--but life goes on, and this old world will keep on turning--
แค่คนข้างใจ (10)

10

"หมั้นกันเหรอวิน ! " ธารขวัญร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อคนข้างกายจู่ๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว

"ล้อกันเล่นอย่างนี้ไม่ดีนะ ก้างติดคอเลย" เธอยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม หัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขำขัน

เขาและเธอนั่งอยู่ที่ซุ้มขายอาหารหลังคามุงจาก ใต้ร่มเงาของแนวสนบนชายหาดริมทะเลพัทยา ที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้ ธาวินเงยหน้าจากการใช้มือแกะกระดองปู ถามยิ้มๆ หากดวงตาลึกซึ้งว่า

"ทำไมล่ะ หรือว่าขวัญไม่อยากหมั้นกับวิน"

"ก็ใช่ เอ๊ย ไม่ใช่" ธารขวัญมองคนถามอย่างกลัดกลุ้ม ดูเหมือนเขาจะไม่ได้แค่..พูดเล่นๆ..อย่างที่เธอเข้าใจเสียแล้ว

"ขวัญนึกว่าวินพูดเล่น" เธอบอกเสียงอ่อย "ทำไมอยู่ๆ ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ.."

อีกฝ่ายถอนใจยาว รวบช้อนเป็นเชิงว่าอิ่ม มองหน้าเธอก่อนจะบอกยิ้มๆ อย่างเคยว่า

"ถ้าไม่อยากโดนขอแต่งงาน เอ๊ย ขอหมั้นในร้านอาหารอย่างนี้ละก็..ขวัญรีบกินให้อิ่ม แล้วเดี๋ยวเราไปนั่งคุยกันที่สุดหาดตรงโน้นดีกว่า.."

ธารขวัญรู้สึกว่าเลือดฉีดขึ้นหน้าจนร้อนผ่าวด้วยความอาย เมื่อบริกรที่เดินผ่านมาทันได้ยินคำพูดของธาวินส่งรอยยิ้มล้อๆ มาให้

"ก็ได้" เธอรวบช้อนบ้าง "แต่ไม่ได้แปลว่าขวัญจะตกลงเรื่องที่วินพูดนะ" เธอบอกหน้าเฉย
ธาวินยิ้ม มองตรงมาด้วยแววตาที่เธอแปลความหมายไม่ออก เรียกบริกรมาเก็บเงิน ก่อนจะดึงมือเธอให้ลุกตามเขาออกมา


แสงแดดยามบ่ายไม่ร้อนมากนัก เมื่อผ่านร่มเงาของต้นสนทะเลที่ทอดยาวไปตลอดทางเดินจนสุดชายหาด สายลมเย็นๆ โชยชาย บรรยากาศตอนนั้นน่าสบายเสียจนเธอฮัมเพลงออกมาเบาๆ..

เป็นบทเพลงที่จารึกอยู่ในมุมหนึ่งของหัวใจ..โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวเลย

... Nothing's gonna change my love for you
... You ought know by now how much I love you..



หากเพียงเท่านั้น ความคิดก็โยงไปถึงใครอีกคน ที่เคยส่งบทเพลงนี้มาให้ ธารขวัญยิ้มออกมาอย่างสะใจ เมื่อนึกถึงข้อความที่เธอส่งตอบเขาไปเมื่อคืนวาน หลังจากไม่ได้คุยกันมาร่วมสัปดาห์

ป่านนี้คงสะอึกตายไปแล้วซิ..ไม่รู้จะตอบมารึยัง คนคิดเปิดกระเป๋าเพื่อควานหาโทรศัพท์มือถือ หากก็ต้องหยุดยืนค้นอยู่นานจนอ่อนใจ กว่าจะพบว่าไม่มีสิ่งที่ต้องการอยู่ในกระเป๋า

"หาอะไรขวัญ" คนเดินนำหน้าหันกลับมาถาม

"มือถือ.." ธารขวัญตอบอย่างเซ็งๆ "สงสัยลืมเอามาแน่เลย"

ธาวินโคลงศีรษะอย่างขันๆ แซวยิ้มๆ ว่า
"น่าจะรอให้กลับถึงกรุงเทพก่อนค่อยนึกได้นะ "

