคร สู้เพื่อประชาธิปไตยหรือสู้เผื่อผลประโยชน์ฝ่ายตนเอง
ในเมื่อเป็นประชาธิปไตยที่เราต่างมองกันคนละมุม

หลังเหตุการณ์ทุกครั้งแทนที่ประเทศจะพัฒนากลับเป็นล้าหลัง ต้องเริ่มนับจาก0ไป1ใหม่

ประเทศจะเจริญพัฒนาได้ คนในประเทศต้องรู้รักสามัคคี

5555555555 คุณนกไร้เสียงคะ
ดิฉันไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่เบื่อเหตุการณ์แบบนี้เต็มที
วันนี้ได้ทีขอยืมสถานที่ระบายความรู้สึก
บทความด้านบนที่คุณเขียน ดิฉันเห็นด้วยๆๆๆเป็นอย่างยิ่ง
แบบโนคอมเม้นท์เลยล่ะค่ะ

จะแวะมาบอกว่า ยินดีที่คุณปลอดภัยและกลับมาไวกว่าที่คิดอ่ะค่ะ


โดย: พูษรี วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:13:56:15 น.  

 
หนูจะหาบีชบอยแถวนี้กางร่มให้น้อง......(กล้อง) จริงหรือจ๊ะ อิ อิ อิ
พี่ชักไม่ไว้ใจแม่นกเสียแล้ว...ฮ่าๆๆ เหมือนมีนัยยะอะไรแฝงอยู่ คริคริ
อย่ามาหลอกซะให้ยากส์...
หลายวันมานี้มีเด็กหนุ่มๆ ตกถึงใจรึยังจ๊ะ 555555

ถึงแล้วอย่างปลอดภัยนะจ๊ะ
ขอให้ทำงานด้วยสมาธิ ได้แต่หวังว่า สายลมแสงแดดแห่งท้องทะเลจะไม่ทำให้น้องสาวพี่หวั่นไหว ถึงขั้นหัวเราะหรือร้องไห้..แค่อมยิ้มก็พอนะจ๊ะ
คิดถึงค่ะ


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:14:19:35 น.  

 
ภาพสุดท้าย สะทกสะท้อนใจ..........

ยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ของคุณนิวัติเลยค่ะ


ปล. เรื่องเพลงทำงาน

เมื่อสักสองสามปีก่อน
เวลาทำงาน เราชอบเปิดเพลงของริก วชิรปิลันธ์ 55
แต่คนที่ทำงานด้วยกัน ขอให้เปลี่ยนเพลงนะค่ะ เขาบอกว่า เหมือนนั่งอยู่ในสุสาน เอิ๊กๆๆ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:16:19:13 น.  

 
แดดมาแล้วเจ้า...

สำหรับคนที่ใช้แสงในการเขียนภาพ สายแดดเป็นคล้ายคนรักที่เรารอคอย โดยไม่กลัวดำ

สีน้ำฟ้า...สวัสดีค่ะ กลัวใจใครเหรอคะ


ชัชสวัสดีค่ะ


พี่แม่ไก่...โอ๋ๆ อย่าร้องเลยนะคะ หนูยังหยุดร้องแล้วเลย


พูษรี...อยากคุยเรื่องนี้นานกว่านี้ แต่ฉันกลัวแสงหมดก่อน แล้วค่อยคุยกันค่ะ


พี่โมก...นะพี่นะ...นี่น้องเป็นจะอี้ในสายตาปี้สาวหรือนี่
หนูไม่ใช่แมงมุมนะพี่ถึงจะกินเด็กหนุ่มเป็นภักษาหารน่ะ
โอ้...ขอบอกว่าจิตใจมั่นคงไม่แปรปรวนเช่นทะเลแน่นอน
และแม้บรรยากาศมันจะโรแมนติกมาก และสวยมาก
ก็เชื่อเถอะว่าน้องไม่เผลอไผลปล่อยใจไปกับใครได้
ด้วยยังคงหายใจเป็นพ่อดาวกวีอยู่ทุกนาที


แพนด้า...สนใจเล่มนี้ของพี่นิวัติมั้ยคะ
ฉันชอบ "ความชัดเจนในคืนดาวดับ" ของริค
ฟังทุกวันค่ะ


เอาล่ะ...ขอไปอาบน้ำและบิ้วท์อารมณ์ก่อนออกไปทำงานล่ะจ้ะ


โดย: นกที่ไม่มีเสียง วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:17:02:56 น.  

 


วันก่อนได้ดูภาพข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ...

