ระหว่างรอน้ำแครอทผสมสัปปะรดปั่นฉันกดโทรศัพท์หาเพื่อนอยากรู้ว่าเขาจะกลับบ้านไหม กลับมารับไม้ผลัดขับรถกับฉันไหมเมื่อเขาตอบตกลง ฉันจึงตกลงใจกลับบ้านตัวเองเช่นกันฉันหยิบหนังสือ สาบอีสาน ไปฝากแม่อยากให้แม่เห็นความคิดของคนทำภาพประดับหนังสือภาพถ่ายที่ไม่ใช่สักแต่ว่านำมาลงหากแต่ละภาพนั้นนอกจากจะพยายามสื่อถึงเรื่องสั้นแต่ละเรื่องยังบ่งบอกตัวตนของคนเขียนด้วยการนำภาพซึ่งถ่ายจากบ้านเกิดคนเขียนมาทำภาพประดับฉันอยากให้แม่เห็นและอยากมั่นใจขึ้นสักเล็กน้อยการเดินช้า ทัศนคติ การมองชีวิตของฉันในปัจจุบันอาจพอลดทอนความกังวลห่วงใยในตัวลูกสาวหัวดื้อคนนี้ลงบ้าง
สิ่งที่ฉันกล่าวข้างต้นเป็นความคิดส่วนบุคคลนะคะหากคุณอ่านงานนราวุธอย่างผิวเผินคุณอาจเห็นว่าไม่ได้เรื่อง เรื่องสั้นอะไรกันนี่แต่ฉันไม่ได้เพิ่งอ่านความคิดนราวุธจาก ไปหาใครบางคนความเรียง นกของพระเจ้า ของเขาบอกฉันว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนคิดอะไรแบบตื้นเขินในความนิ่งเงียบฉันว่ามันมีความลุ่มลึกซึ่งตกผลึกแล้วมันเป็นเรื่องสั้นที่คุณต้องอ่านด้วยใจเปิดกว้างไม่ยึดติดกับเรื่องสั้นแบบเดิมที่เคยผ่านตาความคิดหลังอ่านหนังสือเล่มนี้ของคุณอาจไม่เหมือนฉันหากก็ไม่มีความคิดใครผิดหรอกค่ะคุณเพียงแต่ว่าเมื่อคุณมองคนละมุมกับฉันฉันก็ไม่อยากให้คุณนำทัศนคติส่วนตนมาตัดสินหนังสือไม่จำเพาะเจาะจงว่าเป็นหนังสือเล่มนี้ หากฉันหมายถึงหนังสือทุกเล่มในบรรณพิภพหนังสือแต่ละเล่มมีความงามต่างกันขึ้นอยู่กับสายตาคนมอง...ฉันเชื่อเช่นนั้น
ในคืนเหน็บหนาว ฉันเดินเงียบเหงา อยู่บนถนนไม่มีผู้คน ไม่มีรถรา มีเพียงแสงไฟสายลมหวีดหวิว พริ้วพาเหน็บเนื้อ เหน็บเหลือข่มใจเหน็บหนาวภายใน เหน็บหนาวในใจ เหน็บหนาวเหลือเกินในคืนเมฆหนา ฉันเดินจนล้า จะเดินไปไหนฉันเดินมาไกล ไม่มีแสงไฟ เมื่อไกลถนนท้องฟ้ามืดมิด ชีวิตมืดนัก ความรักมืดมนเสียงใจพร่ำบ่น เหมือนคนรำพรรณ ฉันเหงาเหลือเกินในคืนเหน็บหนาว หัวใจเจ็บร้าว เรื่องราวความหลังก็เป็นเช่นทาง ที่ยังทอดยาว จากวันสู่คืนตราบชั่วชีวิต ทิศทางแสวง แข่งขันหยัดยืนจะมีใครยื่น น้ำใจให้กัน เท่าฉันให้เธอ
เพียงมีน้ำใจต่อกันความเจ็บปวดคงคลี่คลาย
ตกลงคนที่นั่งถ่ายรูปเก๋ๆ นั่นคือ นกที่ไม่มีเสียง แม่นก่อนิ...