เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
13 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
บุรุนดี (Burundi) : ไปแล้วไปอีก แต่ไม่อยากไปอีกแล้ว

ปีที่แล้วช่วงเดียวกันนี้ ผมได้มีโอกาสไปทำงานในประเทศแอฟริกาประเทศหนึ่งที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก และก็ได้กลับไปอีกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และก็กลับไปอีกล่าสุดช่วงต้นเดือนตุลาคม แล้วมานั่งเพ้อเจ้อในบล็อกเนี่ยแหละครับ ประเทศนี้มีชื่อว่า ประเทศบุรุนดี แต่ผมนิยมออกเสียงว่าบุรุนดี้ ฟังแล้วได้อารมณ์ดี เป็นประเทศที่ยากจนและล้าหลังแทบจะที่สุดประเทศหนึ่งในแอฟริกา หากหาในแผนที่โลกอาจหายากนิดนึง แนะนำให้เริ่มหาจากประเทศแทนซาเนีย รวันดา คองโก หรือเคนยา เพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่ก็เพราะประเทศเขายากจนและต้องการความช่วยเหลือนี่แหละครับ เราถึงได้อาสาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเขา (เท่าที่ช่วยได้) เล็งเห็นแล้วว่าเขาขาดแคลนยารักษาโรคสามัญในประเทศเขาหลายอย่าง มาลาเรียซึ่งบ้านเราแทบหาไม่ได้แล้วก็อย่างหนึ่ง ก็ช่วยด้านสาธารณสุขแล้วกัน มาช่วยสอนเขาทำยามาลาเรียครับ จะได้เลิกซื้อของแพงกันเสียที

เป็นความภูมิใจอีกอย่างหนึ่ง คือ โครงการนี้ผมได้ร่วมงานกับ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ หรือเราเรียกติดปากว่าอาจารย์ หลายท่านอาจไม่รู้จักอาจารย์หากไม่ได้สนใจความเป็นมาเป็นไปของโลกมากนัก แต่ท่านเป็นบุคคลแห่งปีของสถาบันต่างๆ มากมาย ทั้งในและต่างประเทศ ได้รับรางวัล เหรียญ และใบประกาศนับไม่ถ้วน ล่าสุดก็ได้รับรางวัลแมกไซไซสดๆ ร้อนๆ หลายคนอาจรู้จักท่านในนาม ‘เภสัชกรยิปซี’ จริงๆ ผมเองก็ไม่ได้มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับท่านมากนัก แต่รับรู้ได้ว่าท่านมีความหลงใหลในทวีปแอฟริกาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

แต่จุดประสงค์ของบล็อกผมก็เหมือนเดิมครับ พาท่านๆ ไปดูสิ่งที่ผมไม่ได้ถ่ายทอด ทำตกหล่น หรือยังไม่ทราบในการเดินทางไปบุรุนดีครั้งก่อนๆ แม้จะซ้ำกับบล็อกบุรุนดีก่อนนี้ แต่มันคนละมิติ คนละด้านพอสมควร พอให้มีอะไรอ่านยามเซ็งได้


ครั้งที่แล้ว ไม่ได้ถ่ายสนามบินมาให้ดู ขนาดไม่กว้างขวางมาก ไม่ใหญ่ไปกว่าสนามบินนครศรีธรรมราชบ้านผมแน่นอน เที่ยวบินระหว่างประเทศมีวันละสองถึงสามเที่ยว แต่เป็นสายการบินต่างชาติทั้งหมด สายการบินเขามีอยู่แป็บนึงแล้วก็เจ๊งไป เหมือนธุรกิจอีกหลายอย่างที่บริหารโดยรัฐบาล


โรงแรมที่พักเปลี่ยนจากโรงแรม Club du Lac ซึ่งจริงๆ แล้วสภาพห้องและบรรยากาศใช้ได้ อยู่ริมทะเลสาบ มาพักโรงแรม Source du Nil ซึ่งสภาพแย่กว่า แต่เขาติดแอร์ทุกห้อง ทนกับแอร์ธรรมชาติที่เก่าไม่ไหว อากาศร้อนมาก มากกว่าหน้าร้อนบ้านเรา


สภาพภายในห้องพัก ไม่ต้องกลัวเหงาเพราะนอกจากอินเตอร์เน็ตติดๆ ดับๆ แล้ว ยังมีแมลงสาบสวนสนามกันคึกคัก แต่ได้อย่างนี้คงต้องเรียกว่า ดีมากแล้วสำหรับที่นี่


เปิดม่านไปค่อยยังชั่ว มองเห็นวิวทะเลสาบอยู่ไกลๆ ทะเลสาบแห่งนี้เป็นหัวใจหรือปอดตับไตของเขาเลย ชื่อว่า Lake Tanganyika (ทังกันยิกา แต่ผมเรียกทังกันยิก้า) เขียวๆ ด้านล่างของภาพนั้นเป็นสนามกอล์ฟนะครับ ยังสู้มี