เป็นภาพของผู้ชาย(หรือเปล่า)คนหนึ่ง นั่งอยู่ท่ามกลางการห้อมล้อมของสตรีเพศด้วยสีหน้าภาคภูมิ...เนื้อข่าวบอกว่า แกนนำ... ใช้กำแพงมนุษย์เป็นเกราะกำบัง ป้องกันการเข้าจู่โจมจับกุมตัว

ดูแล้วก็คิด

นี่หรือชายชาตรี ชายชาติทหารที่มียศถึง พล.ท. นำหน้านาม ... ใช้สตรีและเด็กเป็นเกราะกำบังตน

นี่หรือคนที่เป็นผู้นำ ชักจูงจมูกคนได้เป็นหมื่น ๆ ....

น่าอนาถ น่าสังเวชครับ .... คนเป็นหมื่น ๆ นั่น กลับลุ่มหลงเทิดทูนบูชาบุคคลที่สมควรจะเอาผ้าถุงคลุมหัว เป็นแกนนำของตน

แต่ก็ ต้องขอบคุณพวกเขาห้าหกคนนั้น ... ในขณะที่เมืองจีนประสบเหตุแผ่นดินไหวสูญเสียอย่างรุนแรง

โชคดีแผ่นดินสยามประเทศ มีพวกเขาห้าหกคนช่วยถ่วงอยู่... จึงมิไหวติงแม้แต่น้อย...

มีความสุขนะครับ


โดย: เซียน_กีตาร์ วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:17:05:30 น.  

 
ผมไม่ได้อ่านงานพี่นิวัติมานานแล้วครับ
เหมือนจะเลิกอ่านงานเรื่องสั้นไปแล้ว.....

จากคนที่ชอบอ่านมากที่สุด (และชอบเขียนเรื่องสั้น)
ผมกลายเป็นคนที่ไม่อ่านเรื่องสั้นเลย (และไม่เขียนเรื่องสั้นอีกเลย)


ผมเคยติดตามข่าวสารบ้านเมือง
และ "อิน" ไปกับมัน

แต่หลังจากการปฏิวัติครั้งล่าสุด

ผมเลิกดูข่าวและทีวีนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

นอกจากสงสารชะตากรรมของคนในชาติ
รวมทั้งพี่น้องร่วมชาติแล้ว
ผมเสียใจครับที่บ้านเมืองเราเป็นแบบนี้

คิดว่าถ้าเราอยู่ในยุดอดีต
ภาวะแบบนี้ เราคง "สิ้นชาติ" ไปแล้วครับ



โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:17:30:54 น.  

 
ตั้งแต่มาทำธุริกิจส่วนตัว
ไม่มีเวลาพักผ่อนเลยค่ะ
นึกถึงตอนเรียนจบใหม่ๆที่ยังเตะฝุ่น
ที่จมอยู่แต่ในร้านหนังสือ
ตอนนี้กลับไม่มีเวลาจะเดินเอื่ยๆสบายๆในร้านหนังสือได้เหมือนเมื่อก่อน.....(เศร้าจัง)
สงสัยต้องไปหามาอ่านซะแล้ว.....
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมเยียนกันนะคะ


โดย: Grooming_Girl วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:18:59:58 น.  

 
แวะมาทักทายและมาอ่านด้วยค่ะ


โดย: whitelady วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:19:21:43 น.  

 
โอ้เด็กน้อยในภาพสุดท้ายจะทราบถึงสิ่งที่เขา
กำลังเผชิญอยู่หรือไม่หนอ...

คำว่าอหิงสา พูดออกมาจากใจหรือไม่หนอ...
วันนี้มาบล็อกแม่นกแล้วสะเทือนใจ

ดีใจที่หญิงสาวที่หวาดกลัวความสุขไม่ตกน้ำป๋อมแป๋มไป
รักหนังสือ ...รอหนังสือเดินทางนะคะ


โดย: BeCoffee วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:20:03:09 น.  

 
เมื่อไหร่บ้านเมืองจะสงบสุขเสียที ?!!!


โดย: รัตตมณี (kulratt ) วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:20:40:32 น.  

