เมื่อผมแขนหัก 4 ตอน "คนป่วยเอาแต่ใจ"
ผมเป็นคนโรคจิตครับ(อ้าว??)
เวลาที่ผมเจ็บป่วย ถ้าไม่ไหวจริง ๆ จะไม่บอกใคร...ไม่รู้สิ... ผมไม่อยากให้ใครมาเป็นห่วง ไม่อยากให้ใครไม่สบายใจ แล้วผมก็มักจะโดนคุณพ่อ คุณแม่ (ไอ้)คุณน้อง หรือ(ไอ้)คุณเพื่อนประณามทุกครั้งเนื่องจากมาทราบกันทีหลังว่าเราไม่สบายแล้วไม่ยอมบอก... (จะบอกทำไมเล่า..ก็คนมันดูแลตัวเองได้นี่นา ทีคนที่เรารู้จักไม่สบาย เวลาที่เรารู้ข่าว เราก็เป็นเดือดเป็นร้อน เป็นห่วงมากมายไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง เพราะงั้นเวลาที่เราไม่สบายเราก็ไม่อยากให้เค้าต้องคอยมาไม่สบายใจเพราะเราไปด้วยนี่นา...)
แต่ว่าครั้งนี้ไม่บอกไม่ได้ครับ เพราะว่าดันมาเกิดเหตุการณ์ที่บ้านตัวเอง (ปิดยังไงก็ไม่มิดว่างั้น) คุณพ่อคุณแม่ก็เลยเป็นห่วงเป็นพิเศษ ส่วนผมก็เกิดภาวะ"ทำตัวไม่น่ารัก"เป็นพิเศษเหมือนกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงผมใกล้ออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ...วันนั้นคุณพ่อมาเฝ้าไข้ตามปกติ (ผมไม่ให้คุณแม่มาครับ เพราะว่าคุณแม่ต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างอำเภอ ถ้าท่านมาเฝ้าเดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไประหว่างเดินทางจะยุ่ง ส่วนคุณพ่อทำงานในเมืองครับ เข้างานสายได้ ) ช่วงเย็นวันนั้น คุณพ่อต้องไปงานเลี้ยงเกษียณ ส่วนคุณแม่ต้องอยู่ทำงานจนมืดและคุณน้่องต้องไปเรียนพิเศษตามประสาเด็กเอ็นสะท้าน ส่วนผมว่างครับ ไม่ได้ทำอะไร เลยนั่งรอเวลาที่คุณพ่อจะซื้อข้าวเย็นมาให้ เพราะคุณพ่อบอกว่าเดี๋ยวจะเข้ามาหาก่อนแล้วค่อยออกไปงาน ระหว่างนั่งรอก็มีอาหารเย็นมาเสิร์ฟครับ แต่ผมไม่ทาน เพราะคิดว่าเดี๋ยวคุณพ่อก็เข้ามา... 30นาทีผ่านไป...คุณเค้าก็มาเก็บอาหารไปครับ แล้วก็ถามด้วยว่าไม่ทานเหรอ ผมก็พยักหน้าแล้วก็ยิ้มให้... หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...ตอนนี้เวลาประมาณ 18.30 น.แล้ว...คุณพ่อก็ยังไม่มา...ผมเริ่มโมโหหิวแล้วครับ.. ชั่วโมงครึ่งผ่านไป...เอ๊...คุณพ่อไหงหายไปนานจัง... โทร.ถามดีกว่า..."คุณพ่ออยู่ไหนแล้วอ้ะ...หิวแล้วนะ"(เสียงเริ่มห้วน เนื่องจากหิว... ) "พ่อกำลังไปลูก...