Group Blog
 
 
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
6 กันยายน 2552
 
All Blogs
 

เกือบไม่รอด..

วันนี้จะมาเล่าถึง ประสบการณ์เกือบไม่รอดของตัวเอง เกือบที่ว่านี้ก็คือ เกือบเอาชีวิตตัวเองไม่รอด โดยที่ตัวเองไม่รู้สึกตัวเลย มันเป็นยังไงเหรอ ที่ว่าไม่รู้ตัว มาค่ะ..เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว นับจากวันนี้ที่เขียนบันทึก
( 6 กันยา 52) คือ วันที่เราจะให้กำเนิดลูกคนที่ 2 เวลาประมาณ ตี 4 กว่าๆ เราเริ่มปวดท้องเตือนว่า
จะคลอดแล้วนะ เราก็เลยไปปลุกพี่สาวว่าจะไปโรงพยาบาลแล้วนะ ส่วนสามีเราหน่ะ ไปทำงานต่างประเทศ ไม่สามารถลางานมาช่วงที่เราคลอดได้ กว่าจะกลับมาดูหน้าลูกได้ ก็หลังจากที่เราคลอดลูกแล้ว 1 เดือน แต่ก็ไม่เป็นไร ที่บ้านมีคนอยู่เยอะ สบายใจได้ เขาก็ห่วงแสนห่วง แต่ทำไงได้ ต้องทำงานนี่นา ก็เข้าใจ

พอบอกพี่สาวได้เราก็รีุบอาบน้ำ สระผม เตรียมตัว

แต่ก็ก่อนไป เราก็จูบลูกสาวคนโต วัน 2 ขวบ 7 เดือนที่ยังหลับอุตุ แล้วก็เดินไปบอกแม่ที่กำลังหุงข้าวว่า " แม่.. น้องไปก่อนนะ" แม่ก็บอกว่า "อ้าว..จะไปแล้วเหรอ..โชคดีนะลูก" ยังไม่ได้พูดอะไรกับแม่มาก ก็รีบออกรถไปโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขอนแก่น

ไปถึงโรงพยาบาลตอน ตีห้าครึ่ง พยาบาลก็พาเราไปเตรียมตัวคลอด เราก็รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก ก็เลยบอกกับพี่สาวว่า " พี่ต่าย.. น้องไม่อยากคลอดวันนี้เลย รู้สึกกลัว" แต่ไม่คลอดก็ต้องคลอด มันเจ็บท้องแล้วนี่

พยาบาลเตรียมตัวให้เสร็จ หมด คือ เข้าไปก็จะให้ถอดเสื้อผ้ารองเท้าเก็บใส่ถุงฝากไว้ โกนขน สวนอุจจาระ เสร็จขั้นตอนนี้ประมาณ 6 โมงเช้าก็เข้าไปนอนรอในห้องเตรียมคลอด หมอที่เราฝากท้องไว้คือ ศ.นพ.ถวัลย์วงศ์ รัตนศิริ สูตินารีแพทย์มือวางอันดับต้นๆ ของภาคอิสาน มาประมาณ 9 โมง เวลาผ่านไป 10 โมงกว่าแล้ว ถุงนำ้คร่ำเรายังไม่แตก อาจารย์เลยมาเจาะ ให้แตก พอน้ำคร่ำแตก
โอโห.. สุดยอดของการเจ็บปวด รอเวลาอีกไม่นาน ก็พร้อมที่จะเข้าห้องคลอด พยาบาลก็พยุงเราจากเตียง ไปนั่งรถเข็น เดินทางไปห้องคลอดที่อยู่ติดกับห้องเตรียมคลอด