 
เซียน...รู้อะไรไหม ตอนนี้คนกรุงเค้าตื่นแผ่นดินไหวกันนะ
แล้วไหวแบบที่ว่ากรุงเทพฯ จะจมหายด้วย
อย่างนี้แปลว่าคนกลุ่มนี้มีบุญคุณกับเมืองกรุงเชียวนะนี่


กะว่าก๋า...พี่ปอเขียนหนังสือดีมากค่ะ ฉันว่าจะตามเก็บงานเล่มแรกมาอ่าน
เห็นพี่ปอบอกว่า แสงแรกจักรวาล เล่มใหม่ของพี่ปอน่ะค่ะ
ต่อมาจากอะไรปรารถนาความตายสักอย่างนี่ล่ะ


Grooming_Girl...ดีใจจังที่บล้อกนี้สามารถทำให้มีคนอ่านหนังสือเพิ่มอีกคน


Whitelady...ขอบคุณค่ะ


BeCoffee...เราก็สงสารเด็กค่ะ มาแบบไม่รู้อะไร
และกลัวว่าหากมีความรุนแรงเกิดขึ้น คนที่พาแกมาจะปกป้องแกได้ขนาดไหนเชียว
ใช่ค่ะใช่...รักหนังสือเดินทาง...รอหน่อยนะคะ


รัตนมณี...ตอบไม่ได้เช่นกันค่ะ และคิดว่าใครๆ ก็ตั้งคำถามนี้เช่นกัน


ไล่ล่าแสงซะจนเหนื่อย ขออาบน้ำนอนเร็วหนึ่งวันล่ะค่ะ
เฮ้อ...อุตส่าห์มาทะเลทั้งทีดันไม่มีแรงจิบน้ำสีอำพันระหว่างนอนดูดาว


โดย: นกที่ไม่มีเสียง วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:21:32:39 น.  

 
บางเหตุการณ์เราก็อยากจะหาใครสักคนที่จะบอกเราว่า
...เชื่อใจพี่นะ...เหมือนกัน

แต่ในเหตุการณ์เหล่านั้น จะเชื่อใจใครได้ล่ะ


โดย: gluhp วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:22:29:45 น.  

 
ไม่เกี่ยวกับคุณนิวัติเท่าไหร่
แต่ฉันยินดีที่คุณแวะไปที่บ้านฉันนะคะ

และได้กลับมาทราบอีกครั้งว่า
คุณยังอยู่

วนเวียนแถวๆนี้



โดย: บี (bewae1001 ) วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:22:38:58 น.  

 
แหะๆ อยากอ่านค่ะ... แต่คงต้องจัดการเคลียร์คิวอีกหลายเรื่องที่เพื่อนๆ ให้ยืมมา แง้ T___T

กลัวเพื่อนเลิกคบ ดองเก่ง


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:23:03:33 น.  

 
เป็นอะไรที่ดีและน่าอ่านมากเลยค่ะ เยี่ยมไปเลย...


โดย: Neilnuch_T วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:0:43:52 น.  

 
สวัสดีค่ะ

อืมม์...คุณเขียนหนังสือดีนะคะ ถ่ายรูปก็สวยมากๆ ด้วย

ยังไม่เคยอ่านงานของคุณนิวัติเหมือนกัน

ดีจัง...มาบล็อกนี้ทีไร ได้หนังสือน่าอ่านแนวใหม่ๆ เยอะเลย


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:8:37:05 น.  

 
สำหรับคนเมืองกรุงแล้ว คนเหล่านี้อาจเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงครับ

เพราะเท่าที่ทราบข่าวมา แผ่นดินกรงเทพ ฯ ทรุดต่ำลงทุกวัน... (สังเกตุได้จากน้ำท่วมตลอดอย่างไม่มีหนทางวิธีแก้ไข... ขนดินเข้าไปถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม)

อาจเป็นเพราะ คนเหล่านี้พากันไปรวมตัวกันอยู่ที่เมืองกรุงนั่นเอง แผ่นดินมันถึงได้สาละวันแบบนั้น...

และทราบข่าวมีคนหนึ่งไม่ค่อยได้กลับบ้านเกิดที่ราศีไศลนานแล้ว... ถึงว่าแผ่นดินแถวนั้นดูสูงขึ้น..

อีกอย่าง ช่วงนี้ฝนตกชุกเหลือเกิน....ฝนตกขี้หมูไหล.....ครับ

มีความสุข นะครับ


โดย: เซียน_กีตาร์ วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:9:24:05 น.  

 
สวัสดีครับ


นั่นสิครับ...

ความจริงผมก็หยุดเขียนบันทึกไปช่วงใหญ่เหมือนกัน
เปลี่ยนไปบันทึกด้วยรูปวาดและภาพถ่าย
จนเมื่อกลับมาเขียนบล็อกอย่างจริงจัง
ถึงได้นั่งและเขียนทุกวันจนเป็นนิสัย




โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:13:59:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นกที่ไม่มีเสียง
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





เยาวชนนักเขียนชายแดนใต้

Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
5 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add นกที่ไม่มีเสียง's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.