✎ ผลไม้..ยาจากธรรมชาติ

วิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายเราได้รับจากการกินผลไม้เข้าไปทุกวัน เปรียบเหมือนสารหล่อลื่นที่ทำให้เครื่องยนต์ หรือกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ

นอกจากนั้น ผลไม้ไม้ทุกชนิดยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและสารพฤกษเคมีสำคัญ หลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ หรือแอนติออกซิแดนท์ (Antioxidant ) ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ อีกทั้งยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย

บ้านเราเป็นประเทศที่โชคดีทีเดียว มีผลไม้มากมายหลายชนิดให้เลือกซื้อรับประทาน แทบทุกฤดูกาลจากทุกภูมิภาคเลยก็ว่าได้ นี่ยังไม่รวมแอ๊ปเปิ้ลเมืองจีน องุ่นแดงแคลิฟอร์เนีย และผลไม้อิมพอร์ตทั้งหลาย

พอเรามีตัวเลือกมากขึ้น หลายคนจึงหลงลืมผลไม้สัญชาติไทยในสวนหลังบ้านอย่าง มะเฟือง ทับทิม มะยม มะขามป้อม ไปเสียถนัดใจ ทั้งที่ผลไม้เหล่านี้มีสรรพคุณทางยาที่ เราสามารถนำมารักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ มากมาย และหาได้ใกล้ตัว






1. มะเฟือง ( Starfruit )

นอกเหนือจากความสวยงามแปลกตาในเรื่องรูปทรงแล้ว ในด้านคุณค่าทางโภชนาการ มะ-เฟื่องสุก ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ฟอสฟอรัส และแคลเซี่ยม ช่วยรักษาอาการ เลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบายแก้ท้องผูก ช่วยขับเสมหะได้

ในด้านสมุนไพร เราสามารถใช้ส่วนต่างๆ ของมะเฟืองมารักษาโรคได้ดังต่อไปนี้

    ผล
คั้นเอาแต่น้ำดื่ม จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ไข้หวัด บรรเทาอาการนิ่ว ในทางเดินปัสสาวะ ขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ช่วยลดอาการร้อนใน ช่วยขจัดรังแค
    นอกจากนั้นน้ำคั้นจากผลมะเฟื่องยังใช้ลบรอยเปื้อนบนมือ เสื้อผ้า และของใช้ต่างๆ ได้ดีอีกด้วย

    ใบนำมาต้มผสมกับน้ำ กินแก้ไข้ ขับปัสสาวะ ขับระดู หรือหากนำมาบดให้ละเอียด พอกบนผิวหนัง จะช่วยลดอาการอักเสบ ช้ำบวบ แก้ผื่นคัน กลากเกลื้อน และอีสุกอีใส
    รากมีฤทธิ์เป็นยาเย็น ต้มกับน้ำช่วยดับพิษร้อน แก้อาการปวดศีรษะ ปวดตามข้อต่างๆ ในร่างกาย ปวดแสบในกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องร่วง
    ดอก นิยมนำมาต้มน้ำดื่มเพื่อช่วยในการขับพิษและขับพยาธิ

สูตรยารักษาผิวหนังจากมะเฟือง

การรักษา : แก้กลากเกลื้อน อีสุกอีใส และผื่นคัน
ส่วนที่ใช้ : ใบและดอกมะเฟื่อง
วิธีใช้ : ตำใบสด ยอดอ่อน หรือดอก ให้ละเอียด แล้วพอกแผล

ข้อควรระวัง

ผลมะเฟื่องมีกรดออกชาติกอยู่ค่อนข้างสูง ดังนั้น จึงไม่ควรกินในปริมาณมากเกินไป เพราะจะทำให้เป็นฝ้าได้ อีกทั้งไม่ควรกินในขณะมีประจำเดือน เพราะ จะทำให้รู้สึกปวดท้อง สตรีมีครรภ์ไม่ควรกินมาก เพราะจะทำให้แท้ได้






2. ส้มโอ ( Pomelo )