เบ่งคลอดอยู่ 30 นาที ไม่คลอดสักที เจ็บปวดทรมานมากกกก... ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี เจ็บปวดมากกว่าการคลอดลูกคนโตหลายเท่าตัว ตอนคลอดลูกสาวคนแรก เราไม่ร้องเลยนะ เบ่งอยู่สามยก คลอดเลย เข้าห้องคลอดท้องแรก ประมาณ 15 นาทีก็คลอด แต่ท้องนี้ 30 กว่านาทีแล้วก็ยังไม่คลอด เราก็ร้องโหยหวน ปริ่มใจจะขาด พยาบาลบางคน ก็คงจะรำคาญ ว่าเราจะร้องทำไมนักหนา พยาบาลคนนั้นก็เลยดุเราว่า คุณแม่จะร้องทำไม ไม่ต้องร้อง!!! พูดกับเราไม่ดีเลย...
แต่เราไม่ร้อง ไม่ได้ มันเหมือนประมาณว่า เหมือนตอนเราออกแรงดึงเส้นผมให้ขาด คือถ้าออกแรงประมาณดึงเส้นผมให้ขาด ใจเราขาดตายแน่..!! (ตอนย่านากคลอดลูกก็คงจะเจ็บประมาณนี้ละมั้ง) จนเวลาผ่านไป 45 นาที เราเริ่มไม่ไหว ก็เลยบอกอาจารย์ถวัลย์วงศ์ ว่าขอผ่าดีกว่า พอบอกไ้ด้ดังนั้น เจ้าหน้าที่ก็เอาเอกสารมาให้เราเซ็นต์ เราก็นอนเอาปากกาลากๆเขียนไม่เ็ป็นตัวหนังสือเลย ระหว่างนั้น เขาก็ย้ายเราไปห้อง ผ่าตัด

ภาพสุดท้ายที่เราจำได้ตอนนั้น คือ ดวงไฟดวงใหญ่ๆ ในห้องผ่าตัด กับคำพูดสุดท้ายที่บอกกับพี่สาว (พี่สาวเราเข้าไปให้กำลังใจถึงในห้องคลอด พี่สาวเราดีกับเรามาก เราก็รักพี่สาวคนนี้มากๆ) เราบอกพี่สาวว่า " พี่ต่าย น้องเจ็บเหลือเกิน" วิสัญญีแพทย์เอายาสลบมาให้ดม นับ 1-2-3 เราก็สลบไป

เราคลอดลูกคนเล็กเมื่อเวลา 11.45 น. ได้ลูกผู้ชาย หนักแรกเกิด 3,680 กรัม แต่เราไม่รู้สักตัวหรอก มารู้ที่หลังอ่่ะ

พอคลอดเสร็จเขาก็พาเรามาูพักฟื้นที่ห้องพักฟื้นหลังคลอด ซึ่งปกติจะอยู่ห้องนี้ประมาณ 30 นาที
แม่ พี่สาว ลูกสาวเราก็กำลังชื่นชมสมาชิกใหม่ อยู่อีกห้องนึงที่เป็นห้องพักเด็กแรกเกิด แล้วก็ต้องออกไปรอข้างนอกเพื่อรอให้เราย้ายไปอยู่ตึกผู้ป่วยหลังคลอด 2ข

ผ่านไป 1 ชั่วโมงเราไม่ออกไปสักที ครอบครัวเราเริ่มแปลกใจ และเจ้าหน้าที่ก็วิ่งกันวุ่นเลย ปรากฏว่า มดลูกไม่หดรัดตัว เลือดในร่างกายคนเรามีทั้งหมด 5,000 cc เราก็เสียเลือดไป 5,000 cc เรียกว่า เลือดออกหมดตัว โชคดีที่มาคลอดวันศุกร์ และคลอดที่โรงพยาบาลใหญ่ ธนาคารเลือดก็อยู่ในโรงพยาบาลก็เลยสามารถหาเลือดจากผู้บริจาคมาให้ทันเวลา ได้

และโชคดีอีกอย่าง ที่วันนั้นแพทย์มือฉมังก็ได้เข้ามาสอนนักศึกษาแพทย์ในห้องคลอดด้วย
คือ นพ.สุกรี และพญ.ประนอม และศัลยแพทย์ อีก 2-3 คน นักศึกษาแพทย์ ทีมพยาบาล
เจ้าหน้าที่ผู้ช่วย เจ้าหน้าที่คลังเลือดที่ช่วยวิ่งไปเอาเลือด และของเหลวต่างๆที่ต้องรีบมาเติมให้ร่างเรา รวมๆแล้วคนที่อยู่ช่วยชีวิตเราในห้องผ่าตัดวันนั้น สิบกว่าคน

