แค่คนข้างใจ (5)
5
เมื่อได้รู้ผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ธารขวัญก็บอกตัวเองไม่ได้ว่าเธอควรจะดีใจหรือเสียใจ เมื่อเธอสอบติดคณะที่หวัง..หากมิใช่สถาบันที่ใฝ่ฝัน..
แม้ว่าจะเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน หากเธอก็ยังอดรู้สึกเซ็งในอารมณ์อย่างไม่มีเหตุผลไม่ได้..คงเป็นเพราะว่าไม่มีเพื่อนสนิท..หรือแม้แต่เพื่อนร่วมห้องคนไหนที่ได้อยู่สถาบันเดียวกันเลยน่ะเอง..คงไม่ใช่เพราะไม่ได้อยู่ร่วมสถาบันกับธาวินหรอกนะ..
เมื่อความคิดโยงไปถึงธาวิน ธารขวัญก็ต้องถอนหายใจออกมาดังๆ หวังให้อะไรบางอย่างที่หนักๆอยู่ในหัวใจได้จางไปบ้าง..
หากก็ไม่เป็นผล..
ถึงวันนี้..ฝ่ายนั้นก็ยังคงปฏิบัติเช่นเดิม เป็นธาวินคนเดิมที่แสนอ่อนโยนและเอาใจใส่เธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย มีความรักให้รักเธอ..เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมีให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้..
หากก็นั่นแหละ..เขายังมีภาคหนึ่งของหัวใจที่ไม่ใช่ของเธออยู่ดี..
แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆในหัวใจที่ไม่สลักสำคัญอะไร..อย่างที่เขาพยายามแสดงให้เธอเห็น..แต่ธารขวัญก็ยังอดหวั่นไหวไม่ได้ทุกครั้ง..ยามได้ยินประโยคที่ว่า..มีธุระ..จากเขา
ใจเอย..ทำไมจึงได้อ่อนแอถึงเพียงนี้นะ..คนอย่างเธอไม่น่าที่จะต้องมาทนกับอะไรอย่างนี้เลย..
ธารขวัญคนเดิมที่เคยเข้มแข็ง..ไม่หวั่นไหวกับอะไรง่ายๆคนนั้นหายไปไหนเสียแล้วหนอ..
เพื่อนๆ ที่เคยสนับสนุนธาวินอย่างออกนอกหน้า..กลับเล่น 'ย้ายข้าง' หันมายุให้เลิกกันโดยถ้วนทั่ว
หากธารขวัญก็ทำไม่ได้จนแล้วจนรอด..ยังไงๆเธอก็ไม่สามารถทำร้ายผู้ชายแสนดี..และรักเธอเสียเหลือเกินคนนี้ลงไปได้..
ทำได้แค่เพียงยอมทนทำร้ายตัวเอง..โดยที่เธอก็ไม่รู้ว่า..ความอดทนของเธอจะสิ้นสุดลงในวันใด
...รู้เพียงแต่ว่า..วันนั้นคงมาถึงในวันใดวันหนึ่ง..
.......................
เสียงเคาะประตูทำให้สาวน้อยร่างบาง ผมสีน้ำตาลเส้นเล็กละเอียดยาวถึงกลางหลังชะงักจากการคุยโทรศัพท์ ก่อนจะตัดบทเบาๆ ว่า "แค่นี้ก่อนนะโย ขวัญกลับมาแล้วล่ะ.."
ธารขวัญเปิดประตูห้องเข้ามาทันได้เห็นฝ่ายนั้นวางโทรศัพท์ลงอย่างเบื่อๆ จึงยิ้มอย่างรู้ทัน ถามเย้าๆว่า
"ไอ้โยอีกแล้วเหรอแวว.."
อีกฝ่ายถอนใจ บอกอย่างเหนื่อยหน่ายว่า "ใช่..ไม่รู้จะโทร.มาทำไมนัก..โทร.มาก็พูดอยู่คนเดียว..เราแทบไม่ได้พูดอะไรเลย..อย่างนี้นั่งพูดคนเดียวน่าจะดีกว่านะ ไม่เปลืองค่าโทรศัพท์ด้วย"
ธารขวัญหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ นึกภาพคนถูกกล่าวถึงได้ชัดแจ้ง ไม่รู้ว่าตำราจีบสาวตำราไหนของเขานะ ที่สอนให้โทร.มาตื๊อเอาๆ..เพื่อที่จะพูดพล่ามอยู่คนเดียวอย่างนี้..
