|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
If you miss the train I'm on, you will know that I am gone
เพลง 500 miles แว่วมาไกลๆ ใช่แล้วค่ะ วันนี้กิมจูจะมาชวนย้อนความหลังกับรถไฟ ^^
เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า วันหนึ่ง กิมจูจะไปซื้อตั๋วรถไฟ ซึ่งทุกทีก็ได้พึ่งบริการสถานีธนบุรี(บางกอกน้อย) ฝั่งตรงข้ามบ้านที่ 2 ของกิมจูเอง เป็นประจำ วันนั้นก็เช่นเคย ลงเรือข้ามฟากไปพลางโทรศัพท์ไปด้วย หูก็ฟังปากก็โวยวายใส่คู่สนทนา (อย่างเดือด) เลยไม่ได้สนใจโลกรอบข้างนัก พอไปถึงท่ารถไฟก็ก้าวฉับๆๆๆ ตรงไปที่สถานีไปตามสัญชาตญาณ
กึก!!!!
เสียงสะดุดค่ะ -_____-"
โผล่เข้าไปที่สถานี เจอแต่ความอ้างว้าง *มีใบไม้ปลิวคว้างประกอบฉาก* ตัวสถานีปิดเงียบ ไม่มีผู้คน ไม่มีเสียงระฆัง ไม่มีพ่อค้าแม่ขาย
มีแต่พี่ยามมองมางงๆ ไอ้เราก็มองตอบงงๆเหมือนกัน ก่อนถอยหลังกลับท่าพระจันทร์
กลับมาตรวจสอบข้อเท็จจริงจึงรู้ว่า ตอนนี้ตัวสถานีบางกอกน้อยเขาย้ายไปอยู่อีกที่เรียบร้อยโรงเรียน เอ้ย โรงพยาบาลศิริราชตั้งนานแล้ว ทั้งนี่ก็เพื่อใช้สถานที่บริเวณสถานี ก่อสร้างอาคารส่วนขยายของศิริราช
รู้ช้าไปจริงๆ พร้อมๆกับภาพฝันโครงการที่จะถ่ายรูปสถานี (ยามที่ยังใช้งานจริง) ก็สลายไปทันตาเห็น
วันนี้ ก็เลยรีบคว้ากล้องมาถ่ายเก็บไว้ก่อน มาช้าตอนนี้ ก็ยังดีกว่าตอนเขาเริ่มงานก่อสร้างล่ะ แบบนั้น เข้าไปถ่ายไม่ได้แน่ๆ
สถานีรถไฟธนบุรี หรือ ที่เรียกกันติดปากว่าสถานีบางกอกน้อย เป็นสถานีเก่าแก่ของคนฝั่งธนค่ะ รวมอายุเบ็ดเสร็จก็ร้อยกับอีกห้าปี สี่แผ่นดินของแท้แน่นอน แต่อาคารที่เห็นทุกวันนี้ เป็นการปรับปรุงซ่อมสร้างครั้งใหญ่ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม สาเหตุก็เนื่องมาจาก ตัวสถานีเดิมนั้น โดนทหารฝ่ายพันธมิตรโจมตีจนราบ ก็เพราะว่า ที่นี่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของฝ่ายทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เหตุการณ์ตอนนี้ง่ายต่อการจินตนาการตาม ถ้าหากคุณเป็นแม่ยกของพ่อดอกมะลิอย่างเต็มตัว
ที่นี่เอง ที่โกโบริ หรือ พ่อดอกมะลิ(ชื่อไทย) เลือกที่จะมาประชดชีวิต ให้กับความรักสามเส้า สามเศร้า ด้วยการวิ่งมาทำงานท่ามกลางสมรภูมิรบอันดุเดือด -___-" รู้ทั้งรู้ว่า ที่นั่นน่ะ ฝ่ายพันธมิตรเขาหมายหัวจะตาย งานนี้ก็เลยได้บินไปรอฮิเดโกะที่ทางช้างเผือกสมใจปรารถนา (แต่อังศุมาลิน หรือฮิเดโกะ คงจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก)
อันที่จริง เราเองก็คุ้นกับสถานีนี้ตั้งแต่ก่อนเกิด เนื่องจากเป็นเส้นทางที่แม่จะใช้เดินทางกลับบ้านที่เจ็ดเสมียน จ.ราชบุรี (หรือ ราด-รี ตามสำเนียงคนท้องถิ่น หาฟังได้จากเด็กกระเป๋ารถสายกรุงเทพฯ - ราดรี เอ้ย ราชบุรี) เป็นประจำ ไม่เว้นแม้ช่วงท้อง เลยเกิดตำนานอันแสนจะประทับใจว่า วันหนึ่ง ในระหว่างที่คุณนายเล็กท่านนั่งเรือข้ามฟากอยู่นั้น (บ้านก็อยู่ฝั่งธน ทำไมต้องข้ามฟากอีกหนอ ไม่เข้าใจแม่เลย) คุณนายท่านก็เหลือบแลเห็นตึกโดมของธรรมศาสตร์ แล้วก็คงประทับใจจนถึงกับตั้งจิตอธิษฐานว่า อยากให้ลูกได้เรียนที่นี่จังงงงงงงงงงงงง
สมใจนึกคุณนายเช่นกัน ลูกสาวคุณนายอยู่ที่นี่มาครบ 1 ทศวรรษแล้วเจ้าค่ะ -_________-"
