เมื่อผมแขนหัก 5 ตอน "ผมออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ"
(กลับมาเขียนอีกรอบเนื่องจากรอบแรกเขียนจวนจะเสร็จแล้วแต่คุณคอมดันดื้อ...ที่เขียนไว้เลยหายหมดเลย --ตอนนี้มีรูปหวาดเสียวนิดนึงนะครับ ) หลังจากที่เจอดราม่าเรียกน้ำตาและสติของตัวเองในตอนที่แล้ว ตอนนี้ก็ถึงคราวที่ผมจะได้ออกจากโรงพยาบาลไปเชยชมโลกภายนอกแล้วครับ (แหม...ทำอย่างกับเป็นนกน้อยในกรงทองไม่เคยเห็นโลกภายนอกซะงั้นอ่ะ ) ลองคิดดูกันเล่น ๆ นะครับว่าในช่วงเวลา 5 วัน 4 คืน อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ไม่ได้ออกไปไหน ไม่มีอินเตอร์เนท ไวเลสนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีแน่นอน...ได้มาอยู่เองแบบนี้ก็เกิดอารมณ์เข้าใจคนไข้เลย(อีกแล้ว) เข้าใจเลยว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงเบื่อเวลาที่ต้องนอนอยู่บนเตียงนาน ๆ ขนาดเราอยู่แค่ไม่กี่วันยังเบื่อได้ขนาดนี้...แล้วคนไข้บางคนที่ต้องนอนเป็นเดือนจะเกิดอาการเบื่อขนาดไหน --- วันนี้เป็นวันที่ผมจะได้ออกจากโรงพยาบาลครับ ดีใจมากเลยล่ะ ช่วงเช้าคุณหมอเดินเข้ามาดูอาการแล้วก็บอกว่า "แขนดีขึ้นแล้ว ไข้ก็ไม่มี...อยากกลับบ้านหรือว่าอยากนอนเล่นต่อ?" แหงะ...อยากกลับบ้านสิคร้าบบบบ ถามแปลก ๆ ถ้ากลับได้นี่กลับไปนานแล้ว "อยากกลับครับ" ผมตอบคุณหมอ...แล้วในวันเดียวกันช่วงบ่าย ๆ ผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาล... --- คุณเคยถามตัวเองไหมครับว่า...วันหนึ่ง ถ้าคุณ"ว่าง"หรือ "มีเวลา" คุณจะทำอะไร?? ผมบอกเลยนะครับว่าในช่วงเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ผมแทบจะไม่มีเวลาถามตัวเองเลย เพราะอะไรน่ะหรือครับ นั่นก็เพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ผมเรียนค่อนข้างหนัก (ใครมีญาติเรียนพยาบาลลองไปถามดูนะครับ คิดว่าทุกที่คนจะเรียนหนักคล้ายๆกัน) พอเรียนจบปุ๊บก็เข้าทำงาน ซึ่งแน่นอนว่างานพยาบาลนั้นทั้งหนัก ทั้งเหนื่อย
เวลานอนก็ผิดแบบแผน ไม่เคยมีวันหยุดที่ตรงกับเพื่อน ๆ ต่างคณะเลย ถ้าใจไม่รักก็อยู่ไม่ได้หรอกครับ
แต่มาวันนี้...ผมกลับได้มามีเวลา...มีเวลาว่างเป็นเดือนเลยครับเนื่องจากคุณหมอให้พักงานยาวถึงประมาณสิ้นเดือนตุลาฯ โห...ทีนี้คนที่ไม่เคยมีเวลาว่างอย่างผมก็ได้เวลาฟุ้งซ่านเลยสิครับ คอยดูนะ...ไอ้ที่เคยวางแผนไว้ ไอ้ที่เคยอยากไป เดี๋ยวจะไปซะให้หายอยาก... แต่ก็ลิงโลดได้ไม่นานครับ เนื่องจากกลับมาคิดได้ว่า...ผม-แขน-ขวา-หัก... (กรุณาอ่านเน้น ๆ ทีละคำจะได้อารมณ์มากครับ) ซึมครับ...ซึมเลย ไอ้ที่คิดว่าจะไปเที่ยวก็คงเที่ยวได้แหละ แต่ไม่สนุกแน่นอนเพราะว่าร่างกายเราไม่พร้อม...อ่ะ..งดไปหนึ่งโปรแกรม!! อยากทำอาหารให้สาแก่ใจ...แต่แขนข้่างที่ถนัดเดี้ยง...งดโปรแกรมนี้ไปอีกเช่นกัน... อยากจะวาดรูปให้สะใจ...แต่จะวาดอย่างไรเมื่อแขนขวาหักและ Tablet เจ้ากรรมดันมาพังพอดี...โปรแกรมนี้ก็งดอีก... แล้วจะเหลืออะไรให้คนแขนข้างถนัดอย่างผมทำได้เล่า และแล้วผมก็ได้คำตอบนั้นมาเมื่อผมทานข้าวมื้อแรกหลังออกจากโรงพยาบาลครับ... ทุกท่านลองคิดดูเล่น ๆ นะครับว่าเวลาที่จะทานอาหารแล้วตักอาหารเข้าปากไม่ได้แม้ว่าอาหารนั้นจะอยู่ในช้อนบนมือข้างหน้าท่านก็ตาม... ถูกต้องครับ...