ช่วงต้นเดือนมีกระทู้เด็ด Pantip กระทู้หนึ่ง พาดหัวกระทู้ว่า...
ในกระทู้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดกับผู้ชายคนหนึ่ง ที่โดนรถอีกคัน(คุณพี่รถเหลือง)
พยายามเข้ามาเบียดจากเลนส์ซ้าย แต่ผู้ขับเลนส์ตรง(เจ้าของคลิป)ไม่ให้
เลยทำให้พ่อหนุ่มเลนส์ซ้ายโมโห ขับรถมาบัง เกรียน ไม่ให้เจ้าของรถเลนตรงขับต่อไปได้
แต่ด้วยจังหวะหนึ่งในขณะที่สองคันกำลังบดเบียดกันอยู่ ทำให้รถคันสีเหลืองที่มาเบียดเขา
หลุดขึ้นเกาะกลางไปเลย.. เกิดเป็นเหตุสาสมใจของชาวเนตทั้งหลายอย่างที่เห็น...
มีข่าวออกมาว่า.. หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ พ่อหนุ่มรถเหลืองนักซิ่ง
ได้โดนบริษัทที่เขาทำงานอยู่ ไล่ออกจากงานกันเลยทีเดียว
คาดการณ์ว่าเป็นเพราะเขาทำงานที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ
ทางบริษัทถึงเอาเรื่องของการขับขี่แย่ๆ ของเขามาประเมินผลการทำงานด้วย..
พอชาวเนตได้รู้เรื่องนี้.. ต่างก็มาออกความเห็นกันมากมาย
บ้างก่นด่า บ้างสมน้ำหน้า บ้างสาสมใจ กลายเป็นเรื่องสนุกสนาน
จากเรื่องทั้งหมดนี้.. ทำให้เรารู้สึกว่า มันเป็นเพราะโลกร้อนขึ้น
เป็นเพราะเทคโนโลยี หรือเป็นเพราะโลกมันหมุนเร็วขึ้นอะไรอย่างไรกันนะ..
คนเราทุกวันนี้ ถึง ใจเร็ว ใจร้อน ใจร้าย กันจัง.. เรื่องขี้ปะติ๋ว.. กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่
บางกรณี แค่เรื่องขับรถเฉี่ยวกันเบียดกัน ยังทำให้เกิดเหตุทำร้ายร่างกายกันรุนแรง..
ถึงขั้นเอาปืนออกมาฆ่าแกงกันก็มี น่าเศร้าใจจริงๆ
ไม่อาจปฎิเสธได้ว่า.. การที่เราต้องใช้ชีวิตในสังคมเมือง
ท่ามกลางการแข่งขัน ความเร่งรีบ ชิงดีชิงเด่นเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดในสังคม
รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ มากมายเหล่านี้ มันเป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอม
ให้คนเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น... มีความโอนอ่อนผ่อนตามอลุ่มอล่วยกันน้อยลง..
สังคมหรืออะไรกันนะ.. ที่เสริมสร้างให้คนมีนิสัยแบบนี้
และที่มองเห็นกันส่วนใหญ่.. ถ้าไม่เห็นแก่ตัวก็ตรงเผ็งไปเลย
มีแต่.. ฉันต้องได้อย่างนี้ เพราะนี่คือ สิทธิของฉัน หรือ ฉันต้องเป็นอย่างนั้น
เพราะฉันจะไม่ยอมโดนเอาเปรียบ.. คนนี้ไม่ให้ ส่วนคนนั้นก็ไม่ยอม
จนทำให้แต่ละวัน เกิดเหตุการณ์มากมาย กลายมาเป็นกระทู้ให้คนที่เหลือตามเผือก! เมามัน..
ทั้งนี้ทั้งนั้น.. มาจากคำว่า.. เห็นแก่ตัว คำเดียวเลย...
ความเห็นแก่ตัว = เปลือก
เปลือกที่ทำให้เราเข้าไม่ถึงจิตใจที่ดีงามของมนุษย์...
มีส่วนหนึ่งในบทความ อิสรภาพกลางใจ
ของพระไพศาล วิสาโล บอกไว้ว่า...
ความเห็นแก่ตัว เป็นธรรมชาติหรือลักษณะนิสัย
ที่เห็นได้ชัดที่สุดของมนุษย์ทุกคน แต่ความเห็นแก่ตัวไม่ใช่สิ่งเลวร้ายไปเสียหมด
อย่างน้อยมันก็จำเป็นต่อความอยู่รอดของทุกชีวิต
เพราะไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือพืช ต่างก็มีหน้าที่ประการแรกสุด คือ อยู่รอดให้ได้เพื่อแพร่พันธุ์
จะทำเช่นนั้นได้ต้องมีความเห็นแก่ตัวหรือนึกถึงตัวเองก่อนทั้งนั้น..
โดยเฉพาะเมื่อทรัพยากรมีจำกัด ถ้าไม่มีความเห็นแก่ตัวแล้ว
ก็อาจไม่มีแรงขับให้ไปแข่งขันหรือแย่งชิงทรัพยากรเหล่านั้นมาจนสำเร็จได้
ความเห็นแก่ตัวทำให้เรามีความสุขที่ได้เสพและครอบครอง
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง และอำนาจ
ยิ่งได้เสพและครอบครองมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสุขเท่านั้น
ทุนนิยมและบริโภคนิยมมีเสน่ห์กับผู้คนก็เพราะมันตอบสนองความเห็นแก่ตัว
และปรนเปรอความสุขประเภทนี้ได้อย่างเต็มที่..
