Indonesia_9 ธค. เยี่ยมชมมรดกโลก -- วันที่ 9 ธค. เยี่ยมชมมรดกโลก --
เราตื่นมารอกินอาหารเช้าโรงแรมที่เริ่มเสิร์ฟหกโมง แต่ก็ขอๆเค้าทำไข่ดาวให้บ้างไรบ้าง รีบๆกินจนเสร็จ ประมาณหกครึ่งก็ได้ออกเดินทางกัน ตั๋วเข้าบุโรพุทโธสามารถซื้อควบเข้า Prambanan ได้เลย แต่ไม่ได้ถูกลงนะ สิทธิ Chinese Yakarta ก็ใช้ไม่ได้แล้วด้วย จ่ายเต็มๆ การเข้าบุโรพุทโธจะต้องนุ่งโสร่งด้วยทั้งชายและหญิง
การเดินในบุโรพุทโธมีป้ายบอกว่าให้เดินเข้าทางทิศตะวันออก (ทางเข้าอยู่แล้ว) แล้วเวียนตามเข็มทุกๆชั้นซึ่งมีอยู่ราวสิบชั้น ทีมเราก็ทำตามในชั้นแรกๆดูภาพศิลปะนูนต่ำเล่าเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนา (ไม่รู้เรื่อง) จนกระทั่งเนือยๆ หามุมถ่ายรูปสวยๆก็ไม่ได้ เลยลัดขึ้นไปชั้นบนๆเลย ระหว่างเดินอยู่นั้นได้มีป้ายทางอพยพหนีภูเขาไฟ มองๆไปจึงได้เห็นภูเขาไฟ Merapi สูงเสียดฟ้าอยู่ไม่ไกลนัก มันสูงจริงๆจนพี่แฟงถึงกับพูดว่า สูงน่ากลัวขนาดนี้ เป็นกูก็บูชาวะ อันที่จริง Merapi พึ่งจะพ่นควันไปไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ทำให้ขี้เถ้าเต็มบุโรพุทโธไปหมด เจ้าหน้าที่ยังทำความสะอาดกันอยู่เลย
ชั้นบนๆเริ่มเปลียนจากกำแพงหินรูปนูนต่ำเป็นสถูปขนาดกลางที่ครอบพระพุทธรูปเอาไว้ด้านในอีก เค้าว่ากันว่าใครเอามือแตะพระพุทธรูปด้านในได้จะโชคดี ไอเราไม่รู้มาก่อนเลยนึกว่าห้ามแตะ อุตส่าห์เอากล้องแหย่ๆแบบกลัวๆเข้าไป อันที่จริงมันก็มีหลายๆอันที่น่าจะแตะถึงเพราะรูของสถูปใหญ่เล็กไม่ค่อยจะเท่ากันเท่าไหร่ จริงๆแล้วที่นี่ประวัติไม่ชัดเจนมากว่าใครสร้างแล้วทำไมถึงเป็นวัดพุทธในประเทศที่นับถือฮินดูแล้วคนนับถือพุทธหายไปไหนกันหมด เราคุยๆกันแล้วก็ตั้งสมมติฐานกันว่าสงสัยตอนสร้างก็เคยมีคนนับถือพุทธจำนวนมาก จนกระทั่งภูเขาไฟระเบิดทำให้เกิดความเชื่อประมาณว่าใครนับถือพุทธแล้วจะต้องคำสาปภูเขาไฟเลยต้องอพยพทิ้งถิ่นกันหมด เป็นเรื่องเป็นราว ใครอยากรู้อะไรที่เป็นความจริงหาอ่านตามอินเตอร์เน็ตเองนะ อย่างไรก็ตามดูจากพิพิธภัณฑ์แล้วเหมือนกับวัดนี้เคยถูกบูรณะมาไม่น้อยทีเดียวโดยความช่วยเหลือของ UNESCO ทั้งโครงสร้าง ฐานราก ระบบระบายน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำท่วมต่อไป จุดถ่ายรูปที่สวยน่าจะเป็นการถ่ายมุมสูงจากชั้นที่ 6 ลงมาให้เห็นชั้นที่ 5, 4 และวิวภูเขา Merapi ด้านหลังพร้อมทุ่งหญ้าเขียวๆเล็กน้อย จะเห็นสถูปเล็กๆจำนวนมากเรียงรายกันซึ่งสวยกว่าการพยายามถ่ายขึ้นให้เห็นยอดสถูปบนสุด ส่วนใครอยากได้ภาพรวมของบุโรพุทโธให้ลงมาที่พื้นก่อนแล้วไปบริเวณลานหญ้ากว้างๆทางซ้ายของทางออก จะมีระยะให้ถ่ายภาพรวมพร้อมคนได้อย่างดีทีเดียว