ในส้มโอมีสารเพกทิน ( Pectin ) สูง จึงมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด อีกทั้งยังมีสารโมโนเทอร์ปีนที่ช่วยในการกวดจับสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้น ส้มโอยังมีคุณสมบัติพิเศษ อีกประการหนึ่ง คือ ช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยให้เจริญอาหารอีกด้วย
    ใบ ใบสดนำมาตำให้ละเอียดแล้วย่างไฟให้อุ่น ใช้พอกบริเวณที่ปวดบวม หรือ ปวดศีรษะได้
    เปลือกผล เปลือกผลของส้มโอ มีน้ำมันหอมระเหยหลายชนิด ใช้เป็นยาขับลม ขับเสมหะ แก้ท้องอืด แน่นหน้าอก ไอ สามารถใช้เปลือกผลตำพอกฝี และใช้จุดไฟไล่ยุงได้ หรือ หากนำเปลือกผลส้มโอมาผสมกับน้ำผึ้งแล้วนำไปนึ่งรับประทานทุกเช้าเย็น ก็จะช่วยบรรเทา อาการของโรคหืดได้
    เมล็ดของส้มโอมีสรรพคุณ ช่วยบำรุงกระเพาะอาหารลดอาการปวดบวมของ ผิวหนัง และยังช่วยลดปริมาณของเสมหะที่มีในลำคอได้อีกด้วย
    ผล ช่วยเจริญอาหาร หากรับประทานเนื้อส้มโอหลังอาหาร จะช่วยให้ระบบย่อย อาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สูตรยาจากส้มโอ
การรักษา

    1.รักษาฝี
    2.แก้อาการอาหารไม่ย่อย


ส่วนที่ใช้

    1.เปลือกผลแก่ของส้มโอ
    2.เปลือกผลแก่ของส้มโอ


วิธีใช้
    1.ตำเปลือกผลแก่ให้ละเอียดใช้พอกบริเวณที่ เป็นฝี วันละ 2 - 3 ครั้ง หัวฝีจะหลุด
    2.นำเปลือกผลแก่ไปตากแดดให้แห้ง จากนั้น ใช้ 10 กรัม ไปต้มรวมกับลูกเร่วแห้ง 10 กรัม ใบกระเพาะอาหารไก่ 1 ใบ ผักคาวทองสด 15 กรัม ผงยีสต์แห้ง 1 ช้อนชา รับประทาน หลังอาหาร จะช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เนื่องจากอาหารไม่ย่อย







3. มะยม ( Star Gooseberry )
เป็นผลไม้พื้นบ้านที่ให้รสเปรี้ยวอมฝาด ในผลมีแคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ และวิตามินซีสูง จึงมีฤทธิ์ในการ ช่วยสมานแผล และ ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้อาการหลอดลมอักเสบ ในยอดอ่อนมีฟอสฟอรัส ช่วยในการขับเหงื่อ และกระตุ้นการเจริญอาหาร รากของมะยมมีสารแทนนิน ( Tannin ) อยู่ค่อนข้างสูง ใช้แก้ไข้ แก้อาการหอบหืด และปวดศีรษะ

นอกจากนั้นส่วนต่างๆ ของมะยมยังสามารถใช้รักษาอาการต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้

การรักษา
1.แก้อาการคัน
2.ยาอดบุหรี่
3.แก้ปวดศีรษะ


ส่วนที่ใช้
1.รากมะยม
2.แก่นมะยม
3.ใบ


วิธีใช้
1.ต้มรากมะยมประมาณ 1 กิโลกรัมกับน้ำ 10 ลิตร ให้เดือด ทิ้งไว้ให้อุ่น นำมาอาบ หรือ ใช้รากมะยมฝน กับน้ำซาวข้าวทาวันละ 2 - 3 ครั้ง อาการจะดีขึ้น
2.นำแก่นมะยมมาฝานให้ได้ขนาดชิ้นเท่าฝ่ามือ 3 ชิ้น ต้มกับน้ำ 1 แก้ว นาน 5 นาที ดื่มให้หมดแก้ว กินติดต่อกัน 1 อาทิตย์ จะช่วยให้เลิกบุหรี่ได้
3.ต้มใบแก่พร้อมก้าน 1 กำมือ กับน้ำตาลกรวดให้เดือด นาน 5 - 10 นาที แล้วดื่ม จะช่วยลดอาการปวดศีรษะ เนื่องจากความดันโลหิตสูงได้