ธารขวัญค้อนอย่างไม่จริงจังนัก หน้าตายังไม่หายเซ็ง จนอีกฝ่ายต้องรีบถามอย่างเอาใจ
"จะโทร.ไปไหนล่ะ เอามือถือวินก่อนก็ได้"

"ไม่โทร.หรอก" คราวนี้เธอตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก "นึกขึ้นมาได้ก็เลยลองหาดู..ขอให้ลืมไว้ที่บ้านจริงๆ เถอะ ไม่ใช่เอาไปทำหล่นไว้ที่อื่น"

"จะหล่นที่ไหน ขึ้นรถรวดเดียวมาถึงนี่เลย ไม่ได้แวะไหนซักหน่อย ถ้าขวัญกังวลก็ลองโทร.กลับไปถามที่บ้านมั้ยล่ะ คุณแม่ขวัญอยู่นี่นา" ธาวินดึงมือเธอให้นั่งลงบนโขดหินข้างๆ เขา เมื่อเดินกันมาได้ไกลพอสมควรแล้ว พลางหยิบโทรศัพท์ติดตามตัวของตัวเองออกมาส่งให้

"ไม่เป็นไร" ธารขวัญอุบอิบตอบ เธอไม่ได้เป็นห่วงโทรศัพท์มือถือขนาดนั้นหรอก เพียงแต่อยากรู้ว่าคนที่เธอส่งข้อความไปให้เมื่อวานจะมีปฏิกิริยาตอบโต้มาอย่างไรต่างหาก

"แล้วทำไมทำหน้ามุ่ยอย่างนั้นล่ะ" ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมหมดเรื่องง่ายๆ

"ไม่มีอะไรหรอก" ธารขวัญรู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อในหัวมีแต่แววตาเย็นชา เฉยเมยของใครอีกคนหนึ่งที่เห็นมาตลอดทั้งสัปดาห์ กับบทเพลงแสนหวานที่เขาส่งมาก่อนหน้านี้ ที่ดูเหมือนจะดังก้องอยู่ภายในใจอย่างประหลาด ธารขวัญจมอยู่กับความคิดทั้งหมดที่วิ่งวนอยู่ในสมอง โดยแทบไม่ได้ยินเรื่องที่คนตรงหน้ากำลังพูดอยู่แม้แต่น้อย


"ฮื่อ..เอ๊ะ..อะไรนะ" ธารขวัญถามอย่างงงๆ เมื่ออีกฝ่ายหยุดพูด มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาตัดพ้อ

"นี่ขวัญไม่ได้ฟังที่เราพูดเลยเหรอ" เขาถามขรึมๆ "นั่งใจลอยไปไหน"

ธารขวัญต้องพยายามยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างแจ่มใสที่สุด

"ไม่ได้ใจลอย..แค่ง่วงๆ น่ะ หนังท้องตึงหนังตามันก็หย่อนเป็นธรรมดา.." เธอทำท่าปิดปากหาว ถามเสียงกระตือรือร้นขึ้นว่า

"ตอนนี้ตื่นแล้วล่ะ ตะกี๊วินพูดอะไร พูดอีกทีได้มั้ย"

ธาวินถอนใจ รู้ดีว่าคนตรงหน้าพูดไม่จริง อยากจะถามถึงใครอีกคนหนี่ง ซึ่งน่าจะเป็นเงาอยู่ในหัวใจเธอตอนนี้

หรืออาจจะเข้ามาแทนที่เขาเสียจนหมดสิ้นแล้วก็ได้..

หากก็ได้แต่ทอดถอน เขาจะถามไปทำไม การไม่ถาม ไม่ไปแตะต้อง อาจจะเป็นการดีที่สุด หากว่าวันหนึ่งเธอจะลืมความรู้สึกนั้นไปเอง..

