เนื่องในโอกาสที่เมืองเชียงรายมีอายุครบ 750 ปี ในปี พ.ศ. 2555 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้รวบรวมเรื่องราวหลักฐานทางประวัติศาสตร์สำคัญ ตั้งแต่การสร้างเมืองในสมัยของพญามังรายมหาราช เมื่อ พ.ศ.1805 จนถึงปัจจุบัน แล้วได้ดำเนินการสร้างหอประวัติเมืองเชียงราย 750 ปี โดยได้ดำเนินการปรับปรุง หอประชุมเม็งรายนุสรณ์ ซึ่งเป็นหอประชุมเก่าที่ก่อสร้างขึ้นพร้อมกับการก่อตังจังหวัดเชียงราย เมื่อปี พ.ศ. 2453 เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมเรื่องราว ข้อมูลที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของเยาวชนในจังหวัดเชียงราย นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ได้ศึกษาข้อมูล ในรูปแบบของมัลติมีเดียด้วยเทคโนโลยีการนำเสนอที่ทันสมัย (อยู่ด้านหลังหอวัฒนธรรมนิทัศน์เชียงราย)
สำหรับหอประวัติเมืองเชียงราย 750 ปี ประกอบด้วยโซนการจัดแสดงข้อมูลต่าง ๆ 8 โซน ประกอบด้วย
โซนที่ 1 ก่อร่างสร้างเมืองเชียงราย จัดแสดง ตำนานเมืองพญานาค การค้นพบวัฒนธรรมหิน ยุคสังคมเกษตรกรรม ยุคสังคมการล่าสัตว์ ยุคตำนาน ยุคแคว้นโยนกไชยบุรีศรีช้างแสน
โซนที่ 2 ร่องรอยไหนในถิ่นฐาน จัดแสดง ยุคประวัติศาสตร์ก่อนสมัยอาณาจักรยุคแคว้นเชียงราย ยุคสมัยอาณาจักรล้านนาราชวงศ์มังราย
โซนที่ 3 เล่าแจ้งแถลงไข จัดแสดงการเล่าเรื่องประวัติความเป็นมาของเมืองเชียงรายและพญามังรายมหาราช ด้วยระบบมัลติมีเดีย
โซนที่ 4 เมืองโบราณ อาณาจักรล้านนา จัดแสดงหุ่นจำลองพื้นที่ภูมิประเทศของจังหวัดเชียงราย รวมทั้งหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และกฎหมายมังรายศาสตร์
โซนที่ 5 พญามังรายมหาราช จัดแสดง พระรูปจำลอง พระราชประวัติของพญามังรายมหาราช การสถาปนาอาณาจักรล้านนา
โซนที่ 6 สู่เมืองเชียงราย จัดแสดงความเป็นมาของจังหวัดเชียงราย และความเป็นมาของอำเภอต่างๆ ทั้ง 18 อำเภอ
โซนที่ 7 ความรู้รอบตัว จัดแสดงเกี่ยวกับศาสนสถานสำคัญของเมืองเชียงราย เช่น ประวัติวัด 10 วัด และพระธาตุ 9 จอม
โซนที่ 8 ห้องสุดประวัติศาสตร์ เป็นห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถ ค้นคว้าข้อมูลที่อยูในเครือข่ายของโลกดิจิตอลได้อีกด้วย
ห้องสมุดรถไฟเชียงรายนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเชียงราย โดยการประยุกต์ ดัดแปลงโบกี้รถไฟ และนำหนังสือในหมวดหมู่ต่างๆ จัดเรียงไว้ในโบกี้ต่างๆ ภายใน ห้องสมุดรถไฟเชียงรายนี้ ได้รวบรวมหนังสือประเภทต่างอย่างหลากหลาย อาทิ หนังสือธรรมะ หนังสือสำหรับเด็ก โหราศาสตร์และการพยากรณ์ หนังสือพัฒนาภาษาทักษะต่างๆ หนังสือกฎหมาย หนังสือเกี่ยวกับอาชีพ หนังสือวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย สังคมศาสตร์ หนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างประเทศ หนังสือพิมพ์ นิทานและวรรณกรรม เป็นต้น ซึ่งหนังสือทั้งหมดเป็นหนังสือใหม่สีสันสวยงาม น่าอ่าน จัดเรียงหนังสืออย่างเป็นระเบียบ บรรยากาศภายในสวยงาม สะอาด หรูหรา เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือเป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นสถานที่พักผ่อน มีวิวสวยๆ สำหรับถ่ายรูปร่วมกับรถไฟได้อีกด้วย
