เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
16 เมษายน 2554
 
All Blogs
 

ดาร์เอสซาลาม : เมืองไม่หลวงที่เมืองหลวงต้องอาย

ตอนแรกกะจะตั้งชื่อบล็อกว่า แทนซาเนีย : ...(อะไรสักอย่าง) แต่เคยใช้ชื่อนั้นไปแล้ว กลัวว่าจะไปซ้ำกันอีก แทนซาเนียนี่ผมเคยไปมาแล้ว แต่ตอนนั้นไปเที่ยวเพียวลี่ ไม่ได้ไปทำงานครับ และก็ไปเมืองโซนทางด้านเหนือที่อยู่ติดกับชายแดนเคนยา คราวนี้ มาแทนซาเนียอีกครั้ง แต่มาทำงานจริงๆ จังๆ และมาเมืองท่าซึ่งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ ชื่อว่า ดาร์เอสซาลาม (Dar es Salaam) ซึ่งหลายคนยังเข้าใจว่าเป็นเมืองหลวงของแทนซาเนีย เพราะประเทศเขาทั้งประเทศมีเมืองที่ชื่อคุ้นหูอยู่เมืองเดียวนี่ล่ะมั้ง

แม้ดาร์เอสซาลามจะไม่ใช่เมืองหลวง แต่ก็เคยเป็นอดีตเมืองหลวงของประเทศนี้นะครับ จนรัฐบาลสมัยเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้วมีไอเดียเก๋ว่า ย้ายเมืองหลวงดีกว่า เพื่อกระจายความเจริญไปตอนกลางของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่แห้งแล้งและไม่เจริญโดยสิ้นเชิงในสมัยนั้น ผลก็คือ แทนซาเนียมีเมืองหลวงใหม่ชื่อโดโดมา (Dodoma) แต่คนกลับไม่รู้ว่ามันคือเมืองหลวงและความเจริญทางวัตถุต่างๆ รวมทั้งการกระจุกตัวของประชากร ก็ยังหนาแน่นอยู่ที่ดาร์เอสซาลามเหมือนเดิม โดยมีประชากรกว่า 3 ล้านคน จึงไม่แปลกหรอกที่จะบอกว่าเมืองศูนย์กลางที่แท้จริงของแทนซาเนีย คือ Dar es Salaam


ทริปเริ่มต้นด้วยการขึ้นเครื่องบินสายการบินเดิม นี่ไม่รู้สะสมไมล์ได้เท่าไหร่แล้ว ไม่รู้แลกบ้านหรือรถได้มั่งยัง คราวนี้พอเครื่องไต่ถึงระดับความสูงมาตรฐานและไฟสัญญาณเข็มขัดนิรภัยดับลง กัปตันก็ประกาศทันทีว่า เครื่องบินจะบินผ่านภูเขาคิลิมานจาโร โดยใช้เวลาข้ามจากน่านฟ้าเคนยาไปประมาณ 15 นาที


สัก 12 นาที เริ่มเห็นยอดเขาโผล่อยู่ปลายปีกเครื่องบิน พอ 15 นาที เครื่องบินก็อยู่ตรงยอดเขาพอดี ยอดเขา Kilimanjaro สวยน่ะสวยอยู่ แต่ไม่ตื่นเต้นอะไรแล้ว เพราะครั้งก่อนที่ไปคอโมโรส ก็เห็นชัดเต็มสองตาแบบนี้เหมือนกัน แล้วก็ฟ้าแทบไม่มีเมฆเลย


วันนี้ก็ดีนะ อากาศดี ฟ้าโปร่ง เพียงแต่มีเมฆลอยอยู่ทั่วไป ทำให้ภูเขาดูสวยแบบมีราคี


แม้ผมไม่ตื่นเต้น แต่คนข้างๆ ข้างหน้าและข้างหลังก็อดตื่นเต้นไม่ได้ รวมทั้งหนูน้อยคนนี้ ต่างหยิบกล้องมาถ่ายรูปกันพรึ่บพรั่บ


ประมาณชั่วโมงนึง ตั้งแต่เครื่องเทคออฟจากเคนยา ก็เริ่มมองเห็นชายฝั่งประเทศแทนซาเนีย ซึ่งอยู่ติดมหาสมุทรอินเดีย


เครื่องเริ่มลดระดับเพื่อลงจอดที่เมืองท่าดาร์เอสซาลามแห่งนี้ เหลือบไปเห็นรุ้งกำลังกินน้ำ เลยถ่ายเก็บไว้ มีหลายตัวเลย ประมาณว่ามากินกันทั้งครอบครัว แต่ตัวนี้ชัดสุด นึกถึงการ์ตูนสมัยเด็กที่ ดร.สลัม ขับเครื่องบินไปจอดอยู่บนสายรุ้ง


บ้านเมืองเขายู่กันหนาแน่น ตึกสูงยังไม่มีมาก นอกจากในใจกลางเมืองและที่ยังก่อสร้างก็มาก ส่วนรอบนอกเมืองเป็นบ้านชั้นเดียวหรือสองชั้นมุงหลังคาสังกะสีแทบทั้งหมด (ที่มองเห็นจากหน้าต่างเครื่องบินนะ)