ข้อควรระวัง รากของมะยมมีพิษ ใช้เป็นยาเบื่อสัตว์ใหญ่ โดยใช้ผสมกับอาหาร กินแล้วจะเกิดอาการเมา และอาเจียน




4. มังคุด ( Mangosteen )
เป็นผลไม้ที่เนื้อในของผลมีรสเปรี้ยวอมหวาน กลมกล่อมและได้รับการยกย่องให้เป็นราชินีของผลไม้ทั้งปวง เนื่องจากมีกลีบรองดอกติดอยู่ที่ขั้วคล้ายมงกุฏราชินี ทั้งในเปลือก มังคุดยังมี สารแทนนิน และมี สารแมงโกสติน ( Mangostin ) ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดหนอง อยู่มากถึง 7 - 14 เปอร์เซ็นต์

ในแง่สมุนไพร เปลือกมังคุดจึงมีสรรพคุณในการใช้รักษาโรคผิวหนัง และนิยมนำไป สกัดทำเป็นสบู่ ครีมพอกหน้า และยารักษาสิวฝ้าได้อีกด้วย อีกทั้งส่วนต่างๆ ของมังคุดยังสามารถ ใช้เป็นยารักษาโรคได้ ดังนี้

การรักษา
1.แก้แผลพุพอง เป็นหนอง กลากเกลื้อน
2.รักษาแผลในปาก
3.รักษาแผลน้ำกัดเท้า
4.แก้ท้องเสีย ท้องร่วงเรื้อรัง บิด ถ่ายเป็นมูกเลือด


ส่วนที่ใช้
1.เปลือกมังคุดแห้ง
2.เปลือกมังคุด
3.เปลือกมังคุดแห้ง
4.เปลือกแห้งของ ผลแก่


วิธีใช้
1.ใช้เปลือกมังคุดแห้งของผลแก่ฝนกับน้ำปูนใส ให้ได้ตัวยาข้นๆ ทาบริเวณที่เป็นแผลวันละ 2 -3 ครั้งอาการจะดีขึ้น หรือ ใช้เปลือกมังคุดแห้ง 1 - 2 ผล ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ล้างแผลวันละ 3 - 4 ครั้ง ก็ได้เช่นเดียวกัน
2.นำไปต้ม ใช้เป็นยากลั้วคอ มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ แบคทีเรีย และต้านเชื้อราในปาก
3.นำเปลือกมังคุดที่ตากแดดจนแห้งไปฝนกับน้ำให้ได้ ความเข้มข้น ทาบริเวณที่เป็นวันละ 3 - 4 ครั้ง จะช่วยให้แผลแห้งเร็วขึ้น
4.ใช้เปลือกมังคุดแห้ง 1 ผล ต้มกับน้ำให้เดือด 5 - 10 นาที รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ทุกๆ 4 ชั่วโมง หรือใช้เปลือกมังคุดแห้งครึ่งผลย่างไฟ ให้เกรียม บดเป็นผงละลายในน้ำครึ่งแก้วรับประทานทุก 2 ชั่วโมง อาการจะทุเลา





5. มะขาม (Tamarind )
นับได้ว่าเป็นผลไม้พื้นบ้านที่คนไทยรู้จักมาช้านาน อีกทั้งเราสามารถนำส่วนต่างๆ ของมะขามมาใช้ประโยชน์ในการรักษาได้แทบทั้งสิ้น เช่น ในเนื้อมะขามมี สารแอนทราควิโนน (Anthraquinone ) ซึ่งจะช่วยให้เป็นจำเดือนมาเป็นปกติ นอกจากนั้น ยังมีกรดอินทรีย์ ( Oragnic acid ) อยู่หลายชนิด เช่น กรดทาร์ทาริก ( Tartaric acid ) และกรดซิตริก ( Citric acid ) ทำให้มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เพิ่มกากใยอาหารและช่วยหล่อลื่นให้ขับถ่ายสะดวก
แก้สารพัดโรคจากมะขาม