เขาไม่ควรไป..ชี้โพรงให้กระรอก..โดยเฉพาะเมื่อ..โพรง..นั้น บอกกับเขาอย่างหนักแน่นเมื่อวานนี้เองว่า..จะลงสนามแข่งกับเขาแน่ หากว่าธารขวัญมีใจ

"ก็ไม่มีอะไร.." รอยยิ้มนั้นอ่อนโยน ก่อนที่ธาวินจะถามเสียงเบา หากหนักแน่นในทุกถ้อยคำว่า

"แค่ถามขวัญว่า..ถ้าวินเรียนจบ..เราหมั้นกันไว้ก่อนดีมั้ย"

ธารขวัญมองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะถามอย่างไม่แน่ใจ ทั้งที่ในใจหนักอึ้ง

"นี่วินพูดจริงเหรอ"

"จริงซิ" คำตอบสั้น หากแววตามั่นคงนั่นต่างหากที่บอกเธอว่า..เขาไม่ได้ล้อเล่น

"มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะวิน" ธารขวัญเพิ่งยอมเปิดปาก หลังจากนิ่งไปชั่วอึดใจ

"ก็ใช่น่ะซิ" ธาวินกลับหัวเราะนิดๆ ดวงหน้าคมสันนั้นแจ่มใสอยู่ในเงาแดดอ่อน

"วินก็เลยจะทำให้มันเป็นเรื่องจริงๆอยู่นี่ไง.."

"ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นล่ะ ขวัญยังต้องเรียนอีกตั้งสามปีนะ" เธอค้านอย่างไม่เข้าใจนัก

ก็กลัวว่าจะต้องเสียขวัญให้คนอื่นไปน่ะซิ..ธาวินตอบอยู่ในใจ แต่ที่พูดออกมาก็เพียง

"วินอยากให้เราเริ่มวางอนาคตร่วมกัน ปีหน้าวินก็เรียนจบ ทำงาน สร้างทุกอย่างเตรียมไว้รอขวัญไง อีกแค่สามปีขวัญก็จบ ไม่นานหรอก.."

"อีกตั้งสามปีตะหาก" ธารขวัญกล่าวแก้ ยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน

"อย่าเพิ่งหมั้นเลยวิน..รอให้ขวัญเรียนจบก่อนดีกว่า..ต่อไปวินไปทำงานแล้วอาจจะเจอคนถูกใจ จนเสียใจที่มาหมั้นกับขวัญไว้ก็ได้นะ " เธอพูดล้อๆ

"ขวัญไม่ไว้ใจวินเหรอ" อีกฝ่ายหน้าขรึมลง

ขวัญไม่ไว้ใจตัวเองต่างหาก..ธารขวัญคิดในใจ แล้วก็เกือบสะดุ้ง เมื่อฝ่ายนั้นถามเรียบๆว่า

"หรือว่าขวัญมีใคร.."

"ไม่มี" เธอปฏิเสธทันควัน

"อย่าพูดเรื่องหมั้นเลยวิน ไม่ใช่ขวัญไม่ไว้ใจวิน หรือเพราะวินไม่ไว้ใจขวัญ แต่ขวัญว่าเรายังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องนี้น่ะ น่าจะสนุกกับชีวิตในตอนนี้ให้เต็มที่ก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องครอบครัวเวลาโตเป็นผู้ใหญ่กว่านี้อีกหน่อยน่ะ" เธออธิบายยืดยาว พยายามบอกตัวเองไปด้วยว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้จริงๆ..

..มิใช่ใครอีกคนที่วนเวียนอยู่ในความคิดตอนนี้ !

"ก็ได้..ตามใจขวัญจ้ะ" อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้ แม้แววตาจะยังขรึมนัก

"วินแค่อยากจะให้ขวัญมั่นใจในตัววิน ว่าวินจริงจังกับขวัญ..เท่านั้นเอง" อุ้งมืออบอุ่นเอื้อมมากุมมือเธอไว้ ธารขวัญมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตื้น


ผู้ชายคนนี้แสนจะอ่อนโยนและดีพร้อม เป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว เป็นชายในฝันของใครอีกมากมาย เขาเองมีสิทธ์จะเลือกได้มากเท่าที่ต้องการ..แต่เขาก็รักเธอ

เธอเป็นคนโชคดีที่ได้รัก..ได้อยู่ข้างเขาในวันนี้..เธอควรจะภูมิใจ..