สมควรแล้วที่แห้วไปแล้วสองครั้งในรอบสามเดือน..และทำท่าจะแห้วอีกครั้งในไม่ช้านี้..
ธารขวัญมองคนเป็นรูมเมทที่หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างหงุดหงิดอย่างขันๆ วรางค์เป็นเพื่อนที่จบมาจากโรงเรียนเดียวกัน..หากคนละห้อง ซึ่งเมื่อมาเรียนที่นี่ก็กลายมาเป็นรูมเมทและเพื่อนสนิทของเธอในไม่ช้า
ชั้นปีที่หนึ่งของคณะแพทย์ของสถาบันแห่งนี้ได้จัดให้นักศึกษาต้องออกมาเรียนที่วิทยาเขตชานเมือง นักศึกษาทุกคนต้องมาอยู่หอพักของทางมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นห้องกว้างๆ ที่ต้องอยู่รวมกันถึงสี่คน จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะเลือกอยู่กับเพื่อนที่จบมาจากที่เดียวกันก่อน ด้วยความที่อย่างน้อยก็คุ้นหน้าคุ้นตากันมากกว่า
ภิญโญก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่ ครั้งแรกธารขวัญแทบจะอยากกลับไปเอนท์ใหม่ ด้วยความรู้สึกที่ว่าถ้าต้องร่วมชั้นเรียนกับหมอนี่ต่อไปอีกตั้งหกปีละก็..เธออาจจะก่อคดี..ฆ่าหั่นศพเพื่อน..ออกมาเป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ให้สะเทือนวงการแพทย์อีกคนก็ได้
เพราะวันแรกที่เจอหน้ากัน ฝ่ายนั้นก็ทักเธอเสียงดัง จนคนทั้งถนนแทบจะได้ยินกันทั่ว "อ้าว..เจ๊ขวัญ..นึกว่าใคร..ดีใจจัง..แต่จริงๆก็..แหม..เสียใจด้วยนะ" คนพูดทำหน้าเห็นอกเห็นใจ
"จะบ้าเหรอ..เสียใจเรื่องอะไร" ธารขวัญสวนทันควัน ไม่สนุกนักที่ต้องมาเป็นเป้าสายตาคนทั้งบริเวณเช่นนี้
"เสียใจที่ต้องมาอยู่ไกลไอ้วินอย่างนี้น่ะซิ.." ฝ่ายนั้นตอบด้วยท่าทีกวนโอ๊ยอย่างเหลือประมาณ
ปากเหรอน่ะที่พูด..ธารขวัญเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ หากก็ตอบกลับไปด้วยท่าทียียวนไม่แพ้กันว่า "ถ้าจะเสียใจ..ก็อีตรงที่ต้องมาเรียนอยู่กะนายตั้งหกปีมากกว่า..นรกชัดๆ.."
แต่จะว่าไป ฝ่ายนั้นก็ไม่ถึงกับเลวร้ายนักหรอก..เป็นเพื่อนที่ดี..แถมยังมีเสน่ห์ไม่เบา..ขนาดที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงในหมู่ผู้หญิงเสมอๆว่า "ไอ้โยนี่..ถ้าจะไม่มีปากซะอย่างเดียวก็จะดีหรอก.."
ก็คงจะจริงนะ ฝ่ายนั้นน่ะ..ถ้าตั้งเอาไว้เฉยๆโดยอุดปากเอาไว้ไม่ให้พูดละก็..ดวงหน้าขาว ดวงตาพราวระยับ กับรอยยิ้มเจ้าชู้นั้นก็คงทำให้ใครต่อใครหลงใหลได้ไม่ยากหรอก..
แต่อย่าให้พูดออกมาเชียว..