มาถึงสนามบิน Julius Nyerere International Airport เปรียบเทียบกับสนามบินอื่นในแถบนี้ ไม่เล็กไม่ใหญ่ กำลังดี แต่ถ้าเปรียบเทียบกับสุวรรณภูมิบ้านเรา ก็ถือว่าเล็กมาก สนามบินตั้งชื่อตามประธานาธิบดีคนเก่งและคนแรกของเขาหลังได้รับอิสรภาพจากอังกฤษ


อาหารมื้อแรกตอนกลางวัน เป็นอาหารพื้นเมือง มีแกงเผ็ด ต้มจืด ปลาดทอด ผัดผัก คล้ายอาหารทางบ้านเราอย่างมาก แต่เสิร์ฟด้วยถาดหลุมเนี่ย เหมือนผู้อยู่อาศัยในเรือนจำยังไงไม่ทราบ แอบเป็นสังคมนิยมนิดๆ


ทานไม่หมดเหมือนเดิม ตักทีอย่างกะจะให้อิ่มไปสามวัน รสชาติใช้ได้นะ รสเข้มข้นถึงเครื่องเทศแต่ไม่เผ็ด ซึ่งก็ดีแล้ว กระเพาะมันเกเรช่วงนี้


ทานอิ่มแล้ว ขอไปเดินย่อยที่ตลาดขายของที่ระลึก (ก่อนเริ่มทำงาน) ตลาดสร้างเป็นหลักเป็นฐานดี ไม่เป็นตลาดแบกับพื้นอย่างเคนยา


แม้ของจะไม่ต่างอะไรกับที่เคนยา พวกไม้แกะหินแกะ ผ้าบาติก ภาพวาด ซึ่งคนขายบอกวาดเองตลอด แต่ไปไหนมีเหมือนกันหมด คนขายคงตามไปวาดให้ทุกร้าน


แต่อย่างน้อยราคาไม่แพง ผมไม่ได้ซื้ออะไรอีกตามเคย


เกือบลืมเอารูปโรงแรมมาลงให้ดู พักที่ New Africa ดีใช้ได้เลย ราคาคืนละ 4 พันกว่าบาท ตอนแรกกะหรู จะพัก Kempinski แต่ราคามันทะลุเพดานค่าที่พักไปหน่อย


ได้อัพเกรดอยู่ห้องที่วิวดี มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นโบสถ์และอ่าวดาร์เอสซาลาม แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้อยู่ห้องเหมือนเดิม


อ่าวดาร์เอสซาลามค่อนข้างคึกคัก มีเรือเข้าออกตลอด หนึ่งในเรือเหล่านี้เป็นเรือที่ผมต้องนั่งข้ามไปเกาะแซนซิบาร์


ที่นี่เขาปลอดภัยกว่าเคนยาชัวร์ แต่ก็ไม่ได้ว่าปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ เดินถ่ายรูปในตัวเมืองตอนโพล้เพล้ได้ไม่มีปัญหา แต่พึงมีสติและระวังตัว


ความที่ประเทศเขายังเป็นสังคมนิยม (แม้จะเสรีมากแล้ว) จึงขอให้ถามก่อนยกกล้องถ่ายพวกสถานที่ราชการว่าห้ามถ่ายหรือเปล่าหรือให้ดีไม่ถ่ายเสียเลยดีกว่า ได้ข่าวว่าเคยมีคนไทยถ่ายรูปสถานีตำรวจแล้วถูกจับ ถ่ายที่เขาไม่ห้ามแล้วกัน


ที่ท่องเที่ยวเหรอ นอกจากทะเลที่ไม่ค่อยจะสวยแล้ว เพราะเขาเน้นท่าเรือและการค้าเป็นหลัก


ก็ยังมีพวกพิพิธภัณฑ์ ซึ่งไม่ได้มีอะไรดึงดูดนักท่องเที่ยว ยิ่งมาเจอพวกไม่ค่อยชอบเข้าพิพิธภัณฑ์อย่างผม ก็ชวนให้เบื่อได้อย่างมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นเขาอยู่กันได้เป็นชั่วโมงๆ


มีโชว์ของขุดพบ ประวัติของชาติ อิทธิพลของเจ้าอาณานิคมต่างๆ ชนเผ่าดั้งเดิมของแทนซาเนีย เข้ามามืดๆ คนเดียวนี่ตกใจนะเนี่ย


หลังจากวุ่นวายกับการทำนัดหมายและวิ่งเข้าออกห้องประชุม ก็ได้เวลาทำจิตใจให้สงบ เราจึงหลบหนีความวุ่นวายไปวัดศรีลังกา ซึ่งเป็นพุทธนิกายเดียวกับไทย (เถรวาท) เข้าไปกราบพระ ทำบุญและสนทนาธรรม