หากอะไรมัวๆ ในใจที่ก่อรูปร่างขึ้นเป็นแววตาของใครอีกคนหนึ่งต่างหาก ที่ทำให้เธอยิ้มรับความรัก ความเอาใจใส่จากคนตรงหน้าได้ไม่เต็มหัวใจเอาเสียเลย..

ขอให้มันเป็นแค่ความอ่อนไหว..ในวันอ่อนแอของเธอเท่านั้นเถอะนะ


...................................................................


วันรุ่งขึ้นเมื่อพบหน้ากันในชั้นเรียน ธารขวัญไม่ได้แปลกใจกับท่าทีมึนตึงของคนที่เธอส่งข้อความให้มากนัก หากเป็นความสะใจ ที่พบว่าเธอเองก็ก่อความเดือดร้อนให้เขาได้ ไม่ต่างจากที่เขาก่อให้เธอ ทำให้เธอต้องมาวุ่นวายใจกับบทเพลงแสนหวานที่เขาส่งมา

นายทำให้ฉันเป็นบ้าได้ ฉันก็ทำได้เหมือนกันนั่นแหละย่ะ คนคิดๆ อย่างสะใจ เมื่อเชิดคางขึ้นสูง มองเมินไปจากสายตาตัดพ้อที่ส่งตรงมา

เมื่อหมดคาบเรียน ฝ่ายนั้นก็เตร่เข้ามาหา บอกด้วยเสียงต่ำๆ

"เย็นนี้คุยกันหน่อยซี่"

"เรื่องอะไร" เธอทำเสียงเอื่อยเฉื่อย เก็บของใส่กระเป๋าอย่างไม่เดือดร้อนกับท่าทีของอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง

"เรื่องเมสเสจเมื่อวาน"

"ทำไม" เธอถามอย่างรำคาญพลางหักข้อนิ้ว บิดคอไปมาอย่างเมื่อยขบ

"ตอนนี้เรารีบ" เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู คิ้วเข้มขมวด ท่าทางคงมีธุระร้อนจริงๆ แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเธอ

"คุยตอนเย็นได้มั้ย เจอกันที่ร้านเดิม"

"ไม่ได้" ธารขวัญทำเสียงห้วน แถมหาวใส่เสียเฉยๆ "ไม่ว่าง และถึงว่างก็ไม่อยากไป"

"ทำไมไม่ว่าง" นี่อีตานี่กลายเป็นลูกอีช่างซักไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?

"มันเรื่องอะไรของคนอื่น" เธอลุกขึ้น ขยับกระเป๋าสะพายให้เข้าที่ เตรียมผละจากไปอย่างสะใจที่กวนกิเลสฝ่ายนั้นได้มากกว่าที่คิด

"มีนัดกับวิน สงสัยอะไรอีกมั้ย?" จริงๆ ก็ไม่ได้มีหรอก แต่เธอรู้ดีว่า ถ้าหากอ้างชื่อนี้ อีกฝ่ายจะไม่กล้าตอแยเป็นอันขาด

ได้ผล เพราะฝ่ายนั้นหน้าขรึมลงทันที เสียงต่ำๆ อย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อครู่ กลายเป็นเสียงเยาะๆ ตามแนวถนัดของเจ้าตัว

"สวีทกันจริงนะ เมื่อวานก็เพิ่งไปพัทยาด้วยกันแท้ๆ ไม่ได้เจอกันซักวันนี่จะชักตายให้ได้เลยใช่มั้ย"

ธารขวัญปั้นยิ้มหวานรับไว้ได้ทัน ทั้งที่ในใจวีนแตกยาวเหยียด

"ใช่ เมื่อวานวินชวนคุยเรื่องหมั้น เรื่องมันยาวน่ะ วันนี้เลยต้องมาคุยกันต่อ ไปฟังด้วยกันมั้ยล่ะ" เธอยิ้มยวนใส่ตาเขาอย่างจงใจ สะใจเหลือเกินเมื่อเห็นแววตกใจในดวงตาคู่นั้นแวบหนึ่ง

"ก็ดีแล้วนี่" เขายักไหล่ "หมั้นๆ กันไปซะ ถ้าทิ้งไว้นานอาจจะมีคนเปลี่ยนใจ.." คนพูดลากเสียงยาว ทำท่าปรายตามองอย่างรู้ทัน ยิ้มนิดๆ แบบที่เธอเห็นแล้วโมโหจี๊ดขึ้นมาทันที

