『หัวใจพลอยโจน/ช่อง 5』



บทประพันธ์-บทโทรทัศน์ : โอฬาร์กร
แนวละคร : โรแมนติก คอมเมดี้
กำกับการ แสดง : กิตติ บุญสกุลศักดิ์
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ


รายชื่อนักแสดง

ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ รับบทเป็น วรภัทร อื้อมหาทรัพย์
พิมพ์ มาดา บริรักษ์ศุภกร รับบทเป็น แสนหวาน บุญนำทาง
รัชชานนท์ สุประกอบ รับบทเป็น ดอกรัก บุญนำทาง
อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา รับบทเป็น คุณหนูดี ทองไพรี
ไท ธนาวุฒิ รับบทเป็น บุญเกิด
เมย์ เฟื่องอารมย์ รับบทเป็น ดาวรุ่ง
พงษ์พันธ์ เพชรบัณฑูร รับบทเป็น อุดม
พชร ธรรมมล รับบทเป็น ลูกยอด
วิชญาณี เปียกลิ่น รับบทเป็น ขวัญใจ
ปวีณ์สุดา จันทร์เกษ รับบทเป็น อ้อยหวาน
เกรียงไกร อุณหะนันทน์ รับบทเป็น ผู้ใหญ่โหย
ประสาท ทองอร่าม รับบทเป็น ปู่หวาม
กลศ อัทธเสรี รับบทเป็น ศักดิ์ชาย
นภัสศรณ์ มั่นวงษ์ศิริกุล รับบทเป็น สายสมร
ดิลก ทองวัฒนา รับบทเป็น อบต. อำนาจ
วราพรรณ หงุ่ยตระกูล รับบทเป็น เจนนี่
วิวัฒน์ ผสมทรัพย์ รับบทเป็น นายอำเภอวิเศษ ทองไพรี
ภัสสร บุณยเกียรติ รับบทเป็น คุณนายวานี ทองไพรี
ธงธง ม๊กจ๊ก รับบทเป็น ตะนอย
ลักขณา วัธนวงศ์สิริ รับบทเป็น ชมพู่
เต่า เชิญยิ้ม รับบทเป็น สนิท
โจ๊ก เชิญยิ้ม รับบทเป็น สิงห์
เอ๋ เชิญยิ้ม รับบทเป็น แสม



หัวใจพลอยโจน เป็นละครแนวโรแมนติคคอมเมดี้ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเซลส์แมนจอมกระล่อนที่ถูกเพื่อนรักหักหลัง จนทำให้เป็นหนี้หัวโต ต้องหนีหัวซุกหัวซุน แต่แล้วเขาก็ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นหนุ่มบ้านนาเจ้าของมรดกมหาศาลแห่ง "บ้านตาลเดี่ยว" และยังเป็นทายาทคณะแตรวงอีกซะด้วย แถมเขายังได้พบรักกับสาวชาวบ้าน งานนี้เซลส์แมนจอมกระล่อน จะเลือกอะไรระหว่างฮุบมรดกก้อนโตเพื่อหาทางใช้หนี้ หรือจะเลือกเสน่ห์บ้านนา ความจริงใจจากบ้านนอกแห่งนี้!?



เรื่องย่อ


เมื่อวรภัทร (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) เซลส์แมนจอมกระล่อนถูก อุดม (พงษ์พันธ์ เพชรบัณฑูร) เพื่อนรักหักหลัง ทำให้เขากลายเป็นหนี้บริษัทร่วมสิบล้าน วรภัทรจึงจำเป็นต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ระหว่างการหลบหนีเขาได้พบกับบุญเกิด (ไท ธนาวุฒิ) คนขับแท็กซี่ดวงดีที่กำลังจะเดินทางไปรับมรดกที่บ้านเกิด เหตุการณ์พลิกผันเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ทำให้บุญเกิดต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ในขณะที่วรภัทรเองถูกเข้าใจผิดว่าเป็นบุญเกิดและถูกนำตัวไปยัง "บ้านตาลเดี่ยว" ชนบทที่แสนจะลับหูลับตา ที่นั่นวรภัทรต้องรับสืบทอดคณะแตรวงของปู่และดูแลสวนตาลอีกหลายร้อยไร่ หนำซ้ำยังได้พบรักกับแสนหวาน (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ชีวิตใหม่ของวรภัทรในคราบบุญเกิดจึงดูเหมือนจะดำเนินไปได้ด้วย





เหตุการณ์ พลิกผันไปอีกครั้งเมื่อ อบต. อำนาจ (ดิลก ทองวัฒนา) เริ่มเข้ามารุกรานกว้านซื้อที่ดินสวนตาล วรภัทรจึงต้องเลือกระหว่างการขายที่ดินเอาเงินไปใช้หนี้บริษัทที่เพื่อนตน ก่อไว้ หรือจะรักษาสวนตาลไว้ตามเจตนารมย์ของปู่ ในที่สุดความดีงามของชาวบ้านตาลเดี่ยวก็สามารถเอาชนะใจของวรภัทรลงได้ เขาตัดสินใจลุกขึ้นสู้และปกป้องผืนดินแห่งชีวิตเอาไว้ วรภัทรจึงกลายเป็นวีรบุรุษที่ชาวบ้านตาลเดี่ยวทุกคนต่างชื่นชมยกย่อง แต่แล้วความจริงทั้งหมดก็ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อบุญเกิดตัวจริงฟื้นขึ้นมาและหวนกลับมาทวงทุกอย่างคืน จึงถึงเวลาที่วรภัทรต้องกลับไปสู่อันตรายอีกครั้ง งานนี้ความรักของ เซลส์แมนหนุ่มเมืองกรุงกับสาวดงตาลบ้านนาจะลงเอยอย่างไร? ตามลุ้นได้ในละคร "หัวใจพลอยโจน" ทางช่อง 5 เร็วๆ นี้




» ที่มา : baanseries






Create Date : 07 มิถุนายน 2553
Last Update : 7 มิถุนายน 2553 18:24:44 น.
Counter : 440 Pageviews.

0 comments

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
มิถุนายน 2553

 
 
1
2
3
4
6
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30