เมืองเหงา ป่าใหญ่(6)

“อุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่” ป้ายที่บอกถึงสถานที่แห่งนี้ ใหญ่สมชื่อครับ ผมมาถึงแล้วและยืนอยู่ที่หน้าป้ายอันใหญ่โตนี้จริงๆครับ บรรยากาศรอบข้างช่างเป็นใจ สำหรับการมาเยือนครั้งแรก แสงแดดยาม7โมงเช้ามันช่างอบอุ่นเหลือเกิน ทุกครั้งที่สูดอากาศเข้าปอดแต่ละครั้ง บอกได้ว่ามันสะอาด แตกต่างจากเมืองใหญ่ที่เคยอยู่ สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า ของป่าช่วงปลายฝน เป็นการพักผ่อนทางสายตาที่แท้จริง รู้สึกได้เลยว่าร่างกายของเรา กำลังปรับตัวอย่างหนักหน่วง เพื่อจะต้อนรับทุกรูปสัมผัสดีๆที่จะถาโถมเข้ามา ผมมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว ตอนนี้ความตื่นเต้น ความกังวลหายไป แต่สิ่งที่เกิดใน ณ.ขณะนั้น กลับเป็นความสงบ นิ่ง เข้ามาแทน เป็นความรู้สึกที่ตลอดมาทั้งชีวิต ไม่เคยได้รับรู้ ได้สัมผัส ไม่เคยได้พบเจอ มันคืออะไรผมจะหาคำตอบมาให้ได้ ผมสัญญา หลังจากชำระค่าธรรมเนียมค่าเข้า และบำรุงสถานที่แล้ว ก็เดินเท้าผ่านเข้าซุ้มทางเข้าอุทยาน และแวะล้างหน้าล้างตา ทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำภายในอุทยานเรียบร้อย ก็เดินเข้าไปเรื่อยๆ ในความตั้งใจคือ จะเดินเท้าสลับกับโบกรถผู้ที่สัญจรผ่านไปมา โดยจุดหมายอยู่ที่ ลานกลางเต็นท์ผากล้วยไม้ แต่ในวันที่ไปเป็นช่วงกลางสัปดาห์ ไม่ค่อยมีใครใช้เส้นทางนี้มากนัก ผมเดินเท้าเข้าไปเรื่อยๆประมาณ 100 เมตร ด้านขวามือได้พบกับ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ที่ดูเข้มขลัง รอบๆศาลมีรูปปั้นช้างขนาดต่างๆมากมายเดาเอาว่าคงเป็นรูปปั้นที่ประชาชน นักท่องเที่ยว นำมาถวายให้เจ้าพ่อเขาใหญ่ อาจเพื่อเป็นการแก้บนในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แล้วอาจจะสำเร็จตามความตั้งใจของผู้ที่นำมาถวาย ก็เป็นได้ แต่ดูจากขนาดและจำนวนของรูปปั้นช้าง คงจะบ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ของเจ้าพ่อเขาใหญ่ได้เป็นอย่างดี ผมก็มิอาจจะผ่านเลยไป โดยมิได้เข้าไปบอกกล่าวต่อเจ้าของสถานที่ ผมขออนุญาตเข้าไปในสถานที่ของเจ้าพ่อเขาใหญ่ ทำผิดพลาดประการใด ขอให้เจ้าพ่อให้อภัยในความไม่รู้ของลูกด้วยเถิด เมื่อได้บอกกล่าวแล้วก็เดินเท้าเข้าไปตามทางต่อ ด้วยความรู้สึกมั่นใจและปลอดภัย เพราะเราได้ขออนุญาตเจ้าของบ้านแล้ว การรู้จักกาลเทศะ การมีสัมมาคารวะ เป็นสิ่งดีๆที่จะช่วยปกป้อง คุ้มครองเราให้ปลอดภัย ผมเชื่ออย่างนี้ครับ 

Create Date : 08 กรกฎาคม 2557		0 comments
Last Update : 8 กรกฎาคม 2557 10:59:07 น.
Counter : 512 Pageviews.
Share Tweet