"คนเปลี่ยนใจน่ะไม่ใช่เราแน่" เธอปรายตามองยิ้มๆ เลียนแบบอีกฝ่ายบ้าง "ไหนว่าจะถามเรื่องเมสเสจ ถามมาสิ"

ฝ่ายนั้นเม้มปากแน่น ไม่พูดเสียเฉยๆ แต่ยืนจ้องหน้าเธออยู่อย่างนั้นแหละ ไหนว่ารีบ ไม่เห็นจะรีบเลยนี่นา ธารขวัญนินทาอยู่ในใจ

"แปลว่าอะไร" เสียงถามห้วนจัด

"อะไรแปลว่าอะไร" เธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ อย่างจงใจจะยียวนให้ได้มากที่สุด

"เมสเสจ"

"อ้าว ง่ายออก แค่นั้นแปลไม่ออกเหรอ" เธอทำตาโต

"อ้อ" เขาทำเสียงบางอย่างในลำคออย่างไม่มีความหมาย ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปเสียเฉยๆ โดยไม่บอกกล่าว

ธารขวัญขยับจะเรียกฝ่ายนั้นเอาไว้ รู้ตัวเหมือนกันว่าเล่นแรงไปหน่อย อย่างน้อยเขาก็เป็นเพื่อน แม้ว่าจะทำตัวน่ารำคาญให้เธอวุ่นวายใจอย่างไร เขากับเธอก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี

โดยเฉพาะ บทเพลงที่เธอส่งให้เขานั้น มันไม่ได้แปลความหมายอย่างที่เขาเข้าใจ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ทั้งหมด เธอคิดว่าเขาจะรู้จักมัน แต่ในเมื่อเขาไม่รู้จัก เธอจะไปบอกได้อย่างไร


ริมฝีปากไม่ยอมทำตามคำสั่งของหัวใจ ธารขวัญปล่อยให้ร่างสูงเดินห่างออกไป โดยไม่ได้เรียกเขาไว้อย่างที่อยากทำ

วันนี้..ระยะห่างระหว่างเธอกับเขามันกว้างใหญ่จนเกินไปเสียแล้ว..


...................................................


ระยะเวลาเกือบสองเดือนที่เหลือก่อนสอบปลายภาคนั้นกลายเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดสำหรับธารขวัญ เมื่อวรางค์กับเธอนั้นราวกับกลายเป็นคนแปลกหน้าระหว่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงขนาดที่ฝ่ายนั้นขอแลกห้องกับเพื่อนอีกคนหนึ่งดื้อๆ โดยไม่บอกกล่าวเธอสักคำ

จนขึ้นชั้นปีที่สี่ เรื่องราวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น..ยังคงเป็นข่าวลือกระฉ่อนให้ใครต่อใครพากันพูดถึง โดยที่ธารขวัญได้แต่คิดอย่างเหนื่อยหน่ายว่า..ทั้งหมดนี่มันเกี่ยวข้องกับเธอที่ตรงไหนกันนะ..

ในเมื่อคนที่เลิกรากันคือภิญโญกับวรางค์ ไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนดึงเธอให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เข้าจนได้ ในฐานะ..มือที่สาม..ที่ทำให้คนทั้งคู่เลิกกัน

สายตาเย็นชาของคนรอบตัวยังทำให้เธอกดดันได้ไม่เท่าการวางตัวไม่แยแสของภิญโญ ที่ทั้งไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ เจอเธอเขาก็ทักทายเป็นปกติ ไม่ใส่ใจสายตาของใครที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น ยิ้มแย้มร่าเริงอย่างเป็นปกติอย่างไรก็อย่างนั้น

หากแววตาคู่นั้นต่างหากที่แปลกไป ไม่มีรอยยิ้มหัว ยียวน ตามแบบของเขา ไม่มีแม้แต่รอยหมางเมิน โกรธขึ้ง ที่เธอคิดว่าเขาน่าจะมี

ไม่มีร่องรอยของความรู้สึกใดๆ ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นอีกเลย ยามที่เขามองมา

