Indonesia_7 ธค. ทะเลสาปยามเช้ากับฝนในวัดฮินดู

 

-- วันที่ 7 ธค. ทะเลสาปยามเช้ากับฝนในวัดฮินดู --

 

                เช้านี้ตั้งใจจะตื่นมาแต่เช้าเพื่อชมทะเลสาป แม้ว่าจะสายเล็กน้อย แต่โชคดีของวันนี้คือ หมอกมาช้าจ้า เช้ากว่านี้ไม่มีหมอก เนื่องจากทะเลสาป Sarangan เป็นทะเลสาปที่อยู่บนหุบเขาอีกทีนึง บ้านคนบริเวณนั้นและที่พักเราจึงตั้งอยู่ไล่ระดับตามสันเขาขึ้นไปชันๆทำให้เห็นทะเลสาปในมุมสูงที่สวยงามมาก เราชวนแอมเดินลงบันไดจากที่พักไปที่ทะเลสาปยามเช้า เช่นเคย มีม้าอีกแล้ว ราคาต่อได้เช่นเคย ใจก็อยากขี่ สุดท้ายได้มาที่ราคาสี่หมื่นรูปี ขี่รอบทะเลสาปหนึ่งรอบ ถ่ายรูปเล่นชิลๆ ทะเลสาปนี้ก็ไม่มีอะไรมาก มีของที่ระลึก หมวก เสื้อผ้า ขายคล้ายสถานที่พักผ่อนทั่วไป ดูจากมุมสูงของที่พักจะสวยที่สุดแล้ว สวยกว่าเดินรอบๆ

 

 

 

 

               

เรากลับขึ้นมากินอาหารเช้าหน้าห้องกัน (ไม่ได้จองแบบมีอาหารเช้าไว้ คงจะแถมให้) เป็นระเบียงมองเห็นทะเลสาปชัดเจน สวยมาก นั่งสบายอารมณ์ฝุดๆ อาหารเช้าก็เป็นพวกขนมปังย่างเนย ให้เนยมาทาอีกด้วย พร้อมไข่ดาว (เค็มๆนิดๆ เนื้อแน่นๆ ลูกใหญ่) กับน้ำส้มเกลือแร่แบบชงละลายไม่หมด อิ่มแล้วก็พร้อมเดินทางต่อเลย

 

  

               จาก Sarangan วันนี้เราจะมุ่งหน้าสู่ที่ราบสูง Dieng Plateau ซึ่งห่างกันเพียงสองสามร้อยกิโลแต่จะใช้เวลาเดินทางไม่น้อยกว่า 7-8 ชั่วโมงเพราะหว่างทางจะเป็นหุบเขาทั้งหมด ดังนั้นเราจึงแพลนจะแวะเที่ยววัดฮินดูสองวัดคืน Sukuh กับ Ceto

 

                อย่างที่ว่าระหว่างเป็นหุบเขา ชาวบ้านจะทำการเกษตรแบบขั้นบันได ไฮไลต์คือขั้นบันไดในหุบเขาตั้งชันมันสวยมาก เป็นวิวที่แตกต่างจากการเกษตรแบบขั้นบันไดแถวภาคเหนือเรา เราแวะถ่ายรูปกันอยู่หลายจุด แต่ถ่ายอย่างไรก็ไม่สวยเท่าของจริงซักที ฮาดี้มาถ่ายด้วยกันในรูปข้างล่างซึ่งแกพยายามจะไปอยู่ข้างหลังจะได้ดูตัวเล็ก แถมยังเหยียบไปบนชะง่อนผาอีก กลัวแทนจริงๆ

 

 

 