อ. ถวัลย์วงศ์ พยายามสุดชีวิตที่จะรักษาทั้งชีวิตเราและมดลูกเราเอาไว้ เพราะเราบอกกับหมอว่า
อยากจะมีลูกอีกสักคน และที่สำคัญที่สุดอยากจะ "อุ้มบุญ" ให้พี่ต่าย พี่สาวที่เรารักที่สุด เพราะพี่สาวเราไม่มีลูก

ทำทุกวิถีทาง เลือดเราก็ยังออกไม่หยุด หมอเลยออกมาปรึกษากับครอบครัวเราว่า ขอตัดมดลูกทิ้งเพื่อรักษาชีวิตเราเอาไว้ ครอบครัวเราก็ OK

เนื่องจากใช้เวลาในการผ่าตัดนาน เราก็เลยช็อก หรือที่ชอบพูดกันว่า ทนพิษบาดแผลไม่ไหว อาการคือ หายใจเองไม่ได้ หัวใจวาย ไตวาย พูดง่ายๆ คือ ตาย แต่อาจารย์หมอไม่ยอมให้เราตาย ยื้อกันสุดชีวิต ปั๊มเราขึ้นมา

สรุปแล้ว ในวันนั้นเราออกจากห้องผ่าตัดประมาณ ทุ่มกว่าๆ รวมเวลาในการผ่าตัด 5 ชั่วโมงกว่าๆ เสียเลือดไป 5,000 cc แต่ได้เลือดจากผู้ใจบุญมา 4,800 cc หรือประมาณ 11 ถุง ต้องขอขอบคุณผู้บริจาคโลหิตทุกคนที่ทำให้เรามีชีวิตรอดกลับมาในวันนี้ กราบขอบคุณมากๆค่ะ_/_

หลังจากผ่าตัดเสร็จ เราก็ได้มาพักฟื้นที่ ห้อง ICU ห้องผู้ป่วยวิกฤติ เราเริ่มรู้สึกตัวประมาณ 2 ทุ่ม ได้ยินเสียงพี่สะใภ้เรียก " ตาม..แอนน์มาเยี่ยม" เราก็คิดนะ เอ๊..โรงพยาบาลไฟดับรึไงน๊าาา มืดจัง มองไม่เห็นอะไรเลย แต่ได้ยินเสียง ของแม่ พี่สาว ลูกสาว พี่สะใภ้ พ่อแม่ของสามี ในใจก็สงสัยนะว่ามาทำไมกันเยอะแยะ แค่คลอดลูกเฉยๆ แต่เอ๊..ทำไมมืดจังน้า.. (โกโบริ ตอนใกล้ตายก็คงจะเป็นอย่างนี้อะป่าวนะ)แล้วเราก็หลับไป

มารู้สึกตัวอีกที ตอนที่พยาบาลมาปลุกบอกว่า จะฉีดมอร์ฟีนให้นะคะ แล้วเราก็หลับไป ได้ยินแต่ไม่คิดว่าเขาจะมาฉีดให้ตัวเรา คิดว่าพี่สาวเปิดทีวีดูละคร เหมือนอยู่ในความฝัน จิตมันล่องลอย แต่ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่ากี่โมงกี่ยามแล้ว

มารู้สึกตัวอีกครั้ง ตอน ตี 3 กว่าๆ คราวนี้มองเห็นแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คำถามเต็มหัวไปหมด ทำไมเรามาอยู่ห้องนี้ ที่นี่คือที่ไหน ลูกหายไปไหน ทำไมไม่เอาเราไปที่ตึกผู้ป่วยหลังคลอด ทำไมมีอะไรอยู่ในลำคอ ทำไมหายใจลำบากจัง เจ็บที่หน้าท้องมาก แพทย์ที่ผ่าเรามาเยี่ยมพอดี ใส่ชุดเขียวๆ แล้วบอกเราว่า ตอนนี้ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่นะคุณแม่เพราะยังหายใจเองไม่ได้ อย่าดึงtubeออก เดี๋ยวเส้นเสียงจะขาด เดี๋ยวจะฉีดยาแก้ปวดให้นะครับ