เธอเองคงจะมองเขาผิดไป ธารขวัญสบสายตาว่างเปล่าคู่นั้นแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ความรู้สึกของเธอกลับเป็นปกติเกือบจะร้อยเปอร์เซนต์แล้วเมื่อวันเวลาผ่านไป ไม่มีความรู้สึกหวั่นไหว เป็นสุขลึกๆ กับสายตานั้นอีกต่อไป

อีกไม่นานหัวใจเธอก็คงจะกลับมามั่นคง เข้มแข็ง อย่างที่มันเคยเป็น

ธารขวัญยิ้มตอบเขาอย่างแจ่มใสได้เป็นครั้งแรก..บอกตัวเองว่ามันจะต้องไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เมื่อเธอกลับมาเป็นคนเดิม..คนเดิมที่รังเกียจผู้ชายกะล่อน เจ้าชู้คนนี้เสียเหลือเกิน !

จากที่เคยคิดจะอธิบายให้เขาเข้าใจ ว่าเหตุใดเธอจึงส่งข้อความตอบไปเช่นนั้น ก็คงไม่ต้องอธิบายกันอีกแล้ว..

คงไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องเข้าใจ..


..................................................


"ออย ทางนี้" ธารขวัญโบกไม้โบกมืออย่างดีใจ เมื่อเห็นคนที่เข็นกระเป๋าออกมาจากช่องผู้โดยสารขาออกของสนามบิน

ฝ่ายนั้นยิ้มกว้างเมื่อเดินตัวปลิวเข้ามาหา อรชุมาย้ายตามครอบครัวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่จบมัธยมปลาย และไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเลยตลอดเวลากว่าสี่ปี จนคราวนี้เจ้าตัวหยุดเทอมยาว จึงขออนุญาตบิดามารดามาเที่ยวพักผ่อนและเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงไปในตัว

"รอนานมั้ยขวัญ อ้าว หวัดดีวิน" คนพูดหันไปยิ้มให้ธาวินที่เข้ามาช่วยเข็นกระเป๋าให้

"ไปก่อนเถอะ รถจอดนานไม่ได้" ฝ่ายนั้นหันมาตอบ ก่อนจะออกเดินนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้คนเพิ่งมาถึงอ้าปากค้าง ก่อนจะบ่นออกมาดังๆ

"กี่ปีๆ หมอนี่ก็เก๊กเหมือนเดิมนะขวัญนะ ไม่ซิ มันเก๊กกว่าเดิมอีก"

ธารขวัญหัวเราะ รุนหลังคนเป็นเพื่อนให้ออกเดิน

"ไปคุยกันที่บ้านแล้วกัน รอนานจนหิวข้าวแล้ว"


"นี่แกเป็นอะไรของแก" อรชุมานั่งลงบนเตียงนุ่ม ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมที่ยังเปียก มองคนเป็นเพื่อนที่นั่งกดรีโมทโทรทัศน์เล่นโดยไม่ใส่ใจจะดูจริงจังอย่างไม่เข้าใจ เมื่อธารขวัญนั้นซึมลงไปราวกับไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จัก

ธาวินขับรถมาส่งเธอกับธารขวัญที่บ้าน กินอาหารเย็นด้วยแล้วจึงลากลับไปด้วยท่าทางซึมๆ ไม่ต่างจากคนตรงหน้าเธอเท่าไหร่

"มีปัญหาอะไรกันอีกล่ะ ไอ้วินอีกคน หน้าตาอมทุกข์เชียว" คนถามๆ ตรงๆ อย่างรู้จักปัญหาของคนเป็นเพื่อนดี

ธารขวัญถอนหายใจ ตอบอย่างเหนื่อยหน่ายโดยไม่หันมามองว่า

"ไม่รู้เหมือนกัน ก็ไมได้มีเรื่องอะไรกันนะ แต่อยู่ๆ มันก็เกิดจะคุยกันไม่ได้ขึ้นมาเท่านั้นเอง"

"วินมันไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกล่ะ" อรชุมาถามไปอย่างนั้นเอง ในเมื่อก็เห็นได้ชัดว่าคนที่ถูกกล่าวถึงนั้นเอาอกเอาใจเพื่อนเธอแทบจะทุกย่างก้าว อ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษอยู่อย่างไรก็อย่างนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะเป็น 'คนก่อเรื่อง' ได้แน่นอน

คนที่ก่อเรื่อง..น่าจะเป็นคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ตรงหน้าเธอเสียมากกว่า

"ไม่มีเรื่องอะไรจริงๆ" ธารขวัญย้ำอย่างเซ็งๆ

"แต่หลังๆ มานี่เราว่าเราขี้หงุดหงิดไปหน่อย วินเค้าก็ดีกับเราเหมือนเดิม แต่เราเบื่อๆ เองมากกว่า ไม่รู้ว่าเบื่ออะไรเหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าเครียดตอนสอบลงกอง แต่สอบเสร็จมาหลายวันแล้วก็ยังไม่หายเซ็งอยู่ดี" คนสาธยายยืดยาว ลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัว หันมาฝืนยิ้มให้คนเป็นเพื่อน บอกก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำว่า

"โทษที แกมาวันแรกก็เจอเราทำหน้าไม่รับแขกเลย เดี๋ยวอาบน้ำก่อนแล้วค่อยออกมาคุยกันต่อนะ"

อรชุมามองคนพยายามทำเป็นร่าเริงอย่างระอา หมายมั่นปั้นมือว่าเดี๋ยวออกมาต้องจับซักฟอกให้รู้เรื่องให้ได้

เสียงโทรศัพท์ติดตามตัวของธารขวัญดังขึ้น ที่หน้าจอปรากฎชื่อของธาวิน อรชุมาส่ายหน้าอย่างขันๆ

นี่สองคนนี้มันเล่นวิ่งไล่จับกันหรือไงนะ

สัญญาณโทรศัพท์นั้นดังติดๆ กันไม่หยุดจนเธอชักรำคาญ ต้องเคาะประตูห้องน้ำบอกคนเป็นเพื่อนว่า

"ไอ้วินโทร.มาแปดร้อยครั้งแล้ว จะให้รับมั้ย เราดูทีวีไม่รู้เรื่องว่ะ"

"แกปิดเครื่องไปเลยออย" ฝ่ายนั้นกลับตอบเสียงดัง

อรชุมามองโทรศัพท์ในมืออย่างแปลกประหลาด เธอใช้โทรศัพท์รุ่นล่าสุดของคนเป็นเพื่อนเป็นที่ไหนกันล่ะ ยิ่งไม่ค่อยรู้เรื่องเทคโนโลยีอยู่ด้วย คนคิดละล้าละลังลองกดปุ่มต่างๆ อย่างเดาสุ่ม

แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นชื่อของใครคนหนึ่งในกล่องข้อความ ชื่อนั้นไม่แปลก ถ้ามันจะมาปรากฎอยู่ในกล่องข้อความของธารขวัญ ในฐานะเพื่อนร่วมคณะที่คงต้องมีเรื่องติดต่อกันบ้าง

แต่เวลาที่ปรากฎนี่ซิ..ธารขวัญเก็บข้อความจากใครคนนั้นไว้ทำไมกัน ในเมื่อข้อความนั้นถูกส่งมาเมื่อเวลาเกือบหนึ่งปีมาแล้ว !

เสียงโทรศัพท์เงียบลงไปแล้ว หากคนนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับโทรศัพท์ในมือยังคงนิ่งอ่านข้อความนั้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะยิ้มออกมาได้เมื่อเห็นข้อความที่ธารขวัญส่งตอบไป ซึ่งยังถูกบันทึกเอาไว้เช่นกัน

นึกว่าฉันไม่รู้จักเพลงที่เธอส่งไปให้เขาหรือไง..ยายขวัญเอ๊ย
นึกว่าจะแน่ซักแค่ไหน แค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงได้เบื่อไอ้วินนัก..