                เรามาถึงวัด Sukuh ในเวลาไม่นาน เพราะอยู่ใกล้ๆ อ้อ จ่ายค่าเข้าด้วยนะครับ ลงรถปุ๊ปเดินไปดูป้ายซะหน่อย ฝนก็เริ่มเทลงมาเบาๆจนหนักมาก เราต้องวิ่งหนีไปหลบฝนข้างนอกวัด เราจึงตัดสินใจออกไปกินข้าวกัน ในบริเวณวัดก็มีร้านสะเต๊ะแต่ฮาดี้บอกว่าไม่ดี เลยออกไปนอกวัด (กลับมาใหม่ได้เป็นตั๋ววัน) วนไปวนมาแกก็จอดรถหน้าร้านนึงที่เค้าก็ไม่ได้รู้จักอะไร ดูมีผลไม้วางๆคล้ายๆจะขายน้ำผลไม้ ในร้านมีโต๊ะกลางตัวเดียวพร้อมหม้อหุงข้าวเล็กๆที่เหมือนจะไว้กินในครอบครัว เวลาจะสั่งอะไรที่เป็นอาหารก็ไม่ค่อยมี ก็เลยบอกว่าอะไรก็ได้ๆ สุดท้ายได้สลัดแขก มาม่าผัด (หมี่โกเรง) กะข้าวผัดกินกันตาย แต่ก็ถูกมากๆ ตกแล้วคนละยี่สิบก่าๆบาท

 

 

 

               กินเสร็จฝนก็หยุดตกพอดี เราเลยย้อนกลับไปที่วัด Sukuh อีกครั้ง วัดฮินดูนี้มีเอกลักษณ์คือศิวะลึงค์ เหมือนมากอ่ะ และทำวัดเป็นลักษณะสามชั้น นรก โลก สวรรค์ ถ้าขึ้นถึงยอดคือนิพพาน ประมาณนี้ รูปร่างเป็นคล้ายๆปิระมิด แล้วก็มีรูปปั้นสัตว์ตกแต่งรอบๆ

 

 

 

 

 

 

               ออกจากที่นี่ตามแพลนที่บอกฮาดี้คือเราจะไม่ไปวัด Ceto แล้วเพราะหน้าตาคล้ายๆกับ Sukuh แต่เล็กกว่า และได้ดาวรีวิวน้อยกว่า แต่ฮาดี้เข้าใจผิด พาไปจนกระทั่งถึงด่านจ่ายค่าเข้า Ceto แล้ว เราเลยได้ภาพน่ารักๆในไร่ชาด้านล่างนี้มา (ถ่ายจากหน้าด่านเก็บเงิน ก่อนจะกลับรถออก) อ้อ จุดนี้ส้วมฟรีนะ หายาก

 

 

                ตอนนี้คงจะราวบ่ายสองกว่าบ่ายสามแล้ว เราต้องไปต่อจนถึงโฮมเสตย์แถวเดียงพลาโต้ ระหว่างทางก่อนจะหลับไปก็เห็นเป็นหุบเขาสวยๆพร้อมงานเกษตรขั้นบันไดมากมาย

 

                เย็นนี้เราแวะกินในเมืองโซโลหรือเปล่าไม่แน่ใจ ชื่อ WM.WIJOYO เป็นร้านที่มีสะเต๊ะอีกแล้ว (แต่สู้เมื่อวานไม่ได้) ดูดีเป็นร้านอาหารมาตรฐาน ไฮไลต์ที่ต่างจากทุกวันคือ ผัดผักเนื้อแกะ (Tongseng) รสชาดอร่อยต่างจากเมนูอื่นๆจริงๆ สะเต๊ะแกะที่นี่จะไฮโซหน่อย คือเป็นจานร้อน สุกในจาน

 

 

                ออกจากร้านนี้เราก็ยิงยาว (หลับอีกแล้ว) ไปจนถึงที่พักใน Dieng Plateau กันเลย เช่นเคยนะครับ ตื่นตอนถึงแล้วอีกแล้ว ที่พักคืนนี้เป็น Home Stay ชื่อว่า Pondok Besan ที่มีถึง 3 ห้องนอนในบ้านหลังเดียว แต่มีเพียง 1 ห้องน้ำที่แยกออกจากสุขาอีกตะหาก ลำบากนิดนึงโดยเฉพาะเครื่องทำน้ำร้อนที่เป็นแบบใช้แก๊ส มีแต่ร้อนจัดกับเย็นจัด จนต้องใช้ขันรูปหัวใจตักอาบแทน แต่ความน่ารักคือมีห้องนั่งเล่นกลางที่ดูได้บรรยากาศอินโดอินโดอยู่ด้วย เนื่องจากมีห้องเหลืออีกห้องเราเลยชวนฮาดี้เข้ามานอนด้วยกัน ราตรีสวัสดิ์สำหรับคืนนี้

Create Date : 04 มกราคม 2557 Last Update : 5 มกราคม 2557 0:17:27 น. Counter : 323 Pageviews.		0 comments
Share Tweet