เมษายน 2555

4
6
7
8
12
13
14
15
16
19
22
28
 
 
All Blog
อึ้ง !!!!! สถิติเด็กชายหญิงแปลงเพศพุ่ง

ผลวิจัยชี้แนวโน้มน่าตกใจ วัยรุ่นและเด็กที่คิดว่าตนเองผิดเพศได้รับการสนับสนุนให้รับการรักษาเพื่อแปลงเพศมากขึ้นทั้งจากหมอและพ่อแม่ จุดประเด็นความกังวลเรื่องจริยธรรม ฝ่ายหนึ่งชี้ไม่ควรให้การรักษาก่อนอายุ 18 ขณะที่อีกฝ่ายระบุการรั้งรอไม่รักษาอย่างทันท่วงทีเป็นอันตรายมากกว่า

จำนวนของวัยรุ่นและแม้กระทั่งเด็กที่คิดว่าตนเองเกิดมาผิดเพศที่ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่และหมอในการให้การรักษาเพื่อแปลงเพศแม้ว่าจะยังน้อย แต่กำลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อ้างอิงจากผลการศึกษาวิจัย 3 ฉบับที่ตีพิมพ์ในวารสารกุมารเวชศาสตร์เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์

เรื่องดังกล่าวจุดประเด็นให้มีการตั้งคำถามเชิงจริยธรรม และผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเรียกร้องให้ระมัดระวังในการใช้ยาสกัดกั้นการเจริญพันธุ์และฮอร์โมนในเด็ก

เด็กนักเรียนเกรด 2 วัย 8 ขวบรายหนึ่งในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ถือเป็นคนไข้กรณีตัวอย่าง แม้จะเกิดมาเป็นผู้หญิงแต่เด็กน้อยประกาศตั้งแต่เมื่ออายุได้ 18 เดือนว่า หนูเป็นเด็กผู้ชาย และติดอยู่กับความเชื่อนั้นมาตลอด ครอบครัวของเธออยู่ในสภาวะตกตะลึงสุดขีด แต่ถึงตอนนี้พวกเขายอมรับว่าเด็กคนดังกล่าวเป็นผู้ชายและแม่ของเธอเปิดเผยว่ากำลังรอสัญญาณของวัยเริ่มเจริญพันธุ์เพื่อที่จะให้การรักษา

ดร.นอร์แมน สแป๊ก ผู้อำนวยการคลินิกระบุเอกลักษณ์ทางเพศแห่งโรงพยาบาลเด็กบอสตัน ผู้เขียนรายงานการวิจัย 1 ใน 3 ชิ้นบอกว่า กุมารแพทย์จำเป็นต้องรู้ว่าเด็กประเภทนี้มีอยู่และควรจะได้รับการรักษา

การสลับบทบาททางเพศและการเสแสร้งว่าเป็นเพศตรงข้ามบางครั้งบางคราวเป็นเรื่องปกติสามัญในเด็ก แต่เด็กเหล่านี้ต่างออกไป พวกเขารู้สึกอย่างมั่นใจว่าเกิดมาในร่างกายที่ผิด บางคนถูกวินิจฉัยว่าป่วยทางจิตประเภท มีความผิดปกติในเอกลักษณ์ทางเพศ ซึ่งสแป๊กเป็นหนึ่งในแพทย์กลุ่มที่เชื่อว่าเป็นการเรียกชื่อที่ไม่เหมาะสม ผลการศึกษาวิจัยใหม่ระบุว่าพวกเขาเหล่านี้อาจมีความแตกต่างทางสมองที่คล้ายคลึงกับเพศตรงข้ามมากกว่า ซึ่งมีเด็กที่มีอาการแบบนี้ราว 1 ใน 10,000 โดยประมาณ

ดร.มาร์กาเร็ต มูน สมาชิกคณะกรรมาธิการชีวจริยศาสตร์ของวิทยาลัยกุมารแพทย์อเมริกันบอกว่า การให้การรักษาเพื่อแปลงเพศกับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จุดประเด็นให้เกิดความกังวลด้านจริยธรรม และแรงจูงใจของพ่อแม่กลุ่มนี้ต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด

มูนบอกว่าเด็กบางคนอาจถูกวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติทางจิตเมื่อพวกเขาเพียงแค่รู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับบทบาททางเพศในเรื่องที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย หรือบางคนอาจจะแค่เป็นเกย์ แต่ถูกบีบบังคับให้รับการรักษาเพื่อแปลงเพศจากพ่อแม่ที่อาจจะรู้สึกดีกว่าที่จะมีลูกข้ามเพศมากกว่าเป็นรักร่วมเพศ

เป็นเรื่องอันตราย ที่จะให้การรักษาที่ไม่สามารถย้อนคืนกลับได้อย่างรวดเร็วเกินไป ดร.มูนกล่าว

อย่างไรก็ตาม แพทย์กลุ่มที่ให้การรักษาแบบนี้บอกว่าการรั้งรอไม่รักษาอย่างทันท่วงทีกลับจะเป็นอันตรายมากกว่า เนื่องจากเด็กเหล่านี้มักจะเลือกหนทางที่จะเปลี่ยนกายวิภาคด้วยตนเอง ขณะที่รายงานการศึกษาวิจัยอีก 2 ชิ้นที่เผยแพร่ออกมาระบุว่าบางส่วนต้องพบกับการข่มเหงทั้งทางกายและวาจา ซึ่งนำไปสู่ความเครียด อาการซึมเศร้า และความพยายามฆ่าตัวตายในท้ายที่สุด ซึ่ง ดร.สแป๊กระบุว่าปัญหาดังกล่าวจะหายไปในเด็กที่ได้รับการรักษาเพื่อแปลงเพศและยินยอมให้ใช้ชีวิตเป็นเพศตรงข้าม

สมาคมต่อมไร้ท่อสนับสนุนการรักษาเพื่อแปลงเพศด้วยวิธีการใช้ฮอร์โมน แต่ระบุว่าไม่ควรจะให้ก่อนวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งแนวทางแนะนำให้ใช้ยาสกัดกั้นการเจริญพันธุ์จนกระทั่งอายุ 16 หลังจากนั้นให้ใช้ฮอร์โมนเพื่อแปลงเพศตลอดชีวิต แต่ต้องสังเกตผลกระทบทางสุขภาพอย่างใกล้ชิดด้วย นอกจากนี้ต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตร่วมอยู่ในกระบวนการด้วย (เอพี)


ข้อมูลจาก
//www.matichon.co.th




Create Date : 05 เมษายน 2555
Last Update : 5 เมษายน 2555 7:44:02 น.
Counter : 817 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

replay
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





free website hit counter
New Comments
  •  Bloggang.com