พี่สาวเรามาเยี่ยมตอนตีห้า แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เพราะอ.ถวัลย์วงศ์ ขอว่าอยากจะบอกเราด้วยตัวท่านเอง วันต่อมาหมอเลยมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินตอนแรกช๊อกนะ เสียดายที่ไม่มีโอกาส"อุ้มบุญ" ให้พี่สาว และอุ้มท้องได้อีก หมอก็เสียใจที่บอกเราตอนที่เรายังพูดไม่ได้ ก็เข้ามาขอโทษที่รีบบอกเรา เราก็เลยเขียนหนังสือบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ แค่อาจารย์ช่วยชีวิตหนูไว้ได้ก็เป็นพระคุณอย่างที่สุดแล้วค่ะ

ใจเราตอนนั้นนะคิดถึงแต่ลูก เพราะยังไุม่เห็นหน้าลูกเลย ก็เลยเขียนหนังสือถามพี่สาวว่าลูกอยู่ไหน พี่สาวบอกว่าลูกอยู่กับพยาบาล 2ข ปลอดภัยดี น่ารักมากๆ แต่เราไม่เชื่อ กลัวว่าเขาจะโกหก กลัวลูกตาย ใจไม่ดีเลย เลยขอให้พี่สาวเอาลูกมาหาเรา

กี่โมงเราก็จำไม่ได้แล้วอ่ะ พี่สาวเราก็เอาลูกมาหาเรา โล่งอก .. ที่ลูกไม่เป็นอะไร แถมยังแข็งแรง
ผิวขาว น่ารัก น่าชังมากๆ แต่น่าสงสาร ที่คลอดมาแล้วไม่ได้อยู่กับแม่ แต่กลับไปอยู่กับพยาบาล ไม่ได้กินนมแม่ แต่ก็ยังดีที่พี่สาวและพี่เขยได้ช่วยเป็นพ่อแม่จำเป็นดูแลลูกให้เรา

เราต้องให้ยาฆ่าเชื้อทุก 6 ชั่วโมง ยาจะุออกฤทธ์อยู่ 4 ชั่วโมงเราจะสามารถให้นมลูกได้แต่ 2 ชั่วโมง พี่สาวเราก็จะอุ้มลูกมาจากตึก 2ข มาหาเราที่ ICU แต่เราไม่สามารถให้นมลูกได้ เรายังนั่งไม่ได้ ยัีงใส่เครื่องช่วยหายใจ สายน้ำเกลือ สายอะไรต่อมิอะไรระโยงระยางเต็มไปหมด พูดก็ยังไม่ได้ เห็นลูกแล้วใจจะขาด สงสารลูกเหลือเกิน ได้แต่บอกตัวเองว่า เราต้องฟื้นตัวเร็วๆ จะได้ไปหาลูกเร็วๆ

และแล้วคำขอของเราก็เป็นจริง 24 ชั่วโมงผ่านไปเราก็หายใจเองได้แต่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจไว้ก่อน อีก 24 ชั่วโมง พอครบ 48 ชั่วโมง เราก็ได้ถอดเครื่องช่วยหายใจ การใส่เครื่องช่วยหายใจทั้งๆที่เราหายใจเองได้เป็นอะไรที่ทรมานมากกกกก มากกว่าเจ็บแผลซะอีก หลังจากถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว แต่ก็ยังพูดไม่ได้ ไม่มีเสียง เพราะท่อช่วยหายใจมันยาวมาถึงขั้วปอด ตอนใส่มันจะไปทับเส้นเสียงทำให้เราพูดไม่มีเสียง ตอนพูดก็มีแต่ลมออกมา ต้องใช้เวลา 2-3 วันกว่าเสียงจะมาเป็นปกติ แรกๆเสีียงก็แหบๆ ทรมานมากกกก

สรุปแล้วเราอยู่ห้อง ICU อยู่ 3 วันถึงจะได้ออกมาอยู่ห้องผู้ป่วยหลังคลอด แต่ก็มีปัญหาเรื่องน้ำนมไม่มา เนื่องจากป่วยเสียเลือดมาก แต่พยาบาลที่ตึก 2ข โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ดูแลเราและลูกดีมาก ช่วยแนะนำทุกวิถีทางที่จะทำให้น้ำนมเรามาตามปกติ แต่ก็ปล้ำกันอยู่นานเลย