ปัญหาแรกที่ผมเจอคือ ผมไม่สามารถงอแขนขวาเข้าหาลำตัวได้ แค่จะตักข้าวเข้าปากยังทำไม่ได้เลยครับ เพราะฉนั้น กิจกรรมที่ผมต้องทำเป็นอย่างแรกคือการ "หัดใช้แขนซ้าย" ครับ... เนื่องจากมันสมองอันน้อยนิดของผมได้วิเคราะห์มาแล้วว่าถ้าใช้แขนซ้ายแทนแขนขวาไม่ได้ ลำบากคนรอบข้างแน่ๆ (บางท่านอาจจะบอกว่า "แค่ทานข้าว ให้คนข้างๆ ป้อนก็ได้นี่นา" แต่ผมคิดว่าอยากจะลองทำเองให้มากที่สุดก่อน ไว้เราไม่ไหวจริง ๆ แล้วค่อยไปอ้อน...เอ้ย ค่อยเข้าไปขอความช่วยเหลือก็ยังไม่สายครับ ) ขอโม้นิดนึง..จากวันที่แขนหักจนถึงวันนี้ก็ี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนพอดี ตอนนี้ผมใช้แขนซ้ายทานบะหมี่ได้แล้วนะครับ --- ระหว่างนั้นผมก็ต้องไปล้างแผลอยู่ที่โรงพยาบาลเรื่อย ๆ ครับ แผลก็ดีวันดีคืน ไม่ปริแตก ไม่อักเสบ จนมาถึงวันที่ผมต้องถอด staple ที่แขนครับ...ยังจำภาพ film x-ray จากตอนที่ 3 ได้ไหมครับ จำได้ไหมครับว่าในภาพมันจะมีเหล็กชิ้นเล็ก ๆ เย็บปิดแผลอยู่...ถ้าจะไม่ได้เดี๋ยวผมเอามาให้ดูครับ... วันนี้ผมต้องมาแงะเจ้าแต๊ปเปิ้ลนี่ออกครับ...แหม...ไม่(น่าจะ)เจ็บเท่าไหร่หรอกครับ แค่ 15 ตัวเอง อันนี้ก่อนแงะครับ จะเห็นว่าแต๊ป 15 ตัวเรียงตัวกันสวยงาม แผลก็ปิดสนิทสวยงามมาก
อันนี้คือเครื่องมือที่พี่พยาบาลเค้านำมาแงะแต๊ปครับ ผมลืมถามว่ามันชื่ออะไร ระหว่างแงะครับ ไม่เจ็บนะครับบอกไว้ก่อน แต่มันจะรู้สึกคัน ๆ เหมือนตอนเราแกะสะเก็ดแผลครับ
(แอบเห็นว่าผิวแห้งกรังเชียว แหม...ก็แขนข้างนั้น มันไม่โดนน้ำมาตั้งสามอาทิตย์อ่ะ กลัวแผลติดเชื้อ )
นี่ครับเจ้าแต๊ปทั้ง 15 หน้าตาน่ารักเชียว...แอบเสียใจ อยู่กันมาตั้งสามสัปดาห์ วันนี้ต้องมาจากกันเสียแล้ว พอแงะแต๊ปเสร็จพี่เค้าก็เอาแอลกอฮอล์กะเบนซินมาถูแขนครับ เช็ดรอยคราบพลาสเตอร์ที่ติดทั้งหลายออกไป และแล้วก็ได้ "ตะขาบน้อยกลอยใจ" มาหนึ่งตัว(ฮา)
พอรับตะขาบน้อยมาแล้วก็ไปเข้าห้องกายภาพบำบัดครับ ได้เจอเพื่อนที่เรียน ม.ปลายมาด้วยกันแล้วมาเป็นนักกายภาพฯอยู่ที่โรงพยาบาลนี้พอดี เค้าให้คำแนะนำมาเยอะเลยครับ จากวันนั้นถึงวันนี้ ณ ปัจจุบันผมสามารถใช้แขนขวาได้มากขึ้น คล่องขึ้น ใช้ตักข้าวได้ ใช้ล้างหน้าแปรงฟัน พิมพ์คอมพ์ได้...เรียกได้ว่าตอนนี้สภาพฟื้นคืนมาเกือบ ๆ 90% เลยทีเดียว ต้องขอบคุณเพื่อนคนนั้นด้วยครับ --- ถึงแม้ว่าตอนี้จะแงะแต๊ปออกไปแล้วแต่ว่าที่แขนขวาของผมก็ยังเหลือลวด สกรู และเหล็กดามอยู่ (ยังไม่อยากนึกถึงตอนที่จะต้องเิดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะเลยครับ ไม่รู้ว่ามันจะร้องหรือเปล่า ) คุณหมอบอกว่าให้ใส่ดามไว้อย่างน้อย 6 เดือน แต่ระหว่างนี้ห้ามออกแรง ห้ามอุตริไปยกอะไรที่มันหนัก ๆ ไม่งั้นหักอีกรอบหมอไม่รู้ด้วย... --- เนื่องจากผมออกจากโรงพยาบาลมาแล้ว จึงขออนุญาตหยุด serie's "เมื่อผมแขนหัก" ไว้เท่านี้ก่อนนะครับ ไว้ผมเข้าโรงพยาบาล(เข้าเพราะป่วย มิใช่เข้าไปทำงาน ) อีกครั้งแล้วจะมาเขียนเล่าให้ฟังอีกทีครับผม ขอบคุณที่เสียสละเวลามาอ่านครับ
Free TextEditor
Create Date : 20 ตุลาคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 21 ตุลาคม 2552 6:50:34 น. |
Counter : 1617 Pageviews. |
|
|
|