"แววไม่กลับบ้านเหรออาทิตย์นี้" ธารขวัญถามเมื่อเห็นคนเป็นเพื่อนก้มหน้าก้มตาค้นอะไรง่วนอยู่กับถุงพลาสติกใบโตที่มีขนมขบเคี้ยวอยู่เต็ม เพราะปกติฝ่ายนั้นจะกลับบ้านแทบทุกสุดสัปดาห์ แถมอาทิตย์นี้ก็ยังเป็นช่วงที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการสอบกลางภาค..จึงไม่มีใครอยู่ติดหอนัก
"ไม่กลับ.." ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นตอบ ดวงหน้าสวยราวกับวาดนั้นมองเท่าไหร่ก็ไม่รู้เบื่อ ขนาดเธอเองเป็นผู้หญิงด้วยกันยังอดติดใจไม่ได้..อีกทั้งนิสัยง่ายๆ สบายๆ เข้าได้กับทุกคน..ก็ควรแล้วที่ภิญโญจะตามจีบอยู่ได้นานกว่าใคร..หรือจะพูดให้ถูก..นานผิดปกติคนอย่างเขา
เพราะธรรมดาหากฝ่ายนั้นจะ..ตามใคร..ก็จะทำอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์..หากอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีท่าทีอะไรด้วย เขาก็จะ..ล้มเลิกโครงการ..ไปเองโดยไม่มีทีท่าว่าผิดหวังตรงไหน แถมยังบอกได้อย่างไม่มีอายว่า "คนไม่มีบุญ..บุญไม่ถึงพอจะเป็นแฟนเราน่ะซิ"
แต่หากว่าผู้หญิงคนนั้นทำท่าจะมีไมตรีตอบ เจ้าตัวกลับเป็นฝ่ายกระโจนหนีอย่างไม่คิดชีวิตเสียเอง อย่างคราวหนึ่งที่เป็นหัวข้อล้อเลียนในหมู่เพื่อนๆ ให้เจ้าตัวหน้างอไปหลายวัน เมื่อรุ่นพี่ต่างคณะ..ที่เจ้าตัวไปมองๆเอาไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นรุ่นพี่..กลับมาหลงใหลได้ปลื้มในตัวเขาอย่างหัวปักหัวปำ..ถึงขนาดเดินตามเอาดื้อๆ..ไม่หยุดหย่อน..จนเจ้าตัวหวาดระแวง ไม่กล้าเดินไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่นาน "ถ้าเค้าฉุดข้าไปทำมิดีมิร้าย..ใครจะช่วยข้าทันล่ะ.." เจ้าตัวโอดครวญอย่างน่าหมั่นไส้
หากก็เป็นที่สะอกสะใจของเพื่อนๆนัก แล้วก็ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะลดดีกรีความซ่าส์ลงไปได้มาก..จนมาเริ่มออกลายเอาอีกทีก็กับวรางค์เพื่อนเธอนี่แหละ..
คนที่เธอมองอยู่ยื่นถุงขนมให้ บ่นอย่างไม่จริงจังนักว่า "ช่วยกันกินหน่อยขวัญ โยซื้อมาให้เยอะแยะไปหมด ทำอย่างกับเราเป็นเด็กอนุบาล..ซื้อขนมมาฝาก.."
ธารขวัญอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ..นี่ก็อีกอย่างหนึ่งที่เธออยากจะรู้ว่ามันมาจากตำราเล่มไหนกันนะ..ทำเท่ซื้อขนมมาฝากสาวอยู่เรื่อย..สาวที่ไหนจะอยากอ้วนกันล่ะ..ขนมนี่น่ะศัตรูของผู้หญิงดีๆนี่เอง..ตาบ้าเอ๊ย..ทีเรื่องไม่เป็นเรื่องละฉลาดนัก..
เรื่องง่ายๆแค่นี้กลับไม่รู้
"ขวัญล่ะ ไม่กลับบ้านเหรอ" อีกฝ่ายหันกลับไปจัดการเก็บกวาดถุงขนมที่มีอยู่เต็มโต๊ะ
"ไม่กลับหรอก..เพิ่งกลับเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว"
"วินจะมาล่ะซิ" ฝ่ายนั้นยิ้มอย่างรู้ทัน "สวีทกันน่าอิจฉาจัง.."
"ไม่เกี่ยวหรอกน่า.. " ธารขวัญชักจะเขินขึ้นมาบ้าง เมื่อพักนี้ธาวินนั้นกลับมา..สวีท..กับเธอมากขึ้นจริงๆเสียด้วย จนธารขวัญแทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่ามีผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่ในชีวิตเขา
"พรุ่งนี้เห็นว่าจะมาชวนไปเที่ยวน้ำตกที่กาญจน์ไม่ใช่เหรอ ตะกี๊เห็นโยเล่าให้ฟัง.." วรางค์ถามยิ้มๆ หลิ่วตาอย่างล้อเลียนเมื่อธารขวัญพยักรับ ก่อนจะชวน
"ฮื่อ..ก็ว่าจะชวนแววอยู่นี่แหละ..ไปด้วยกันนะ.."