การรักษา
1.ทาแก้แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
2.รักษาฝีและแผลเรื้อรัง
3.แก้แมลงสัตว์กัดต่อย
4.แก้ไอ ขับเสมหะ


ส่วนที่ใช้
1.เปลือกของเมล็ด
2.เมล็ดมะขาม
3.เมล็ดมะขาม
4.เนื้อมะขาม


วิธีใช้
1.นำเมล็ดมะขามสุกไปคั่วให้สุก กะเทาะเอาแต่เปลือกไปบดให้ละเอียด แล้วคลุกกับน้ำมันละหุง หรือ น้ำมันมะพร้าว พอกแผลวันละ 2 - 3 ครั้ง
2.คั่วเมล็ดมะขามให้สุก กะเทาะเปลือกทิ้ง นำไปแช่น้ำจนนิ่ม ตำพอกแผล
3.ผ่าเมล็ดตามแนวขวาง นำส่วนที่ถูกผ่าไปฝนกับน้ำ มะนาว ใช้ปิดรอยแมลงกัด เมล็ดมะขามจะช่วยดูดพิษ ออกมาได้
4.นึ่งเนื้อมะขามให้สุกๆ คั้นกับน้ำให้ข้นๆ เติมเกลือลงไป เล็กน้อย ใช้จิบบ่อยๆ





6. ทับทิม ( Pomegranate )
ในภัมภีร์อายุรเวทของอินเดีย ยกย่องให้ทับทิมเป็นคลังยา เพราะ ส่วนต่างๆ ของทับทิม สามารถนำมาใช้รักษาโรคได้แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ผล ซึงมีรสหวานอมเปรี้ยวออกฤทธิ์เป็น ยาบำรุงกำลัง แก้เจ็บคอ แก้โลหิตจาง ห้ามเลือด รักษาแผล แก้อาการปวดกระเพาะอาหาร ขับพยาธิในลำไส้ แก้ท้องร่วง เป็นต้น

นอกจากนั้น ในเปลือกผลแก่ ของทับทิมยังมีกรด Gallotannic ซึ่งมีฤทธิ์ในการ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค แก้อาการท้องเดินได้ ซึงกองวิจัยทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ได้วิเคราะห์ไว้แล้วว่าไม่มีพิษเฉียบพลัน ทั้งยังสามารถใช้รักษาโรคบิดที่เกิดจากแบคทีเรีย และอะมีบา ได้ผลดีอีกด้วย

เรามาดูกันดีกว่าว่า ส่วนต่างๆ ของทับทิมใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง

การรักษา
1.แก้ท้องอืด
2.แก้น้ำกัดเท้า
3.แก้ท้องเสียและ บิด


ส่วนที่ใช้
1.น้ำทับทิม
2.เปลือกทับทิม
3.เปลือกผล
4.เปลือกผล


วิธีใช้
1.นำทับทิม 1 ลูก ไปคั้นน้ำ ดื่มตอนเช้าครั้งละ 1 แก้ว จะลดอาการคลื่นไส้ ( สูตรนี้เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์) ในกรณีของคนที่ดื่มแก้ท้องอืดและบำรุงสายตา ให้ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ดื่มหลังอาหาร จะช่วยให้ ลำไส้ดูดซึมได้ดีขึ้น
2.นำเปลือกทับทิมตากแห้งไปฝนกับน้ำปูนใสให้ขึ้น ทาทุกครั้งที่มีอาการ
3.ใช้เปลือกผลแก่ที่แห้งขนาด 1/4 ของผลทับทิม ต้มกับน้ำปูนใส ดื่มครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะทุกๆ 4 ชั่วโมง อาการจะดีขึ้น
4.ต้มเปลือกผลแก่สดครึ่งลูกกับน้ำ 1 แก้ว อมกลั้วคอ ทุกเช้าและก่อนนอน





7. มะขามป้อม ( Emblic )
เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยาที่เราสามารถ หาได้ใกล้ๆ ตัว

นอกเหนือจากจะมีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 20 เท่า ในปริมาณที่เท่ากันแล้ว มะขามป้อมยังมีฤทธิ์เป็นยาเย็น ใช้เป็นยาลดไข้ ยาฟอกเลือด ยาระบาย บำรุงหัวใจใช้ขับปัสสาวะ และแก้ริดสีดวงได้อีกด้วย
ตามตำราแพทย์แผนไทยได้อธิบายถึงการนำส่วนต่างๆ ของ มะขามป้อมมาใช้ เป็นยาดังนี้


การรักษา
1.ห้ามเลือดในแผลสด
2.แก้ตะขาบกัด
3.แก้อาการอ่อนเพลีย
4.บรรเทาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ


ส่วนที่ใช้
1.เปลือกต้น
2.ราก
3.ลูกมะขามป้อม
4.ผลแห้ง


วิธีใช้
1.นำไปตากให้แห้ง บดเป็นผง โรยบริเวณบาดแผล
2.ตำรากต้นมะขามป้อมสดพอแหลกพอกแผล รากมะขามป้อมจะช่วยดูดพิษออกมา
3.ต้มลูกมะขามป้อม 50 - 70 ลูกให้สุก แล้วแกะเอา เมล็ดออก ตำให้ละเอียด แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้น นำมาผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน กินวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เม็ด จะทำให้ร่างกาย แข็งแรงขึ้น
4.นำผลมะขามป้อมที่ตากจนแห้ง 2 - 3 ผล แกะเอา เมล็ดออกผสมนมสด 1 แก้ว ปั่นให้เป็นครีม ดื่มวันละ 3 ครั้ง ติดกัน 7 วัน อาการจะดีขึ้น



ขอบคุณข้อมมูลดี ๆ จาก สำนักงานเลขานุการกรม ค่ะ หรือถ้าใจสนใจ อยากหาข้อมูลเพิ่มเติม ลองแวะเข้าไปดูตามลิ้งที่ให้ไว้นะคะ






Create Date : 27 กรกฎาคม 2551
Last Update : 17 เมษายน 2553 16:09:58 น.
Counter : 781 Pageviews.

5 comments
  
สวัสดีค่ะคุณฝน
มาเก็บเกี่ยวความรู้ที่นำมาฝากค่ะ


ปล.อัพบล็อกนัดกับคุณปลิวหรือเปล่านี่
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:41:12 น.
  
น่าสนใจมากค่ะ
โดย: nathanon วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:21:48 น.
  
emoemoemoemo
โดย: มหาสำลี วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:20:28 น.
  
ช่วงนี้ผลไม้เยอะค่ะ ทุกอย่างก็อร่อย แต่บางชนิดกินเยอะก็ไม่ดี อย่างเช่นลิ้นจี่ เพราะร้อนใน(เราเป็นอยู่)
โดย: sailamon วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:02:51 น.
  

คุณนาห์..1
สวัสดีตอนมืด ๆค่ะ คุณนาห์สบายดีนะคะ

ปล.ไม่ได้นัดกันค๊า บังเอิญว่าใจเราตรงกัน







คุณnathanon..2
ผลไม้เมืองไทยมีมากมายให้เลือก
และมีตลอดทั้งปี ทานพอประมาณ
ก็มีประโยชน์ค่ะ ทานทากก็มีโทษ
ที่เห็นชัดก็คือ น้ำหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว









คุณมหา..3
เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ มาถึงก็เอาหน้าฟุบ
ลงกับโต๊ะเฉยเลย แทนที่จะคุยกัน
เพราะนาน ๆได้เจอกันซะที








คุณsailamon..4
ช่วงนี้ผลไม้บ้านเราออกเยอะมาก
ทานอะไรต้องระวัง(อ้วน)
โดยเฉพาะทุเรียนทานมากไม่ดี

ส่วนลิ้นจี่ไม่เคยทานจนร้อนในเลยค่ะ
เพราะถูกแย่งหมดก่อนทุกที
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:25:42 น.

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
กรกฏาคม 2551

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
30
31
 
 
All Blog