พอถือกำเนิดออกมา ทั้งยายกับแม่ก็พามาปล่อย เอ้ย พามาขึ้นรถไฟที่นี่เป็นประจำ จนกระทั่งพ่อซื้อรถใช้เอง เลยเลิกพึ่งบริการสถานีบางกอกน้อยไป
จนกระทั่งโต คำสาป เอ่อ คำอธิษฐานของคุณนายแม่สัมฤทธิ์ผล เลยมาใช้ชีวิตที่สำนักธรรมศาสตร์และการเมืองซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่นกับเรียม เอ๊ะ ไม่ใช่สิ เช้าสายบ่ายเย็น เลยเห็นสถานีบางกอกน้อยอยู่ทุกเวลาที่ชำเลืองตา ว่างๆก็ข้ามไปเที่ยวตลาดริมทางรถไฟ ที่เรียกกันว่า ตลาดน้ำร้อน (ไม่มีรูปค่ะ เสียดายมาก) ตลาดนี้พิเศษตรงที่ สินค้าทีขายเป็นของสวนกับของที่มากับขบวนรถไฟล้วนๆ คล้ายๆที่ครั้งหนึ่ง ตลาดวงเวียนใหญ่เป็นที่รวมของสินค้าจากทะเลแถวๆมหาชัย แม่กลอง
อันที่จริงรูปแบบการค้าขายเช่นนี้ เป็นวิถีชีวิตแบบเดิมของคนกรุงเทพฯนะคะ อย่างท่าพระจันทร์ ท่าช้าง เมื่อก่อนก็เต็มไปด้วยสินค้าของสวน น่าเสียดายที่ระบบการจัดการเมืองแบบใหม่ ได้ไปลบล้างร่องรอยแห่งอดีตพวกนี้ไปจนหมด
บางครั้ง อดีตมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปหรอก แต่คนเราในปัจจุบันนั่นเอง ที่ลบอดีตของตัวเองเพียงเพราะคำว่า ไม่สวยงามทันสมัย อันนี้สิน่าเศร้า
ปัจจุบัน ตลาดริมทางรถไฟย้ายไปอยู่ในที่ใหม่ ที่ทางทางการเขาจัดให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็ขาดเสน่ห์ไปแยะเชียว ส่วนสถานีรถไฟก็ยังทำหน้าที่เรื่อยมา จนกระทั่งวันนี้
ตามโครงการ "พัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์" พื้นที่ส่วนหนึ่งของสถานีรถไฟ จะถูกใช้เพื่อการก่อสร้างอาคารทางการแพทย์ โดยที่อาคารหลักจะยังคงได้รับการอนุรักษ์เพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟ ในแง่มุมนี้ก็น่าดีใจค่ะ เพราะปัจจุบันตัวอาคารก็เริ่มโทรมไปแยะ การจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งในการอนุรักษ์
แต่ในวูบหนึ่งของความคิด ยามที่ยืนอยู่ที่สถานี ก็ใจหายเหมือนกันค่ะ ที่สถานที่ที่เราเคยมีอดีตร่วมกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป (แม้จะไปสู่สิ่งที่ดีกว่าก็ตาม)
คนเรามักจะเป็นเช่นนี้ คือ กลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวการที่จะละจากความคุ้นเคย เมื่อเวลาที่เราเคยชินหรือคุ้นเคยกับอะไรสักอย่าง มันก้ต้องใช้เวลาเมื่อการเปลี่ยนแปลงได้มาเยือน
หลังจากได้มาเดินคิดถึงความหลังกับถ่ายรูปได้พอควร ก็ได้เวลากลับยังถิ่นเก่าท่าพระจันทร์ พร้อมกับวางแผนการเดินทางครั้งต่อไป
เที่ยวตามทางรถไฟสายหวานเย็นค่ะ ^^
คาดว่าคงจะได้เห็นอะไรสนุกๆอีกแยะ ไว้รอรวบรวมเหล่าองครักษ์ให้ได้ครบแก๊งค์ก่อน แล้วจะเก็บภาพมาเล่าให้ฟังอีกครั้งค่ะ
ปล.ดูภาพเพิ่มเติมพร้อมทั้งความคิดเห็นของเพื่อนๆชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินได้ ที่นี่ ค่ะ
Create Date : 19 มีนาคม 2548 |
|
3 comments |
Last Update : 20 มีนาคม 2548 0:57:30 น. |
Counter : 590 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ช่างไม้ IP: 202.12.73.11 7 เมษายน 2548 13:24:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตุ๊กแกสายรุ้ง IP: 202.28.181.7 7 เมษายน 2548 21:47:35 น. |
|
|
|
|
|
|
|