อยากกินอะไรล่ะ??" คุณพ่อถามกลับมา... "อยากกินน้ำเต้าหู้ ปลาซาบะนึ่ง ฯลฯ"สารพัดอย่างครับ คิดได้ก็สั่งไป... "เอ้อ...เดี๋ยวเอาเข้าไปให้นะ...รอแป๊บ พ่อไปรับแม่ก่อน.." แล้วคุณพ่อก็วางสายไป... สองชั่วโมงผ่านไป...เฮ้ยยยยยยยยยยย ทำไมยังไม่มาอีก หิวแล้วนะเนี่ย!! กำลังโมโหหิวได้ที่...ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา..."อยู่ไหนแล้วเนี่ย!!" ผมตะคอกใส่หูโทรศัพท์ด้วยอารมณ์หิวจัด "พ่อกำลัังหาซื้อปลาให้เราอยู่เนี่ย แล้วก็น้ำเต้าหู้ร้านที่เราชอบมันปิดไปแล้วน่ะ เอาร้านอื่นแทนได้ไม๊?" เสียงคุณพ่อตอบกลับมาอย่างใจเย็น.. "อะไรก็ได้เอามาเถอะน่า!!หิวจะตายอยู่แล้ว!!" ผมตะคอกใส่หูโทรศัพทด้วย์เสียงดังกว่าเดิม สองชั่วโมงครึ่งผ่านไป...คุณพ่อกับคุณแม่ก็มาถึงที่ห้อง ส่วนผมน่ะเหรอ...หน้าบูดเป็นตูดหมึก นั่งงอนอยู่ที่มุมห้องเรียบร้อย "มา ๆ มาทานข้าวกัน" เสียงคุณแม่เรียกพร้อมกับจัดสำรับอาหารไป... ผมเดินมาทางสำรับอย่างเซ็ง ๆ แล้วก็เกิดอาการอึ้งกิมกี่ครับ...อึ้งเพราะว่าอาหารที่มีอยู่ มันเป็นของที่ผมสั่งไปตอนที่โมโหเกือบทุกอย่างเลย!! ทั้งน้ำเต้าหู้ เต้าฮวย ปลาทูเค็มยำ แล้วก็อีกสารพัดอย่าง... แต่ผมยังคงทำฟอร์มอยู่ครับ...แอ๊บโกรธไว้ หน้าบึ้งไม่พูดไม่จาตลอดจนกระทั่งรับประทานเสร็จคุณแม่ก็ถามขึ้นมาว่า.."เป็นอะไร?" ผมตอบไปอย่างไม่คิดอะไรเลย..."หิว!!"... เท่านั้นแหละ คุณแม่ก็หยุดทาน แล้วก็ลุกขึ้นเก็บของเตรียมกลับบ้าน...ผมก็งงสิครับ?? อะไร?? เป็นอะไร?? ก็ตอบไปตามความจริงนี่?? แล้วคุณพ่อเลยมากระซิบบอกว่า "แม่เราเค้าก็ยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่กลางวัน... เค้าบอกพ่อว่าจะมารอทานข้าวพร้อมเรานั่นแหละ...แล้วกับข้าวเนี่ยแม่เราอีกนั่นแหละเป็นคนไปตระเวนหาซื้อมา พ่อบอกไปแล้วว่าถ้ามันไม่มีน่ะ เอาอะไรก็ได้ แกกินไม่ยากหรอก แต่แม่แกบอกไม่ยอมท่าเดียวเลย แถมยังให้โทรไปถามแกอีกว่าถ้าของที่แกสั่งไม่มี จะเอาอะไรแทน..." ... ... อึ้งไปอีกรอบ... "เดี๋ยวพ่อไปส่งแม่ก่อนนะ...จะเอาอะไรรึเปล่า ขากลับพ่อผ่านเซเว่น..." "ไม่เอา...ส่งคุณแม่กลับบ้านดีๆแล้วกัน..." ผมตอบกลับไป... ระหว่างที่คุณพ่อออกจากห้องเพื่อไปส่งคุณแม่นั้น ผมก็เอาแต่นั่งมองอาหารทีุ่คุณแม่ยังทานไม่เสร็จ... ข้าวในจานเหลือเกินครึ่ง กับข้าวในช้อนที่คุณแม่กำลังจะตักให้ผมยังวางอยู่เต็มช้อน... น้ำเต้าหู้ในแก้วของคุณแม่ยังพร่องไปไม่ถึงสามส่วนสี่เลยด้วยซ้ำ... ... กลับมาคิดย้อนหลังดู...