ทะเลสาบเป็นแหล่งอาหารและทรัพยากรสำหรับประเทศไม่มีทางออกทะเล (landlocked countries) แบบนี้ คนมักจะรู้จักทะเลสาบแห่งนี้จากเหตุที่มีความลึกเป็นอันดับสองของโลก


อีกด้านหนึ่งของตึกที่พัก ซึ่งก็มีแค่ตึกเดียว มองเห็นวิวภูเขาสลับซับซ้อน เขาหัวโล้นและแห้งแล้ง เป็นลักษณะภูมิประเทศของเขา มีบ้านเรือนสร้างอยู่บนเขาพอสมควร บรรยากาศดีแต่จะไม่มีน้ำใช้


กลางคืนถ่ายจากจุดเดียวกัน ซึ่งผมชอบมากกว่ากลางวัน ดูเงียบสงบไม่มีแสงไฟวูบวาบอย่างเมืองใหญ่ นี่ขนาดเมืองหลวงเขานะครับ (เมืองหลวงชื่อว่า Bujumbura บูจุมบูระ)


ด้วยความขาดแคลนทั้งน้ำและไฟฟ้าของประเทศนี้ ทั้งที่เป็นหน้าฝน จึงมีการจัดประชุมนานาชาติอยู่หลายครั้งที่โรงแรมนี้ ผมจึงได้มีโอกาสดูการแสดงตีกลองอันมีชื่อเสียงของบุรุนดี เรียกว่า Tambours ภาษาฝรั่งเศส อ่านว่า ต็องบูร์ ซึ่งเขาจัดให้ผู้เข้าประชุมดู ผู้ไม่ได้เข้าประชุมอย่างผมก็ได้เพียงแอบถ่ายจากห้องพัก เอาเป็นว่าตื่นเต้าเร้าใจ พิสดารพอสมควร


หนังสือพิมพ์ซึ่งคนไม่ค่อยนิยมอ่านมากนัก ก็ฉบับละตั้งสามสิบบาท เก็บเงินไว้ซื้อนมให้ลูกกินดีกว่า เห็นมีสองยี่ห้อ Le Renouveau กับ L’Arc-En-Ciel อันหลังนี่แปลว่าสายรุ้ง ฟังดูน่าจะเป็นนิตยสารวัยรุ่นสมองเบามากกว่า


ถนนหนทาง นอกเมืองหน่อยก็มีแปลงผักปลูกข้าวเหมือนต่างจังหวัดบ้านเรา เครื่องไม้เครื่องมือทำนาก็เหมือนบ้านเราสักสามสิบปีที่แล้ว ควายเหล็กวัวโลหะแทบไม่มี


ในเมืองจะบอกว่าเหมือนต่างจังหวัดบ้านเราคงไม่ถูกนัก หลายจังหวัดบ้านเราเจริญกว่ามาก เอาเป็นว่าเหมือนอำเภอใหญ่ๆ สักอำเภอ


ตึกสูงยังไม่มีมากนัก


ตึกรามบ้านช่องมักไม่เกินสองชั้น สีสันสดใสสไตล์แอฟริกา


รถตามสี่แยกยังไม่ติดวินาศสันตะโรแม้ไม่มีตำรวจจราจรหรือไฟแดง


ร้านอาหารท้องถิ่นที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด แต่ผมพลาดตลอดสองครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้ได้ลองเสียที


ตกแต่งภายในสวยงาม สะอาดสะอ้าน ชวนให้อยากทานกว่าหลายร้านที่ไปมา


อาหารก็หน้าตาแบบนี้ ข้าวผัดมีเนื้อให้สองก้อน มีเนื้อผัดแฉะๆ กับหัวหอมเป็นซอสราด กินเคียงกับผักต้มเปื่อยและมันฝรั่งทอด โค้กคนละขวด สองคนกับคนขับรถหมดไป 12,000 ฟรังก์บุรุนดี ประมาณสิบเหรียญ หรือสามร้อยกว่าบาท ถูกกว่าเคนยามากนัก


ถามคนขับรถเช่าว่า เขามีที่ท่องเที่ยวอะไรน่าไปบ้าง คนขับรถนึกอยู่ห้านาทีแล้วขับพาไปพิพิธภัณฑ์มีชีวิต เขาเรียกแบบนั้น ไปถึงก็สวนสัตว์เนี่ยแหละ ค่าเข้าสำหรับนักท่องเที่ยวประมาณร้อยกว่าบาท ก็ไม่ได้แพงอะไรมากหากเปรียบเทียบกันเคนยา (อีกแล้ว)


แต่พอเข้าไปแล้วก็แอบเสียดายเงินอยู่เหมือนกัน เป็นแค่สวนสัตว์เล็กๆ สัตว์มีไม่เกินห้าชนิด ปล่อยให้สัตว์อยู่ตามมีตามเกิด สถานที่ไม่ได้รับการดูแลรักษา แต่ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเยี่ยมชมอยู่บ้าง