ที่นี่จะเป็นเช่นเดียวกับสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังคือมีคนมาตามขายของเต็มไปหมด ตื๊อมากๆด้วย ขาเข้าไม่ซื้อตามมาหาตรงทางออกอีก ราคาแพงแต่ถ้าอยากได้ก็ต่อๆไปสุดๆล่ะ ข้างหน้าก็ไม่ได้ถูกกว่ากันหรอก อ้อ แอบเห็นเสื้อพวกทีมฟุตบอลแต่ทำเป็นแนวฮินดูๆ เก๋ไม่ใช่น้อยนะ
จากบุโรพุทโธไปปรามบนัน เราแวะกินข้าวร้านที่ฮาดี้บอกว่าคนไทยชอบมาก (แต่กรูไม่ชอบด้วยเลย...มานเผ็ด) รสชาดคล้ายๆอาหารอีสานเราเลย เสริฟในภาชนะสวยมาก มีใบตองรองทุกจาน พวกกระป๋องรองด้านล่างจะใส่น้ำให้ล้างมือด้วย ไก่ทอดอร่อย ส่วนพวกอื่นๆก็ไม่ได้ประทับใจมาก ถ้าไม่อยากอาหารไทยก็ข้ามไปดีกว่า
อีกสองชม.เราก็มาถึง Prambanan ซึ่งหน้าตาคล้ายๆพระปรางค์หลายๆอันอยู่ในสนามเดียว จะว่าไปก็ยิ่งใหญ่สมเป็นมรดกโลกจริงๆ ที่นี่ก็ถูกบูรณะมาอย่างหนักเช่นกัน การเข้าบางพื้นที่บังคับใส่หมวกนิรภัยด้วยเพราะมีการบำรุงรักษาอยู่ ในแต่ละปรางค์จะมีรูปเทพเจ้าฮินดูอยู่ ดูแล้วก็อืมๆ เพราะหามุมถ่ายรูปสวยๆไม่เป็น
ทางออกจะมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติของที่นี่และแนวทางบูรณะให้ดูรวมถึงรูปปั้นชิ้นส่วนต่างๆที่ตั้งเรียงรายในสนามจำนวนมหาศาล คืนนี้เราจะขับยาวกลับไปสุราบายากัน คาดว่าจะใช้เวลาเกือบ 8 ชม. นั่นคือจะถึงราวตีสอง (ขับแบบฮาดี้ ฮาดี้ สบายสบาย) เราแวะกินข้าวเย็นในร้านที่เป็นข้าวแกงให้ตักๆเอาเองแล้วเค้าจะจดคิดตังค์ แนะนำถ้าเข้าร้านแบบนี้ ตักเยอะๆไว้ก่อน เพราะชิ้นเล็กชิ้นใหญ่คิดราคาเท่ากัน ตักอีกรอบคิดอีกรอบ ข้าวจานเล็กจานใหญ่เท่ากัน เฮ้อ
ระหว่างขับรถกลับแอบเห็นคนเก็บขยะ วิธีการคือกวาดเศษขยะและใบไม้กองไว้เล็กๆเป็นระยะทุกๆประมาณ 20 เมตร แล้วเผากันตรงนั้นเลย... คืนนี้เราถึงสุราบายาราวตีสองจริงๆ เข้าพักโรงแรม Hotel 88 อันนี้ก็โรงแรมมาตรฐาน ง่วงมากๆเลย นอนละ ราตรีสวัสดิ์ |
Littleitim
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog
All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |