กับดักของ Value Investor
วันนีผมขอนำข้อเขียนเก่าของ ดร. นิเวศน์ มาให้อ่านกันเห็นว่ามีประโยชน์มากเวลาพิจารณาเลือกหุ้นเข้าพอร์ต VI ลองอ่านกันดูแล้วกัน

Value Investor โดยเฉพาะที่ยังเป็นมือใหม่หลายคนต้องขาดทุนจากการลงทุนในหุ้น ที่เขาคิดว่าเป็น “Value Stock” ทั้งที่เขาคิดว่าหุ้นที่ซื้อมานั้นมีราคาถูกมากมองจากค่า PE หรือปันผลเป็นต้น

ข้อผิดพลาดของเขาก็คือ เขาเลือกดูข้อมูลเฉพาะบางด้านหรืออาจจะหลายด้านแต่ไม่ทั้งหมด พอเห็นว่าตัวเลขดูดีมากเช่นพอเห็นว่าหุ้นมีค่า PE เพียง 5 – 6 เท่า หรือพอเห็นว่าหุ้นตัวนั้นจ่ายปันผลในปีที่ผ่านมาถึง 10% ของราคาหุ้น เขาก็ คิดว่าหุ้นตัวนั้นถูกมากจึงเข้าซื้อลงทุนโดยไม่ได้ดูข้อมูลอื่นๆ ซึ่งมีความสำคัญพอๆ กัน และอาจจะบอกถึงความหมายคล้ายๆ กัน เช่นค่า PB ซึ่งเป็นตัวบอกค่าความถูกความแพงเหมือนกัน แต่กลับชี้ว่าหุ้นตัวนั้นมีค่า PB สูงมากหรือหุ้นมีราคาแพงมาก

การเห็นข้อมูลบางอย่างที่ดูดีมากแล้วเข้าไปซื้อหุ้นนั้น บ่อยครั้งทำให้ Value Investor เข้าไป “ติดกับ” คือซื้อ แล้วแทนที่หุ้นจะขึ้นกลับตกลงมาเรื่อยๆ ปันผลที่เคยได้รับในอัตราสูงก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ บางคนถึงกับคิดว่าแนวทางการลงทุนแบบ Value Investment อาจจะใช้ไม่ได้ผล

กับดักที่ผมเห็นว่า Value Investor มักจะเข้าไปติดบ่อย ๆ มีดังต่อไปนี้

หนึ่ง ซื้อหุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลในปีที่ผ่านมาสูงมาก บางทีสูงถึง 10% กับดักอันนี้ล่อให้ Value Investor ที่อยากลงทุนถือหุ้นยาวกินปันผลเข้าไปซื้อลงทุน แต่เมื่อซื้อแล้วหุ้นก็มักจะไม่ไปไหน ราคาหุ้นหลังจากรับปันผลแล้ว กลับตกลงไปมากกว่านั้น ที่สำคัญปันผลในอนาคตก็มีแนวโน้มว่าจะลดลง ปัญหาก็คือ หุ้นเหล่านี้หลายตัวมีการจ่ายปันผลจากกำไร ในอัตราที่สูงมาก เช่น มีกำไรทั้งปี 1 บาทต่อหุ้น แต่บริษัทประกาศจ่ายปันผล 1 บาทต่อหุ้นเหมือนกันบาง บริษัทจ่าย 1.1 บาท ก็มีการจ่ายปันผลแบบนี้ดูเหมือนว่าจะดี แต่ก็ทำให้กิจการโตได้ยากในอนาคต ส่วนใหญ่แล้วบริษัทก็มักจะทำได้เป็นครั้งเป็นคราว เมื่อมีเงินสดเหลือมาก หรือเจ้าของอยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่อนาคตอัตราปันผลก็มักจะลดลง

กับดักอันที่สองก็คือ ค่า PE ของหุ้นต่ำมาก นี่ก็เป็นกับดักที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เพราะทำให้นักลงทุนรู้สึกว่าหุ้น มีราคาถูกมาก แถม growth หรือการเจริญเติบโตก็ดูเหมือนจะสูงลิ่ว เรียกว่ามี “สองเด้ง” เป็นหุ้นที่ “ต้องลงทุน” แต่คนที่ เข้าไปลงทุนโดยไม่พิจารณาให้ถ่องแท้ครบถ้วนทุกมิติอาจจะติดกับหุ้น PE ต่ำได้ การที่หุ้นมี PE ต่ำมากนั้น อาจจะเกิดขึ้นได้กับบริษัทที่มีกำไรเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่เป็นกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียว เช่น กำไรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือขายสินทรัพย์บางอย่างและมีกำไรพิเศษเกิดขึ้น ทำให้ค่า PE ลดต่ำลงมาก หรือไม่ ก็อาจจะเกิดจากการที่บริษัทผลิตและขายสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมีราคาปรับตัวขึ้นสูงผิดปกติในช่วงนั้น ทำให้กำไรเพิ่มสูงขึ้นมาก “ชั่วคราว” ไม่สามารถอยู่ได้อย่างถาวร เพราะฉะนั้นค่า PE ที่เห็นจึงไม่ใช่ค่า PE ที่จะบอกได้ว่าราคาหุ้นถูกหรือแพง

กับดักอันที่สามก็คือ ซื้อหุ้นโดยที่ไม่ได้พิจารณาถึงบรรษัทภิบาลของผู้บริหาร นี่ก็เป็นกับดักที่อันตรายเช่นเดียว กันเพราะหลายครั้งดูเหมือนว่า ผู้บริหารและเจ้าของบางรายเป็นคน “วางกับดัก” เอง นั่นก็คือผู้บริหาร “แต่ง” ให้ผลการ ดำเนินงานดูดีกว่าปกติหรือประกาศจ่ายปันผลมากกว่าปกติ เพื่อชักจูงนักลงทุนให้เข้ามาซื้อหุ้นและดันราคาให้สูงขึ้น เสร็จแล้วก็ “ปล่อยของ” คือขายหุ้นออกมาในราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น
Value Investor จำนวนไม่น้อยไม่ใคร่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์บรรษัทภิบาลของผู้บริหาร เพราะเขาไม่รู้ ว่าจะดูอย่างไร บางคนก็ดูว่าผู้บริหารส่วนใหญ่ก็คงจะเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติจะไป “คิดมาก” ทำไมว่า ผู้บริหารคนไหนไว้ใจได้หรือไม่ได้ แต่เรื่องนี้ผมคิดว่าสำคัญโดยเฉพาะถ้าหุ้นที่เราจะลงทุนเป็นหุ้นของบริษัทขนาดเล็กที่มีกำไรใน แต่ละปีไม่มากนัก เพราะผู้บริหารที่คดโกงหรือเอาเปรียบบริษัทมาก ๆ จะทำให้คุณค่าของบริษัทเสียหายได้สูงมาก เพราะฉะนั้น การลงทุนที่ไม่ดูบรรษัทภิบาลของบริษัทจดทะเบียนจึงเสี่ยงกับการ “ติดกับ” สูงมาก

กับดักอันสุดท้าย ที่ต้องระวังก็คือ การลงทุนซื้อหุ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงการที่บริษัทมีการออกวอแรนต์จำนวนมาก และนี่คือกับดักที่เริ่มเห็นผลมากขึ้นทุกวัน หุ้นที่มีการออกวอแรนต์ในสัดส่วนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับหุ้นทั้งหมดของบริษัท เช่น สูงถึง 25% ขึ้นไป จะมี Dilution Effect คือจะทำให้บริษัทมีหุ้นมากขึ้นในจำนวนเดียวกัน ซึ่งจะทำให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทลดลงอย่างเห็นได้ชัดใน อนาคต เพราะฉะนั้นคนที่ซื้อหุ้นในวันนี้เพราะเห็นว่าบริษัทมีกำไรต่อหุ้นสูงหรือมี PE ต่ำ ก็จะพบว่ากำไรต่อหุ้นในอนาคตจะลดลง หรือ PE สูงขึ้น หุ้นที่ดูว่าราคาถูกในวันนี้ก็จะกลายเป็นหุ้นที่มีราคาแพงในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้นคนที่ซื้อหุ้นโดยไม่ได้ดูว่าบริษัท มีการออกวอแรนต์หรือไม่จึงมีโอกาส “ติดกับ” ได้ง่าย ๆ

ยังมี “กับดัก” อื่น ๆ อีกมากที่พร้อมจะล่อให้ Value Investor หลงเข้าไป “ติดกับ” การที่จะหลบให้พ้นนั้น นักลงทุนจะต้องพิจารณาข้อมูลการลงทุนทุกด้านหรือทุกมิติ ไล่ตั้งแต่เรื่องของผลิตภัณฑ์ การตลาด การบริหาร การเงิน และ บรรษัทภิบาลของผู้บริหาร ไม่สามารถที่จะดูองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งเพียงอย่างเดียว

เรื่องของความถูกความแพงของหุ้นก็ไม่สามารถดูข้อมูลเพียงตัวเดียวแต่ต้องดูทั้งค่า PE PB ปันผล และจะให้ดีก็รวมถึงมูลค่าตลาดของหุ้นทั้งบริษัท เพื่อยืนยันว่าหุ้นมีราคาถูกจริง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน

ในเรื่องของการลงทุนซื้อหุ้นนั้น ถ้ามีจุดอ่อนหรือมี “ช่องโหว่” เพียงจุดเดียวแต่เป็นจุดที่สำคัญ บางทีก็เพียงพอ แล้วที่จะทำให้นักลงทุนเสียหายได้มาก เพราะจุดดังกล่าวนั้นอาจจะเป็น “กับดัก” ที่ทำให้เราติดหุ้นได้อย่างที่เรานึกไม่ถึง



Create Date : 26 มีนาคม 2553
Last Update : 26 มีนาคม 2553 6:27:42 น.
Counter : 1519 Pageviews.

4 comments
  
โอ เจ๋งครับ
โดย: Guiman วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:12:44:02 น.
  
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$



.....โบร้ค พาสาฝรั่งแปลว่า ถังแตก เสียหาย เจ๊ง..

............โบร้คเกอร์ คือ ซวยพาจนนั่้นเอง...

.............................อโคจร...........................


WWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWW
โดย: light อดีตแมงเม่าตัวโต IP: 180.180.66.98 วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:16:01:59 น.
  
ขอบคุณครับ
โดย: yagle วันที่: 28 มีนาคม 2553 เวลา:21:08:21 น.
  
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him
โดย: da IP: 124.120.18.221 วันที่: 2 เมษายน 2553 เวลา:0:39:38 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Depulis
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



มีนาคม 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
27
29
30
31
 
 
26 มีนาคม 2553
All Blog