ร่างกายของมนุษย์ตอน ลำไส้ใหญ่ (large intestine)
ลำไส้ใหญ่ มีลักษณะเป็นกระพุ้งและเป็นปล้องๆ มีความยาวประมาณ 150 ซม. กว้างประมาณ 6 เซนติเมตร แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ 1. ไส้ตัน (cecum) เป็นที่ตั้งต้นของลำไส้ใหญ่ ลักษณะเป็นกระพุ้งใหญ่ มีลิ้นซึ่งทำด้วยรอยพับของเยื่อบุลำไส้ (Mucous membrane) เรียกว่า ทวารลำไส้ใหญ่ (ileccecal valve) ปิดกั้นระหว่างลำไส้เล็กส่วนปลายกับไส้ตัน ทำหน้าที่ให้อาหารผ่านเข้าไปในลำไส้ใหญ่ทางเดียวไม่ให้ย้อนกลับมาในลำไส้ เล็กอีก โดยทั่วไปทวารลำไส้ใหญ่นี้จะทนความดันย้อนกลับได้มากถึง 50-60 ซม . น้ำ ผนังของลำไส้เล็กส่วนปลายก่อนถึงทวารลำไส้ใหญ่นี้จะหนาขึ้น ทำหน้าที่เป็นหูรูด (ileocecal sphincter) ซึ่งตามปกติจะหดตัวเพื่อกั้นไม่ให้อาหารเข้าไปในไส้ตัน นอกจากภายหลังรับประทานอาหาร โดยการทำงานของ Gastrc-ideal reflex ซึ่งจะเร่งการบีบตัวเป็นคลื่นของลำไส้เล็กส่วนปลายให้ขับอาหาร ประมาณ 4 ลบ . ซม . ต่อการบีบไล่ครั้งหนึ่งผ่านทวารนี้ไป ถึงกระนั้นจะมีกากอาหารเพียงประมาณ 450 ลบ . ซม . ที่ถูกขับออกไปสู่ไส้ตันใน 1 วัน และเมื่อมีความต้านทานต่อการปล่อยอาหารผ่านทวารลำไส้ใหญ่นี้จะทำให้อาหาร ค้างอยู่ในลำไส้เล็กส่วนปลายนาน เป็นการเพิ่มการดูดซึม การควบคุมหูรูดทวารลำไส้ใหญ่ การหดตัวของกล้ามเนื้อหูรูดนี้ถูกควบคุมโดยรีเฟล็กซ์จากไส้ตัน เมื่อใดก็ตามที่ไส้ตันถูกดันให้ตึง หูรูดก็จะหดแรงขึ้น เป็นการถ่วงเวลาให้อาหารจากลำไส้เล็กส่วนปลายผ่านไปสู่ไส้ตันช้าลง รีเฟล็กซ์นี้อาศัยทางเดินประสาทของกลุ่มประสาทไมเอนเทอริก (myenteric plexus) นอกจากนั้น Viscero-Sympathetic reflex หลายอย่างที่เกิดจากการระคายของระบบทางเดินอาหารส่วนอื่น เช่น จากไตหรือจากเยื่อบุช่องท้องจะทำให้หูรูดหดตัวอย่างรุนแรง มีผลทำให้อาหารเคลื่อนผ่านทวารลำไส้ใหญ่ช้าไปหรือหยุดเลยก็ได้ 2.โคล่อน (colon) เป็นส่วนที่ต่อจากไส้ตัน แบ่งออกเป็นตอน ๆ ดังนี้ 2.1 ลำไส้ใหญ่ส่วนขึ้น (ascending colon) คือ ลำไส้ใหญ่ที่ต่อจากไส้ตันทอดขึ้นข้างบนทางขวาของช่องท้องไปจนถึงพื้นล่างใต้ตับ 2.2 ลำไส้ใหญ่ส่วนขวาง (transverse colon) คือ ลำไส้ใหญ่ส่วนที่ทอดขวางช่องท้องไปทางซ้าย แล้วโค้งไปใต้ปลายล่างของม้าม 2.3 ลำไส้ใหญ่ส่วนลง (descending colon) คือ ลำไส้ใหญ่ส่วนที่ทอดลงมาข้างล่างซ้ายของช่องท้อง แล้วทอดโค้งคล้ายรูปอักษรตัวเอส (S) เรียกว่า Sigmoid colon 3.ไส้ตรง (rectum) มีความยาวประมาณ 5 นิ้ว ตรงบริเวณส่วนล่างมีลักษณะพองโตออกมามาก เพื่อเก็บอุจจาระไว้โดยมีลิ้นช่วยพยุงอยู่ ตำแหน่งที่ตั้งในเพศชายอยู่ข้างหลังกระเพาะปัสสาวะ ในเพศหญิงอยู่ข้างหลังมดลูก 4.