อีกฝ่ายทำท่าจะปฏิเสธ..หากธารขวัญก็ไม่ปล่อยให้คนเป็นเพื่อนมีโอกาสได้พูด..เมื่อบอกอย่างยิ้มๆ แบบเดียวกันว่า "ไม่ต้องมาปฏิเสธเลยแวว..นี่ไอ้โยมันไม่ได้บอกด้วยเหรอว่า..ที่จะไปกันเนี่ย..บ้านมันละ"
"อ้าว..เหรอ.." ฝ่ายนั้นอุทานงงๆ "นึกว่าโยเป็นคนกรุงเทพฯซะอีก.."
"มันไปเรียนที่กรุงเทพฯตั้งแต่เด็กน่ะ..แต่บ้านจริงๆ มันอยู่กาญจน์.." ธารขวัญบอก ก่อนจะนินทาต่อไปว่า
"แววไม่สังเกตเหรอว่ามันพูดเหน่อๆ น่ะ..แบบว่ากาญจน์มันใกล้สุพรรณอะนะ.." หัวเราะอย่างสะใจที่ได้แฉเรื่องของฝ่ายตรงข้าม
"โยไม่เห็นเคยเล่าเลยนะ.." วรางค์แกล้งบ่น ธารขวัญจึงแกล้งแหย่ต่อไปว่า
"คงกะจะทำเซอร์ไพรส์แววเต็มที่เลยมั้ง..แบบว่าพอไปถึงก็..ที่นี่บ้านผม..อยู่กับผมที่นี่ตลอดไปนะครับ.." ธารขวัญทำเสียงเลียนแบบพระเอกละคร ซึ่งทำให้อีกฝ่ายหัวเราะพรืดอย่างอดไม่อยู่
"เราไม่อยู่ด้วยหรอก คนแบบนั้นน่ะ..อยู่ด้วยสามวันคงเป็นโรคระบบการฟัง.." แม้คนพูดจะพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน..หากธารขวัญก็ยังจับกระแสความเอื้อเอ็นดูในน้ำเสียงนั้นได้ดี จนได้แต่เงยหน้าขึ้นยิ้มกับเพดานอยู่คนเดียว..
คราวนี้..โปรเจ็ค..ของฝ่ายนั้นคงจะประสบความสำเร็จเสียทีกระมัง..
เช้าวันเสาร์ ธาวินมาถึงตั้งแต่เช้า ยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มสว่างจ้ามาแต่ไกล จนแทบจะกลบแสงแดดยามเช้าให้หมองลงในพริบตา ธารขวัญบอกตัวเองว่าเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์..ที่เธอยิ้มออกมาได้ด้วยความปลอดโปร่งใจ เมื่อยิ้มรับคนที่เดินเข้ามาหา
"ไอ้วิน มาแต่เช้าเชียวนะเอ็ง.." เสียงผู้ไม่ได้รับเชิญแหวกอากาศมาถึงก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรกับเขา เมื่อภิญโญก้าวยาวๆตรงเข้ามา..จากทางไหนเธอก็ไม่อาจรู้ได้
"จะได้ไปถึงไม่บ่ายมากไง" ธาวินตอบอย่างอารมณ์ดี หากก็ถูกแซวอย่างรู้ทันว่า
"จะรีบไปหาอะไรวะ เมืองกาญจน์แค่นี้ขับรถแป๊บเดียวก็ถึง..ไม่ได้ขับไปแม่ฮ่องสอนนี่หว่า.." คนพูดใช้น้ำเสียงประชดๆ อย่างที่ถนัด ปรายตามองธารขวัญเป็นเชิงบอกให้รู้ว่า..ข้ารู้นะ..ทำไมเอ็งต้องรีบมา
"คิดถึงอะไรกันจะขนาดน้านน..เพื่อนฝูง..แหม..อาทิตย์ที่แล้วก็มานั่งอ่านหนังสือสอบเป็นเพื่อน..ยังไม่ถึงเจ็ดวันดีเลย..ไม่เห็นหน้าเจ้า กินข้าวไม่ลงรึไงวะ.."