คงเป็นที่ท่องเที่ยวที่เดียวของเขาจริงๆ สะท้อนระดับการพัฒนาและความยากจนของคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ จะว่าไปก็มาเห็นเสือดาว สัตว์ในพวกบิ๊กไฟว์ที่หาดูยากที่สุดในทุ่งซาฟารีที่นี่ล่ะครับ ไปซาฟารีหลายหนหาดูไม่ได้เลย


ชอบก็ตรงที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสงูเขียวแบบใกล้ชิด งูเหลือมก็เอาพาดคอมาแล้ว นับประสาอะไรกับงูเขียวตัวจ้อย ขอดูหน่อยว่าหางไหม้หรือเปล่า


ได้มีโอกาสไปเยี่ยมพี่คนไทยสองคน ซึ่งทราบมาว่ามาเป็นพนักงานนวดอยู่ที่บูจุมบูระกันมาเป็นปีแล้ว ก็คงเป็นคนไทยแค่สองคนที่อยู่ในประเทศนี้ บ่นคิดถึงบ้านกันน่าดู


ร้านนวดชื่อ Buja Day Spa เจ้าของเป็นสาวชาวบุรุนดี ลูกคนมีสตางค์ ไปเที่ยวเมืองไทยแล้วติดใจนวดแผนไทย และมาลองเปิดที่นี่ แน่นอนว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นฝรั่งผิวขาว นิสัยแฟร์พอสมควร แต่พี่เขาแอบกระซิบว่าจ่ายเงินเดือนช้าไปนิด


อันนี้เอารูปมายืนยันว่าได้ร่วมงานกับอาจารย์กฤษณาฯ จริง น่าจะทราบนะครับว่าท่านไหน

ก็หมดแล้วสำหรับประเทศสาธารณรัฐบุรุนดี พูดกันตรงๆ ว่า หากไม่ได้มาทำงาน จะให้เดินทางมาด้วยความหลงใหลในมนต์เสน่ห์คงยาก แต่ถ้าหลงทางมาก็ไม่แน่

บล็อกนี้เป็นบล็อกแรกที่เขียนเสร็จขณะยังอยู่ในประเทศที่ไปทำงาน

ดูโปรแกรมเดินทางแล้ว ปฏิทินขาวสะอาดเลย อดใจรอตอนต่อไป (ผู้เขียนดังแล้วเริ่มเล่นตัว) ขอบคุณและขอให้ผมมีความสุข







Create Date : 13 ตุลาคม 2552
Last Update : 27 ตุลาคม 2552 19:17:54 น. 7 comments
Counter : 11279 Pageviews.

 
ตอนนี้น้องแอนกับสามีอยู่ที่แทนซาเนียจ้า ส่วนพี่กับครอบครัวยังอยู่ที่กาน่าเหมือนเดิม บ้านเกือบเสร็จแล้ว หากแวะมากาน่าก็โทรมาหาได้นะ 233 24 9163280
ยินดีที่รู้จักค่ะ


โดย: พี่องุ่น (chantira ) วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:2:50:34 น.  

 
ปลื้มพี่มากครับ
อยากไป แอฟริกาเหมือนกันครับ


โดย: Nontarchi วันที่: 20 เมษายน 2554 เวลา:1:27:23 น.  

 
เริ่มติดบล๊อกนี้แล้วสิ อาจารย์แกมีร้านกาแฟสวยมากอยู่ริมะเลที่สมุย ชื่อbakubung ชัดว่าแกชอบอาฟริกามาก มีกลิ่นไออาฟริกาที่ต้านแต่ริมทะเล จะกลับมาเมืองไทยเร็วๆนี้แล้วสินะ


โดย: พี่แอน KQ IP: 115.67.66.183 วันที่: 14 ธันวาคม 2555 เวลา:17:07:16 น.  

 
ขอบคุณครับ อ่านเพลินเลย


โดย: ศิริศักดิ์ เชาวน์ศิริ IP: 171.5.251.247 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2556 เวลา:1:27:26 น.  

 
ผมไปเมื่อปี49อยู่6เดือนสภาพที่พบไม่คิดว่าในโลกนี้มนุษยืที่อยู่กันในสภาพนั้นยังมีอญุ่ในโลกนี้ จน ลำบาก ขาดแคลน หิวโหย แต่ตอนนี้คงดีกว่าที่ผมไปเห็นมาแล้วก็ได้ ที่นั่นมีการทำงาช้างขายด้วยตอนนี้อาจเหลือน้อยแล้วเพราะช้างหมดป่า


โดย: dm1998 IP: 101.51.107.174 วันที่: 2 กันยายน 2557 เวลา:9:28:00 น.  

 
อ่านแล้วสนุกมากค่ะ ชอบค่ะ


โดย: นงนุช สุขนา IP: 49.229.111.171 วันที่: 5 เมษายน 2559 เวลา:6:48:47 น.  

 
มีโครงการพาคนของบริษัทไปทำงานประมาณ 1 สัปดาห์แต่ยังติดต่อหน่วยงานทำวีซ่าไม่ได้ค่ะ รบกวนแนะนำหน่อยได้ไหมคะ


โดย: สุภาวดี IP: 171.4.250.211 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:13:12:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.