ขอเป็นฐาน รองบาท ราชวงศ์ ด้วยจำนง จงรัก และภักดี
นี่คือข้อความที่เขียนไว้ที่ฐานของรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พ่อหลวงของคนไทย แห่งค่ายเม็งรายมหาราช ซึ่งถือเป็นรอยพระบาทในหลวงหนึ่งเดียวในเมืองไทย
สำหรับที่มาของการก่อกำเนิดรอยพระบาทในหลวงแห่งนี้ คงต้องย้อนไปในอดีต ยุคที่เมืองไทยยังคงมีความขัดแย้งทางแนวคิดทางการเมืองอย่างชัดเจน ครั้งนั้นบนดอยพญาพิภักดิ์ บนพื้นที่ดอยยาว-ดอยผาหม่น ใน อ.เทิง จ.เชียงราย นับเป็นพื้นที่สีแดงที่มีการรบพุ่งกันระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งทางรัฐบาลก็ได้ส่งกองกำลังไปปราบปรามเรื่อยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2510 จนในปี พ.ศ. 2524 พ.ท. วิโรจน์ ทองมิตร ผบ.ร. 17 พัน 3 ได้นำกำลัง (พัน ร. 473) เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ดอยยาว-ดอยผาหม่น ตามแผนการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ จนเกิดเป็นยุทธการยึดเนิน 1188 บนดอย ดอยพญาพิภักดิ์ ขึ้น ยังผลให้สามารถปราบปรามคอมมิวนิสต์ในพื้นที่นั้นได้สำเร็จในที่สุด
แต่ว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ต้องสูญเสียเหล่าทหารหาญที่พลีชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยไปจำนวนมาก โดยอัฐิของทหารส่วนหนึ่งได้ถูกนำมาบรรจุไว้ในอนุสาวรีย์ผู้เสียสละที่ค่ายเม็งรายมหาราช จ.เชียงราย
และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารหาญ ในวันที่ 27 ก.พ. 2525 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จไปเยี่ยมเยียนเหล่าทหารหาญ และราษฎร ณ ฐานปฏิบัติการดอยพญาพิภักดิ์บนดอยยาว โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาพระราชทานประทับ รอยพระบาท ของพระองค์ลงบนแผ่นปูนปลาสเตอร์ที่ทางทหารได้เตรียมไว้ เพื่อเป็นดังขวัญกำลังใจแก่ทหารหาญที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ
ในปัจจุบันนี้รอยพระบาทบนปูนปลาสเตอร์นั้นได้ถูกนำมาเก็บไว้ที่ศาลารอยพระบาท ณ ค่ายเม็งรายมหาราช อ.เมือง จ.เชียงราย โดยเดิมทีนั้นรอยพระบาทของในหลวงจะเป็นที่รู้กันในหมู่ทหารค่ายเม็งรายฯ แต่เมื่อทหารเปลี่ยนนโยบายจาก เขตทหารห้ามเข้า มาเป็น เขตทหารยินดีต้อนรับ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวและรู้จักวิถีชีวิตในรั้วสีเขียว
เรื่องราวของรอยพระบาทในหลวงที่ถือได้ว่ามีหนึ่งเดียวในเมืองไทยก็มีคนเดินทางไปชมและสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลมากขึ้น
ขอบคุณที่แวะเยี่ยมชมและทักทายกันค่ะ
วันนี้ตามมาเที่ยวเชียงรายอีกแล้วค่ะ
จะว่าไปเชียงรายมีสถานที่สวยๆเยอะเลยนะคะ
คราวหน้าต้องหาเวลามากกว่านี้จะได้ทัวร์ทั่วถึงหน่อย
ขอบคุณมากๆนะคะ ^^