การลงทุนกับสถาการณ์ที่เป็นไป

ในฐานะผมเป็นนักลงทุนคนหนึ่ง ผมมองดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจได้แก่

- วิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศ PIIGS อันได้แก่ โปรตุเกส อิตาลี ไอร์แลน กรีซ และ สเปน
- การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา
- ปัญหาฟองสบู่ในจีน
- การเมืองในประเทศ

ว่าจะมีผลกระทบกับธุรกิจที่ผมเป็นเจ้าของมากหรือน้อยอย่างไร และต้องจัดการอย่างใดหรือไม่

การพิจารณาสถานการณ์ต่างๆเหล่านี้ ถ้าจะให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริง เราควรจะมีข้อมูลอย่างเพียงพอ แต่ในความเป็นจริงเรามีข้อมูลน้อย ถึงน้อยมาก เราเห็นเฉพาะความจริงที่อยู่บนผิวน้ำเท่านั้น เช่น ราคาหุ้นตก เป็นต้น

ผมคงคิดไปตามความเชื่อของผม ซึ่งไม่รู้ว่าความจริงเป็นเช่นไรแน่

เรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศ PIIGS นั้นผมคิดว่าคงจำกัดแค่เฉพาะ ประเทศเหล่านั้นเท่านั้น เพราะทางประเทศในกลุ่มอียูคงทำให้ผลกระทบจำกัดวงอยู่แค่นั้น มิให้ลุกลามเป็นปัญหากับประเทศในกลุ่มประเทศอื่น เช่น การให้สินเชื่อเพิ่มเติมแก่ธนาคารทั้งหลายที่มีธุรกรรมกับประเทศในกลุ่ม PIIGS มากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาในระบบธนาคาร ซึ่งจะทำให้ปัญหาลุกสามต่อไป และคงไม่ทำให้เศรษฐกิจของโลกทรุดตัวไปมากเท่าใด และจะมีผลกระทบกับธุรกิจที่ผมเป็นเจ้าของไม่มากนัก

เรื่องที่สอง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ นั้นผมเชื่อว่า เศรษฐกิจอเมริกาคงฟื้นตัวต่อไป สถานการณ์อันนี้จะมีผลทำให้ธุรกิจที่ผมเป็นเจ้าของมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

เรื่องที่สาม ปัญหาฟองสบู่ในจีน เท่าที่มีข้อมูล นั้น ทางการจีนพยายามทำมาตราการหลายอย่าง เช่น การเพิ่มสำรองของธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้ธนาคารลดการปล่อยกู้แก่ภาคเอกชน นอกจากนี้ยังไม่ข่าวแว่วๆมากอีกว่า ทางการจีนจะเลิกผูกติดเงินหยวนกับเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐ แต่จะใช้ระบบตะกร้าเงินแทน แต่อันนี้เป็นข่าวที่ยังไม่ยืนยัน ดังนั้นแนวโน้มค่าเงินหยวน คงต้องแข็งค่าขึ้นอีก ผมมองว่าเรื่องนี้จะกระทบกับธุรกิจที่ผมถืออยู่บ้าง

เรื่องที่สี่ การเมืองในประเทศ ผมคิดว่าสถานการณ์อย่างนี้จะเป็นปัญหายาวต่อไป แม้ว่าการขอคืนพื้นที่จะสำเร็จก็ตาม แต่รัฐบาลคงจะบริหารประเทศด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง อันนี้จะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก และคงต้องใช้ระยะเวลาอันยาวมากสำหรับการเยียวยา

เราจะทำอย่างไร เช่น ลดพอร์ตหุ้นลงหรือไม่ หรือจะล้างพอร์ตรอ หรือ จะถือต่อไปโดยไม่ต้องทำอะไร แน่นอนเราอาจจะได้เห็นราคาหุ้นในตลาดหุ้นลดลงอย่างมาก อาจจะลดลงถีงระดับ 650 จุด ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย 300 วันก็ได้ เราจะเตรียมตัวเตรียมความพร้อมอย่างไร นั่นเป็นเรื่องหนึ่ง

อีกเรื่องหนึ่ง ผมคิดว่า เราคงต้องประเมินว่า ภาวะการณ์ต่างๆเหล่านั้นที่กำลังดำเนินไปจะทำให้ธุรกิจที่เราถืออยู่เป็นอย่างไร เช่น พื้นฐานเปลี่ยนไปหรือไม่ เป็นปัญหาชั่วคราวหรือไม่ ระยะเวลาของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจะยาวนานเท่าใด แน่นอน ณ เวลานี้ไม่มีใครมีคำตอบที่ชัดแจน

สำหรับผมคิดว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ ธุรกิจที่เราถืออยู่มีความสามารถในการบริหารและมีธรรมาภิบาล หรือไม่ เจ้าของธุรกิจนั้นคงหาทางแก้ปัญหาต่างๆ ที่มากระทบ และ พยายามนำพาธุรกิจของตัวเองให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้

Create Date : 15 พฤษภาคม 2553 Last Update : 15 พฤษภาคม 2553 7:10:21 น. Counter : 605 Pageviews.		9 comments
Share Tweet