ธารขวัญต้องนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจอย่างอดทน นึกถึงคำพังเพยที่ว่า..ปลาหมอตายเพราะปาก..ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ดูท่าทางเจ้าตัว 'ปลาหมอ'จะไม่ทุกข์ร้อน เมื่อลอยหน้าลอยตาพูดต่อไปว่า
"งั้นก็รีบไปเหอะไป..แหม..นี่ถ้าไม่ติดว่าจะต้องไปบอกทางนะ..จะปล่อยให้ไปกันสองคน..ไม่ไปโผล่หน้าเป็นกขค. ร้อก..แถวนั้นน่ะ..โรแมนติกอย่าบอกใครเชียว..เหมาะกะการฮันนีมูน.."
"แล้วมาบอกทำไม" ธารขวัญเริ่มหมดความอดทน เธอควรจะรีบๆไปจากตรงนั้นเสียก่อนที่จะพลั้งมือทำให้เจ้าปลาหมอตัวนี้ตายด้วยมือเธอเข้าจริงๆ "เราจะไปตามแวว.." เธอปรายตามองฝ่ายนั้นบ้างอย่างอาฆาต.."เดี๋ยวก็รู้ว่าก้างมันจะขวางคอใครกันแน่.."
"นี่เมื่อไหร่เอ็งจะเลิกกวนประสาทขวัญเค้าซะทีวะ..เจอทีไรทะเลาะกันทุกที.." ธาวินบ่นคนเป็นเพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก เมื่อธารขวัญเดินจากไปแล้ว
อีกฝ่ายยักไหล่ด้วยทีท่ากวนตาอย่างเคย ก่อนจะตอบประชดๆว่า "ช่วยเจือความเผ็ดๆ ร้อนๆ ให้เจ๊แกมั่งน่ะซิวะ.." คนพูดมองหน้าคนเป็นเพื่อนอย่างหมั่นไส้ "ไม่งั้นอยู่กะเอ็งมีแต่ความหวานอย่างเดียว..เลี่ยนตาย"
ธาวินหัวเราะ "ก็แล้วถ้ามันจะมีแต่หวาน..มันจะผิดตรงไหนวะ..ก็คนเป็นแฟนกันนี่หว่า.."
คราวนี้ภิญโญมองตาคนเป็นเพื่อนนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะพูดเรียบๆ ด้วยน้ำเสียงปราศจากอารมณ์ใดๆ ว่า "ผิดตรงที่ว่า..ถ้าวันนึงความหวานมันเปลี่ยนเป็นขม..ขวัญเค้าจะทนไม่ได้น่ะซิวะ.."
.............................................
"ไม่ได้ออกมาเที่ยวต่างจังหวัดอย่างนี้นานแล้วนะขวัญนะ" เสียงธาวินปรารภมาจากที่นั่งในตอนหน้า เมื่อธารขวัญยืนยันหัวเด็ดตีนขาดไม่ยอมนั่งข้างหน้าคู่กับเขา โดยให้เหตุผลว่า เมารถ
จริงๆ แล้วเพราะอยากจะแกล้งคนเล่นต่างหาก..
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบอะไร คนนั่งหน้างออยู่ข้างๆธาวินก็ขัดคอด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกว่า
"นี่จะคุยกันข้ามหัวผมอีกนานมั้ยครับคุณๆ ..เจ๊ขวัญมานั่งข้างหน้าซะก็หมดเรื่อง ถึงเมารถก็ซบไหล่ไอ้วินหลับไป สบายดีซะอีก..จะไปนั่งหลังทำไมว้า.." คนบ่นๆเป็นหมีกินผึ้ง เพราะตัวเองก็หมดโอกาสได้..ซบ..สาวที่หมายปองเหมือนกัน..แถมยังต้องมานั่งฟังสองสาวนินทาคิกๆ คักๆ กันอยู่เบื้องหลังเสียอีก
หมดกัน..ที่หวังจะมาชี้ชวนสาวให้ชื่นชมกับวิวทิวทัศน์สองข้างทาง อันเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่เขาอุตส่าห์ชวนธาวินและธารขวัญไปเที่ยวบ้าน..ก็จริงๆ หวังจะให้ธารขวัญชวนวรางค์มาด้วยนั่นแหละ..เพราะดูๆ ธารขวัญก็สนับสนุนเขากับวรางค์อยู่ไม่น้อย..แต่เอาเข้าจริง..ถึงวรางค์จะมาด้วย..ตรงตามแผนเขาทุกประการ..หากเขาก็ไม่มีโอกาสได้ชี้ชวนอะไรอยู่ดี..หมด..หมดกัน..ยายขวัญตัวแสบ
เสียงธารขวัญกับวรางค์หัวเราะกันยิ่งทำให้หงุดหงิดหนักขึ้น รู้งี้ไม่ชวนมาให้เสียเวลาหรอก นอนตีพุงอยู่ที่หอสบายใจกว่าเยอะ..
อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งดูคนเขาสวีทกันจี๋..โดยที่ตัวเองไม่มีจะสวีทกับเขาแบบนี้หรอก..คนคิดเข่นเขี้ยวไปตลอดทาง..เนื้อก็ไม่ได้กิน..หนังไม่ได้รองนั่ง..แถมมีทีท่าว่าจะต้องเอากระดูกมาแขวนคออีกต่างหาก..เมื่อธาวินนั้นหน้าขรึมลงทันทีที่ได้ยินประโยคสุดท้ายที่เขาพูด นิ่งไปอึดใจเต็มๆ ก่อนจะบอกเสียงหนักๆ ว่า
"ข้าไม่ยอมให้มันกลายเป็นขมง่ายๆ หรอกวะ.."
เขาเองได้แต่ยักไหล่..คร้านจะต่อปากต่อคำด้วยว่า..เอ็งคิดว่าตอนนี้ขวัญเค้าไม่ขมงั้นซินะ
แล้วพอขึ้นรถธาวินก็นั่งเงียบไปแทบจะตลอดทาง โกรธเขาน่ะคงไม่โกรธหรอก..แต่คงจะคิดเรื่องยายนีรนุชขึ้นมาอีกละมั้ง..อะไรกันนักนะไอ้นี่..มันจะเป็นคนดีไปถึงไหนกันวะ..ไม่รู้รึไงนะว่าธารขวัญรู้สึกยังไง..ผู้หญิงเค้าออกจะรักแสนรัก..มันยังทำร้ายได้ลงคอ..กะอีแค่เหตุผลที่ว่า
"ข้าสงสารนุชเค้า.."
บ่อยครั้งที่ได้ฟังเช่นนั้น ภิญโญก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกอยากจะคว้าคอเสื้อคนเป็นเพื่อนมาตะคอกถามให้รู้เรื่องกันไปซะทีว่า..แล้วธารขวัญล่ะ..เอ็งไม่สงสารเค้าใช่มั้ย..แต่ก็ยังสำนึกได้ว่า..ไม่ใช่เรื่องของเขาเสียหน่อย..จึงได้แต่หมั่นไส้คนเห็นเพื่อนอยู่เงียบๆ
หากหลังๆ มานี่ท่าทางฝ่ายนั้นจะไม่ค่อย..มีธุระ..ที่เกี่ยวกับนีรนุชมากนัก..เพราะเห็นเทียวไปเทียวมา มานั่งเฝ้าธารขวัญอยู่แทบทุกอาทิตย์..ก็นึกว่าคงจะจัดการเรื่องคนทางโน้นเรียบร้อยไปแล้วเสียอีก.. แล้วนี่มันจะมานั่งทำหน้าอย่างกับแบกโลกไว้ทำไมอีกล่ะ..ไอ้พ่อพระเอ๊ย..
.................................
"เฮ้ย..นี่มันเนื้อย่างหรือยางรถยนต์วะเนี่ย.." เสียงบ่นดังๆ ของคนข้างตัวทำให้ธาวินถอนใจ ละสายตาจากสองสาวที่เดินเก็บก้อนกรวดรูปร่างแปลกๆ ในลำธารอย่างสบายอารมณ์ ขณะที่เขากับภิญโญสมัครใจที่จะนั่งพักใต้ร่มไม้มากกว่า หลังจากเล่นน้ำกันมาร่วมครึ่งวันจนเหนื่อยไปตามๆ กัน
"กินๆ เข้าไปเหอะ ก็เอ็งซื้อมาเอง..จะบ่นทำไมวะ" ธาวินถามอย่างรำคาญ
คราวนี้คนถูกถามแกล้งถอนใจยืดยาวเลียนแบบอีกฝ่ายบ้าง ก่อนจะบอกประชดๆ "ข้าไม่ได้บ่น..แต่จะชวนเอ็งคุยน่ะ..เก็ตมะ..ชวนคุย..ไม่งั้นก็มองอยู่แต่เจ๊ขวัญน่ะแหละ..มองอยู่ด้าย..เค้าไม่ละลายไปกับสายน้ำหรอกน่า.."