อย่างไรก็ตาม ความเห็นแก่ตัวเป็นตัวการสำคัญทำให้ผู้คนเป็นทุกข์
เมื่อต้องสูญเสียทรัพย์หรือพลัดพรากจากชื่อเสียง อำนาจ
อีกทั้งยังเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความโลภอย่างไม่สิ้นสุด
และเป็นแรงขับให้เกิดความโกรธเกลียดเมื่อไม่สมหวัง
ทั้งความโลภและความโกรธเกลียดล้วนเป็นไฟเผาลนจิตใจ
ดังนั้นยิ่งเห็นแก่ตัวมากเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์มากเท่านั้น !
แต่คนเราไม่ได้มีแต่ความเห็นแก่ตัวเท่านั้น ลึกลงไปในจิตใจ
เรายังมีความเห็นอกเห็นใจและปรารถนาดีต่อผู้อื่น
ความเสียสละ และความเชื่อมั่นในสิ่งดีงาม อาทิ ความซื่อสัตย์สุจริต
ทั้งหมดนี้เรียกรวมๆ กันว่า.. คุณธรรม
ธรรมชาติส่วนนี้เองที่ทำให้เรามีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น
หรือสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้แก่ส่วนรวม แม้ตนเองจะลำบากหรือสูญเสียทรัพย์
การที่เราภูมิใจเมื่อได้ทำความดี แม้ไม่ได้รางวัลหรือคำสรรเสริญ
ก็เพราะเรามีความใฝ่ดีอยู่ในจิตใจนี่แหละ ธรรมชาติส่วนนี้
ทำให้เราสามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องพึ่งพิงทรัพย์ ยศ อำนาจ
เป็นความสุขทางใจที่ประณีตและลึกซึ้งกว่าความสุขอย่างแรก...
ธรรมชาติที่เป็นความเห็นแก่ตัวนั้น เปรียบเสมือน เปลือก
หรือผิวชั้นแรกของจิตใจ ถัดจากนั้นลงมาคือธรรมชาติ
นั่นคือส่วนที่เป็นคุณธรรมหรือความใฝ่ดี
จิตใจของคนที่มีความเห็นแก่ตัวมาก
(ไม่ว่าจากการกล่อมเกลาเลี้ยงดูหรือจากการดำเนินชีวิตที่ผิดทาง)
ย่อมมีเปลือกหรือผิวชั้นแรกที่หนา จนยากที่คุณธรรมหรือความใฝ่ดีจะฝ่าออกมาได้
ส่วนคนที่มีความเห็นแก่ตัวน้อย เปลือกหรือผิวชั้นแรกจะบาง
เปิดโอกาสให้คุณธรรมหรือความใฝ่ดีแสดงตัวออกมาได้ง่าย
สิ่งสำคัญที่จะมาเป็นตัวช่วยให้เรานั้นคือ สติ
เราจึงต้องดำเนินสติ หรือ พยายามมีสติระลึกรู้อยู่เสมอ..
เพราะในยามที่จิตมีความสงบ มีปิติ หรือเป็นสมาธิ
กุศลภาวะดังกล่าวจะสามารถปลุกคุณธรรม
หรือความใฝ่ดีให้มีพลังขึ้นมา และหากจิตน้อมสู่ความสงบ
ความเห็นแก่ตัวย่อมลดลง จนเกิดเป็นความเมตตาปรารถนาดีขึ้นมาแทน..
ความทุกข์ของมนุษย์...
เกิดขึ้นเพราะการไม่รู้ในธรรมชาติของตนอย่างรอบด้าน
ทำให้ติดอยู่ในเปลือกชั้นแรก ไม่สามารถข้ามพ้นธรรมชาติชั้นที่สอง
เพื่อเข้าถึงสภาวะที่อิสระโปร่งโล่งอย่างแท้จริงได้
หน้าที่ต่อชีวิตแท้จริงแล้ว..
มิได้มีเพียงเพื่อรักษาตนให้อยู่รอดและแพร่พันธุ์เท่านั้น
หากยังต้องคำนึงถึงเพื่อนมนุษย์ และนำพาตนให้เข้าถึงอิสรภาพ
และความสุขสงบอย่างแท้จริงด้วย...
credit: พระไพศาล วิสาโล
มติชน เมษายน ๒๕๔๙
มาปลดแอกเปลือกนอก เพื่อเข้าถึง
เนื้อในที่ดีงามของตัวเรากันเถอะเนอะทุกท่าน...
อ่ะครึๆ
จบตะพาบ.. จบคลิปเหลืองในตำนาน...
เผือกบ้าง.. เจริญสติบ้าง.. เพื่อความสมดุลของชีวิต เอิ๊กกกกกก...
บันทึกและเรียบเรียงโดย.. หนอน(อิอิ)
แต่มันก็ไม่ดีอ่ะเนอะ