ส่วนสามีเราพอรู้ข่าวเรา ก็รีบแจ้งทางบริษัทที่อยู่กรุงเทพว่าจะขอกลับมาขอนแก่นเพื่อที่จะมาดูแลเรา ทางบริษัทก็ใจดีอนุญาตให้กลับมาได้ แต่ก็ไม่สามารถกลับมาในวันที่ 27 กุมภานั้นได้ เพราะตั๋วเครื่องบินเต็มแล้ว ต้องมาในวันถัดไป กว่าจะมาถึงขอนแก่น เราก็ออกจากห้อง ICU แล้ว ดีใจกันมากที่โชคดียังได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อแม่ลูก

เราใช้เวลา ในการอยู่โรงพยาบาล 8 วัน อยู่ห้องพิเศษ ก็วิตกนะว่าค่าใช้จ่ายจะสักเท่าไหร่หนอ ผ่าตัดใหญ่ขนาดนี้ แต่เราก็มีบัตรทองของโรงพยาบาลศรีนครินทร์นะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายส่วนเกินสักเท่าไหร่

เมื่อถึงวันที่ต้องออก จากโรงพยาบาล สามีเราก็ไปเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่าย บิลออกมาเกือบแสน โห.... ทำไงดี แต่ก็ยังถือว่าโชคดีมากๆๆ ที่มีบัตรทอง เราจ่ายจริงแค่ 1,800 กว่าๆ เบาไปเยอะ....

เล่ามาเสียยืดยาว 555 มานึกดูย้อนหลัง เรานี่ก็ยังมีบุญเหลือเกินที่ยังมีลมหายใจอยู่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ไม่มีอะไรแน่นอนเลย ดังนั้น ตอนที่เรายังมีลมหายใจอยู่ จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพราะไม่แน่ในวันพรุ่งนี้ เราอาจจะไม่มีลมหายใจอีกแล้วก็ได้ เพื่อนๆว่าจริงไหมค่ะ

รักพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ครอบครัวให้มากๆนะคะ ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่อีกแล้วค่ะ

ปล. ถ้าใครมีโอกาสได้แวะเข้ามาอ่านก็ไม่ต้องกลัวไปนะคะ
เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆหรอกค่ะ
เราคิดว่ามันเป็นเพราะเวรกรรมของเราแต่ชาติก่อนมากกว่าค่ะ

ถ้าใครอยากมีน้องเมื่ออ่านแล้วก็ทำใจให้สบายนะคะ
ถ้าคิดเป็น% น้อยมากๆค่ะที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ค่ะ

ถือว่าเป็นเรื่องมาเล่าสู่กันฟังนะคะ
free counters




 

Create Date : 06 กันยายน 2552
13 comments
Last Update : 15 มิถุนายน 2553 19:49:56 น.
Counter : 582 Pageviews.

 

อ่านแล้วคิดถึงแม่เลยค่ะ

 

โดย: refreshy 7 กันยายน 2552 7:46:50 น.  

 

น้ำตาคลอเลย
บรรยายรู้ถึงความเจ็บปวดเลย

 

โดย: ดินสอสีม่วง 7 กันยายน 2552 9:42:04 น.  

 

โหย นี่หล่ะเนอะ คนเป็นแม่

หมูแนนก้อมาไม่ปกติหรอกค่ะ

เลยไปหาหมอ เลยได้ยาปรับโฮโมนมา

ถึงไงก้อยังไม่ปกติ

แหะๆ

ยังไงก้อยังมีลมหายใจ

แถมมีตัวน้อย ๆ น่ารัก ๆ มากวนตัวกวนใจอีกต่างหาก

สู้ ๆ ต่อไปนะค่ะ

ว่าง ๆ เอาเบเกอรี่มาอวดบ้างนะ

 

โดย: หมูแนน 7 กันยายน 2552 9:44:13 น.  

 

เป็นกำลังใจให้นะคะ

 

โดย: เด็กอ้วนน่ารัก 7 กันยายน 2552 10:57:13 น.  