ธาวินมองคนเป็นเพื่อนอย่างอ่อนอารมณ์ ย้อนอย่างรำคาญหนักขึ้นว่า "แล้วเอ็งล่ะ..อย่างกับไม่มองแววอยู่งั้นแหละ"
คนโดนกระทบยิ้มรับอย่างกว้างขวางโดยไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะถามโพล่งขึ้นลอยๆ โดยไม่มองหน้า "เอ็งเลิกกะยายนุชอะไรนั่นแล้วเหรอ.."
ธาวินมองหน้าคนถาม ซึ่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับจานเนื้อย่างอย่างไม่รู้ไม่ชี้ บอกเสียงต่ำๆ ว่า
"ไม่ได้เลิก..เพราะว่าไม่ได้คบกัน..เอ็งเลิกถามเรื่องนี้ซะทีได้มั้ยวะ.." หากยังไม่ทันจบก็ถูกขัดขึ้นเร็วๆว่า
"ก็เห็นหลังๆ มานี่เอ็งมีเวลามาหาขวัญบ่อยๆ..เลยนึกว่าตัดยายนั่นออกจากบัญชีสาวซะแล้วซิ.."
"ก็บอกว่าไม่ได้คบ..ไม่ได้ตัด..ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ..แค่เป็นเพื่อนกัน.." ธาวินชักจะหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ
"ข้าสงสารเค้า..บางทีก็เลยไปไหนมาไหนกับเค้าบ้างเท่านั้นแหละ..เค้าไม่ค่อยมีเพื่อน..เอ็งก็รู้คณะข้ามันผู้หญิงน้อยแค่ไหน..แล้วที่บ้านเค้าก็มีปัญหา..เอ็งก็คงเคยได้ยินข่าว.." คนพูดถอนหายใจหนักๆ
"เอ็งอย่าพูดเรื่องนี้อีกได้มั้ยวะ..ขอร้อง..ข้าไม่อยากให้ขวัญเค้าคิดมาก.."
แล้วตอนนี้เอ็งคิดว่าขวัญเค้าไม่ได้คิดอะไรเลยซินะ..คนฟังย้อนให้ในใจอย่างหมั่นไส้ เมื่อธาวินพูดต่อไปว่า "ข้าไม่อยากให้ขวัญเค้าเครียดไปกว่านี้..แค่นี้ก็รู้สึกผิดกับเค้าจะแย่อยู่แล้ว..ยิ่งมาอยู่ไกลๆ กันอย่างนี้ด้วย.."
อีกครั้งที่ฝ่ายนั้นไม่รอให้เขาพูดจบ..หากขัดขึ้นกลางคันเอาดื้อๆ "เอ็งก็เลิกยุ่งกะยายนั่นไปเลยไม่ได้เหรอว้า..ทำอย่างนี้เหมือนจับปลาสองมือ..ผู้หญิงที่ไหนเค้าจะไม่เสียใจ..ไม่คิดมากวะ.."