ท่อทวารหนัก (anal canal) เป็นส่วนปลายล่าง ของลำไส้ใหญ่ ยาวประมาณ 1-1.5 นิ้ว มีช่องเปิดออกสู่ภายนอกเรียกว่า ปากทวารหนัก (anus) ที่ปากทวารหนักจะมีกล้ามเนื้อหุ้มล้อมเป็นวงอยู่โดยรอบ 2 วง วงในเรียกว่า หูรูดชั้นใน (internal sphincter) วงนอกเรียกว่าหูรูดชั้นนอก (external sphinctar) กล้ามเนื้อเหล่านี้มีหน้าที่สำหรับเปิดให้อุจจาระผ่านออกไปแล้วปิดอย่างเดิม ลำไส้ใหญ่ประกอบด้วย 4 ชั้น คือ 1.Serous cost เป็นชั้นนอกหุ้มอยู่เป็นตอน ๆ ในบางส่วนของลำไส้ใหญ่เท่านั้น ส่วนของปากทวารหนักจะไม่มีชั้นนี้หุ้มอยู่ 2.Muscular cost เรียงกันอยู่เป็น 2 ชั้น ชั้นในเรียงกันเป็นวงโดยรอบ (circular layer) ชั้นนอกทอดไปตามยาว แต่รวมแยกกันเป็น 3 แถบ ตั้งต้นจากไส้ตันจนถึงส่วนต้นของไส้ตรง เรียกว่า Taeniae coli ซึ่งอาจมองเห็นด้วยตาเปล่า ผนังลำไส้ใหญ่ จะเห็นโป่งเป็นกระพุ้งเป็นระยะ ๆ เรียกว่า Succulation 3.Submucous cost 4.Mucous cost เป็นชั้นในสุด ไม่มี Villi หรือ Circular folds มีแต่ Intestinal glands ซึ่งจะขับเมือก (mucous) ออกมาเป็นจำนวนมาก จะเห็นว่าไม่มีการสร้างเอ็นไซม์ (enzyme) ที่บริเวณลำไส้ใหญ่เลย จะมีแต่เฉพาะเซลล์เยื่อเมือกที่บุผนังลำไส้ใหญ่เท่านั้นที่สร้างน้ำเมือกออก มาเป็นจำนวนมาก มีลักษณะข้น ฤทธิ์เป็นด่าง pH 8-8.4 ทำหน้าที่หล่อลื่นกากอาหารให้เคลื่อนที่ผ่านไปได้สะดวก การที่ลำไส้ใหญ่ไม่มีเอ็นไซม์ เนื่องจากอาหารที่ผ่านกระเพาะมาถึงลำไส้ใหญ่นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นกากอาหารที่เหลวและไม่ย่อยแล้ว แต่ยังมีส่วนที่เป็นน้ำและเกลือแร่มาก เส้นประสาท (nerves) ที่มาสู่ลำไส้ใหญ่ คือ เส้นประสาทอัตโนมัติที่แตกมาจากมิเชนเทอริก เพกซัส (mesenteric plexus) และไฮโปแกสติก เพกซัส (Hypo-gastric plexua) หลอดโลหิตที่มาสู่ลำไส้ใหญ่ คือ แขนงของ Superior mesenteric artery และ Inferior mesenteric artery นอกจากนี้ในส่วนของไส้ตรงยังได้รับโลหิตมาจากแขนงของ Hypogastric arteries หน้าที่ของลำไส้ใหญ่ 1.ช่วยย่อยอาหารเพียงเล็กน้อย 2.ถ่ายระบายกากอาหาร (Wastse product) ออกจากร่างกาย 3.ดูดซึมน้ำและอิเล็คโตรลัยต์จากอาหารที่ถูกย่อยแล้ว เช่น โซเดียม และเกลือแร่อื่น ๆ ทีเหลืออยู่ในกากอาหาร รวมทั้งวิตามินบางอย่างที่สร้างจากแบคทีเรีย ซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ ได้แก่ วิตามินบีรวม วิตามินเค ด้วยเหตุนี้จึงเป็นหนทางสำหรับให้น้ำ อาหารและยาแก่ผู้รับบริการทางทวารหนักได้ 4.ทำหน้าที่เก็บอุจจาระไว้จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควรที่จะถ่ายออกนอกร่างกาย ที่่มา :ข้อมูล //student.mahidol.ac.th/ ภาพ //writer.dek-d.com/piz-za/story/viewlongc.php?id=614234&chapter=3 ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
Create Date : 11 กันยายน 2555 |
Last Update : 11 กันยายน 2555 10:34:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 18973 Pageviews. |
|
|