เฮ้ย...แสดงว่าไอ้ที่เค้ามาช้าเนี่ย ไม่ใช่เพราะอะไรเลยนะ แกลองคิดดูซิว่าถ้าเค้าไม่รักไม่ห่วงเราเนี่ย เค้าจะไปถ่อหาซื้อของมาให้ไม๊??? แล้วแต่ละอย่างที่สั่งเค้าไปน่ะดึกขนาดนี้ร้านมันคงจะเกือบปิดหมดแล้ว!! ถ้าไม่รักเค้าไปจะถ่อหาซื้อให้แกกินเรอะ!! แกหิว...ใช่...แกหิวแล้วไงล่ะ?? ไม่ได้คิดถึงคนอื่นเลยว่าเค้าจะหิวเหมือนแกรึเปล่า... ไม่ได้สนใจคนอื่นเลยว่าจะหิวขนาดไหน...
ที่สำคัญ...ผมยังไม่ได้ขอโทษคุณพ่อคุณแม่เลยที่พูดจาไม่ดีไปกับทั้งสองท่าน (แต่ตอนเช้าตอนที่คุณแม่มาเยี่ยมมาผมขอโทษไปเรียบร้อย ) ตำหนิตัวเองไปพยายามเอามือซ้ายเก็บจานข้าวไป สักพักคุณพ่อก็ขึ้นมา... "อ่ะ เห็นทานข้าวน้อย กลัวหิว นี่...หนมจีบเซเว่นที่แกชอบ พ่อจำไม่ได้ว่าแกชอบไส้อะไร แต่พ่อเอามาทุกไส้นั่นแหละ" โห...แค่นั้นล่ะครับ ผมน้ำตาคลอเบ้าเลย... "ขอบคุณครับคุณพ่อ..." แล้วคุณพ่อก็เข้ามาช่วยเก็บจานและตัดแบ่งหนมจีบเป็น 4 ซีกให้(ผมดัดฟันอยู่ครับ ทานขนมจีบทั้งลูกก็กลัวเหล็กหลุด ลวดหลุด ) แล้วเราก็เปิดทีวีนั่งดูรุกฆาตอย่างสนุกสนาน... คุณพ่อทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมมาทราบจากคุณพ่อทีหลังว่าวันนั้นคุณพ่อไม่ได้ไปงานเกษียณหรอก ท่านบอกว่าแค่มาดูแกแล้วก็หาซื้อของให้แกน่ะ ก็หมดเวลาไปทั้งวันแล้ว --- ประสบการณ์เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าโมโหเวลาหิวนะจ๊ะ(เกี่ยวอะไรกันเนี่ย ) ปล. รักคุณพ่อคุณแม่ให้เยอะ ๆ นะครับ ไม่มีรักไหนบริสุทธิ์ไปกว่ารักที่คุณพ่อคุณแม่มอบให้แล้วครับ... ปล2. ส่วนไอ้คุณน้อง ณ ขณะนั้นมัวแต่ไปติวอยู่ครับ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเค้าเล้ยยยยยยย (เอนท์สมัยนี้วุ่นว้าย-วุ่นวายเนาะ อะไรก็ไม่รู้ สงสารเด็กรุ่นนี้จังเลย ) --- ขอบคุณที่เสียเวลาเข้ามาอ่านครับ
Free TextEditor
Create Date : 19 ตุลาคม 2552 |
|
12 comments |
Last Update : 19 ตุลาคม 2552 12:39:44 น. |
Counter : 562 Pageviews. |
|
|
|
กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่
คราวหน้อย่าทำอีกนะ >o<