"ก็บอกว่าไม่ได้จับ..เอ๊ะ..เอ็งนี่..ข้าไม่ได้ชอบเค้า.." ธาวินชักอยากจะลุกขึ้นเตะคนนั่งตรงข้ามเข้าซักโครม
"โอเค...เอ็งน่ะไม่ได้จับ.." ภิญโญกระแทกเสียง "แล้วเอ็งไปยอมให้เค้าจับไว้ทำไม..หยุดเลย.."คนพูด ชี้หน้าคนเป็นเพื่อนที่อ้าปากจะเถียง.."เลิกบอกว่าสงสารเค้าซะทีเหอะวะ..เอ็งจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปไม่ได้นะโว้ย..ยังไงๆ เอ็งก็ต้องเลือกคนใดคนหนึ่งอยู่ดี..แล้วเอ็งทำไมไม่เลือกตั้งแต่ตอนนี้วะ..จะปล่อยคาราคาซังไว้ทำไม..เอ็งจะมานั่งเป็นพ่อพระช่วยเหลือเพื่อนไปตลอดอย่างนี้ไม่ได้นะโว้ย..หรือคิดว่าจะอยู่เป็นเพื่อนที่แสนดีของยายนุชนั่นต่อไปตลอดชีวิต.." อีกฝ่ายเทศนายาวเหยียด ก่อนจะลงท้ายด้วยน้ำเสียงประชดประชันตามสไตล์
อีกครั้งที่ธาวินต้องถอนหายใจหนักๆ เมื่อตอบรับว่า "ข้ารู้..ข้าถึงได้พยายามหลบๆ นุชอยู่ไงช่วงนี้..แต่ข้าก็รู้สึกผิดกับเค้าน่ะ..ข้าไปจีบเค้า..ถึงจะไม่จริงจังนักก็เถอะ..แล้วเค้าก็มาชอบข้า..ก็ตอนนั้นขวัญเค้าไม่สนใจข้านี่หว่า.." คนพูดแก้ตัวให้ตัวเองเสร็จสรรพ
"แล้วนุชเค้าก็ดีกับข้า..อยู่ข้างๆ ข้ามาตลอด..แล้วพอเค้ามีทุกข์..จะให้ข้าหนีมาเฉยๆน่ะ..มันจะไม่เลวไปหน่อยเหรอวะ.." เขามองหน้าคนเป็นเพื่อน แล้วก็ได้คำตอบทันควัน "เลวว่ะ"
"ไอ้เวร" ธาวินด่าออกมาอย่างอดไม่อยู่ "ก็อย่างนี้แล้วเอ็งจะมานั่งด่าข้าทำไม"
ภิญโญยกมือเป็นเชิงห้าม เมื่อบอกอย่างหน่ายๆ ว่า "เอ็งฟังให้จบก่อนได้มั้ย..ที่เอ็งช่วยเค้าน่ะ..มันก็ดีเลิศประเสริฐสุดตามประสาคนอย่างเอ็งอยู่แล้วไอ้วิน..แต่มันก็ต้องมีขอบเขตโว้ย..อีกอย่าง..จีบได้ก็เลิกได้..เอ็งจะไปยึดถือยึดมั่นอะไรนักหนา.."
"จีบๆ ทิ้งๆ อย่างเอ็งซินะ" ธาวินย้อนประชดๆ
"เออ" อีกฝ่ายกระแทกเสียงใส่บ้างอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะบอกอย่างโอ่ๆ
"ข้าจีบใครน่ะ..ไม่ยอมให้เค้ามาผูกติด..เป็นพันธะหรอกโว้ย..นอกจากคนที่ข้ารักจริงๆ.."
"อย่างแววนี่เอ็งรักรึยัง.." ธาวินมองไปยังสาวน้อยผมยาวที่เดินเคียงข้างธารขวัญ
"เอ็งไม่ต้องมาย้อนข้า" ภิญโญไม่ได้ตอบ ท่าทางหมดความพยายามกับเนื้อชิ้นสุดท้ายในจาน กับหมดความอดทนกับคนเป็นเพื่อนลงพร้อมๆ กัน
"ที่ข้าพยายามจะบอกเอ็งทั้งหมดคือ..ถ้าเอ็งเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สำคัญเท่าขวัญละก้อ..เลิกให้ความสำคัญกับเค้าซะที..ก่อนที่คนสำคัญของเอ็งจะหลุดมือไปจริงๆ..เลือกได้แล้วไอ้วิน ! "
.................................................................................................
Create Date : 08 กรกฎาคม 2551 |
Last Update : 8 กรกฎาคม 2551 22:27:42 น. |
|
3 comments
|
Counter : 416 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ammy IP: 124.181.210.147 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:36:43 น. |
|
|
|
โดย: OnlyU IP: 202.57.129.99 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:14:52 น. |
|
|
|
โดย: โยษิตา วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:55:44 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Kobe Japan
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เป็นคนไทย แต่ระหกระเหินมาใช้ชีวิตตัวคนเดียวที่ประเทศหมู่เกาะประเทศหนึ่ง กินเวลาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่รู้จะได้กลับเมื่อไหร่ (โถ่)
เป็นคนจับจดมาก อยากทำไปทุกอย่าง แต่ทำไม่ได้ดีซักอย่าง รู้น้อยกว่าเป็ด ควรจะเรียกว่ารู้อย่างลูกเป็ด หรือไข่เป็ด
ที่แน่ๆ ชอบอ่านกระทู้พันทิป มากถึงมากที่สุด
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|