ไม่คิดว่าจะมาเจอวัดพุทธที่แทนซาเนีย ทราบว่าเป็นวัดพุทธแห่งแรกในแอฟริกาเสียด้วย ตั้งมานานหลายสิบปีแล้ว เรื่องความเลื่อมใสและทุ่มเทเพื่อพุทธศาสนาเนี่ย ยกให้ชาวศรีลังกาเขาเลย เห็นมาเยอะแล้ว พุทธพาณิชย์อย่างบ้านเรานั้นคงมีน้อย

อยู่ดาร์เอสซาลามได้สามวันสามคืน ก็ต้องเดินทางต่อไปยังเกาะแซนซิบาร์ แน่นอนว่าเพื่อไปทำงาน (เอ บล็อกนี้พูดถึงเรื่องงานบ่อย กลัวคนหาว่ามาเที่ยว) แซนซิบาร์เป็นส่วนหนึ่งของแทนซาเนีย แต่ได้สิทธิปกครองตนเองในแทบจะทุกด้านและประชากรเกือบทั้งหมดเป็นมุสลิม ยกเว้นด้านการต่างประเทศ


เราเลือกที่จะนั่งเรือเฟอร์รี่แทนที่จะบินข้ามไป จึงใช้เวลา 2.5 ชม. แทนที่จะเป็น 40 นาที


แต่นั่งเครื่องคงไม่ได้เบียดเสียดกับคนเพื่อรอขึ้นเรืิิิอแบบนี้


คงไม่เห็นวิวเมืองท่าดาร์เอสซาลามสวยๆ แบบนี้


หรือตลาดค้าขายริมน้ำแบบนี้


เรือที่เรานั่งไม่ได้กระจอกนะครับ มีชั้นหนึ่งด้วย ซึ่งแพงกว่าชั้นธรรมดา 5 เหรียญ ผู้โดยสารชั้นหนึ่งจะได้นั่งชั้นบนของเรือ แอร์เย็นเฉียบ เบาะที่นั่งอย่างดี มีทีวีดู วิวสวยกว่าชั้นล่าง


ตอนแรกว่าจะไม่ลงไปเกลือกกลั้ว แต่ก็อยากรู้ว่าชั้นประหยัดเขาอยู่กันยังไง


แม้จะแออัดกว่า แต่ก็ดูอบอุ่น หนุ่มๆ ยืนตากลม (ตาก-ลม) หน้าเรือกันเป็นแถว


เดินมาด้านท้ายเรือ ไอ้หนุ่มมาไซมองสาวเจ้าตาไม่กะพริบ พลางคิดว่าสวยหยาดเยิ้มขนาดนี้ เอาวัวมาแลกกี่ตัวดี.....

ใครที่รออ่านเรื่องแซนซิบาร์ รอไปก่อนนะครับ อ่านเรื่องดาร์ไปพลาง กะจะลงให้เสร็จ ดันต้องมาเดินทางอีก ที่พูดน่ะชอบนะครับ










 

Create Date : 16 เมษายน 2554
8 comments
Last Update : 19 เมษายน 2554 5:47:19 น.
Counter : 4125 Pageviews.

 

อ่านแล้วได้รู้เกี่ยวกับแทนซาเนียเยอะมาก มาอยู่ที่นี่จะเข้าปีที่สอง พึ่งได้เปิดโลกแทนซาเนียวันนี้เอง จะรอติดตามอ่านเรื่องแซนซิบา ต่อนะคะ

 

โดย: กิตติกาญจ์ IP: 196.41.45.241 16 เมษายน 2554 3:47:08 น.  

 

ยอดมาก

 

โดย: ninechang IP: 113.53.9.30 16 เมษายน 2554 7:34:58 น.  

 

อิจฉาพี่กุ๊กมากค่ะ

 

โดย: ก้อย IP: 115.87.80.35 16 เมษายน 2554 8:39:23 น.  

 

ชอบอ่านแบบนี้จังครับ
ขอย้อนไปดูตอนก่อนๆด้วยนะครับ

 

โดย: Title_boy 16 เมษายน 2554 10:06:35 น.  

 

เจ้าเงาะยืนออให้เลือกเป็นแถวเลย แล้วรจนาสาวไทยจะเลือกคนไหนนิ หนักใจแทน

 

โดย: นิรนาม IP: 115.87.138.231 17 เมษายน 2554 2:23:24 น.  

 

ตามมาเที่ยวด้วยเช่นเคยค่ะ บ้านเมืองผู้คนแปลกตาน่าชมเช่นเคย...เข้ามาทีไรไม่ผิดหวังเลย

เฮ้อ..เห็นแล้วอยากไปเดินท่อม ๆ ถ่ายรูปบ้าง

อรุณสวัสดิ์นะคะคุณ Thaisoloclub

 

โดย: i'm not superman 18 เมษายน 2554 8:39:29 น.  

 

สวัสดียามสาย ๆ ของเมืองไทยค่ะคุณ Thaisoloclub

 

โดย: i'm not superman 25 เมษายน 2554 8:43:55 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณ Thaisoloclub

 

โดย: i'm not superman 28 เมษายน 2554 9:41:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.