 

บรรยายได้ละเอียดดีจังเลยค่ะ อ่านแล้วลุ้นจังเลย ดีนะค่ะที่ผ่านช่วยนั้นมาได้ เป็นกำลังให้นะคะ สู้ ๆ ค่ะ
ปล.อ่านแล้วแอบกลัวนิด ๆแบบว่ายังไม่มีน้องเลยค่ะ

 

โดย: jrom 8 กันยายน 2552 5:21:41 น.  

 

อรอยากมีลูก แต่ อ่านแล้ว กลัวเลย

ต่อไปนี้ ขอให้มีความสุขยิ่งๆขึ้นไปนะคะ

 

โดย: ครูอร IP: 118.172.104.121 28 กันยายน 2552 22:20:00 น.  

 

อ่านแล้วระทึกใจมากค่ะ ดีใจด้วยที่ผ่านมาแล้วและกลับมาแข็งแรงนะคะ

 

โดย: craftholic 26 ตุลาคม 2552 11:00:08 น.  

 

แฟนผมก็ฝ่าคลอด (3 คนเลย) เป็นอย่างงี้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ก็ปลอดภัยดีครับ

 

โดย: adisai129 (adisai129 ) 8 มกราคม 2553 18:10:24 น.  

 

เข้ามาอ่านช้าไปป่าวเนี้ย....
แต่ก็ลุ้นค่ะ ลุ้นไปกับแม่ตามด้วย ทั้งลุ้นทั้งน้ำตาคลอเลย ตอนหญิงกัลคลอดลูกก็คลอดเองนะ ดีที่ไม่มีปัญหาอะไร แล้วคุณหมอได้บอกแม่ตามหรือเปล่าสาเหตุเกิดจากอะไร
เกิดจากมดลูกมันไม่หดตัวเหรอ จึงทำให้เลือดออกเยอะจนหมดตัว (เดาเอาเองอ่ะ)

 

โดย: หญิงกัล (kookkaijung ) 9 มกราคม 2553 22:36:06 น.  

 

โถ...ขวัญมานะคะแม่ตาม ถือว่าเป็นกรรมและบุญด้วยในตัวที่รอดชีวิตมาได้ มันผ่านไปแล้วนะคะ ต่อไปนี้แม่ตามจะแข็งแรงๆ ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่ออยู่ดูแลครอบครัวไปตลอดเลยนะคะ


สงสารแม่ตามมากๆ ต้องมาเจอแบบนี้ :( แล้วก็แอบกลัวนิดหน่อยตอนคลอดลูกนะ ทอยก็คงจะมีกรรมที่มีมดลูกแต่ใช้การไม่ได้ :P แต่ก็คิดว่าชีวิตเราสุขบ้างทุกข์บ้างปนกันไปเป็นธรรมดาของมนุษย์นะคะแม่ตาม ขอให้แม่ตามมีความสุขกับครอบครัวมากๆ เลยนะคะ ^___^

 

โดย: ToY (tiny ) 3 มิถุนายน 2553 8:30:11 น.  

 

เพิ่งมาอ่านค่ะ อ่านแล้วเอาใช่วยแม่ตาม ดีใจที่ผ่านมาได้นะคะ

 

โดย: พริกน้ำส้ม 3 มิถุนายน 2553 13:54:41 น.  

 

เพิ่งมาอ่านเหมือนกัน น้ำตาซึม กับประโยคนี้

"ดีใจกันมากที่โชคดียังได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อแม่ลูก "



ตอนนี้ แข้งแรงปกติแล้วใช่มั๊ยคะ ให้ให้สุขภาพดีวันดีคืนค่ะ

 

โดย: ชาติสยาม 3 มิถุนายน 2553 16:37:20 น.  

 

พี่แอนเข้ามาอ่านช้าไปรึเปล่า แต่ก็รับรู้ความรู้สึกได้เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิด ดีใจด้วยน๊ะคะ ที่น้องตามเข้มแข็ง ได้มีโอกาสเลี้ยงดูลูกที่เพิ่งเกิดมา ให้เค้าได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์ ดูแลรักษาสุขภาพต่อไปน๊ะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ

 

โดย: แอนTiger IP: 110.164.215.154 22 ธันวาคม 2553 8:50:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Iaun_Tor
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Iaun_Tor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.