"เฮ้อ นี่ไม่ได้นอนคุยกันสบายๆ อย่างนี้มาสี่ปีแล้วนะ คิดถึงแกจัง" ธารขวัญเปรยออกมาด้วยน้ำเสียงแจ่มใสขึ้น เมื่อทั้งเธอและอรชุมามานอนเอกเขนกอยู่บนเตียง คุยเรื่องสัพเพเหระไปได้ครู่ใหญ่ จนรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเริ่มจะกลับคืนมาอีกครั้ง

"คิดถึงแกเหมือนกัน ตั้งแต่แกขึ้นปีสี่นี่ไม่ค่อยติดต่อเราไปเลยนี่นา" คนเป็นเพื่อนแซวยิ้มๆ

"มัวยุ่งเรื่องเรียนหรือเรื่องหัวใจล่ะ"

แค่ได้ยินคำว่า..เรื่องหัวใจ..ธารขวัญก็ทำหน้าเมื่อยแทบจะในทันที อรชุมารู้ว่าตัวเองน่าจะจี้ถูกจุดแล้ว จึงรุกต่อ

"ว่าไง เราว่าเรื่องแกกับวินมันต้องมีอะไรแน่ๆ เล่ามาเถอะน่า ตอนนี้ไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์แพงๆ รีบใช้เวลาให้คุ้มซิ"

"เรื่องเพื่อนมากกว่า" คนตอบๆ หน้าเฉย

"อ้าว" คนเป็นเพื่อนแทบจะไม่เชื่อหู

"คนอย่างแกนี่มีปัญหากับเพื่อนเป็นด้วยเหรอ"

"มีซิ" ธารขวัญถอนใจอย่างเหน็ดเหนื่อย "เรื่องแววไง"

"อ้อ ที่คราวก่อนแกบ่นๆ ไปในจดหมายซินะ แล้วอะไรวะ ตกลงมันเรื่องอะไรกัน นี่ผ่านมาเกือบปีแล้วยังไม่จบไม่สิ้นกันอีกเหรอ"

"ก็เรื่องขัดใจกันธรรมดา" ธารขวัญหลบตาคนเป็นเพื่อน "ไม่มีไรหรอกน่า บ่นไปงั้นแหละ พอเหอะ เราไม่อยากนินทาเค้า" เธอตัดบท หากก็ต้องสะดุ้ง จ้องหน้าคนเป็นเพื่อนอย่างตกใจ เมื่ออรชุมาถามขึ้นหน้าตาเฉยว่า

"เรื่องไอ้โยล่ะซิ"

"บ้า แกไปเอามาจากไหน มันเกี่ยวอะไรด้วย" เธอถามเสียงแข็ง

อีกฝ่ายยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจท่าทีของเธอ หากพูดต่อยิ้มๆ ว่า

"ไม่รู้เหรอ ก็เห็นแกไม่พูดถึงมันเลยคราวนี้ เมื่อก่อนเห็นด่าในจดหมายเป็นฉากๆ"

"ก็ไม่มีเวลาเขียนจดหมาย" ธารขวัญอุบอิบตอบ "มันก็กะล่อนจนน่าหมั่นไส้เหมือนเดิม แล้ว เราก็เกลียดมันเหมือนเดิมแหละ แต่ขี้เกียจจะไปด่าให้แกฟังแล้ว เสียเวลาทั้งคนอ่านคนเขียน" เธอทำเสียงอย่างจะบอกให้รู้ว่าเป็นเรื่องไร้สาระจริงๆ

"ปีสี่นี่ยุ่งจะตาย ต้องอยู่เวรวอร์ดอย่างกับหมอจริงๆ นี่แกโชคดีมากเลยนะที่กลับมาตอนเราสอบเสร็จ แล้วก็ว่างอยู่สองอาทิตย์เนี่ย" คนพูดต้องพยายามเปลี่ยนเรื่อง หากดูเหมือนคนเป็นเพื่อนจะไม่ให้ความร่วมมือนัก เมื่อพูดต่ออย่างไม่สนใจกับคำพูดของเธอว่า

"เขาว่า..เกลียดสิ่งไหนมักจะได้สิ่งนั้นนะขวัญ..นี่แกไปหลงรักอะไรที่แกเกลียดรึเปล่า"

"แกพูดเรื่องอะไรของแก" ธารขวัญขมวดคิ้ว หากอีกฝ่ายยังคงยิ้มอย่างมีเลศนัย


"เรื่องเพลงที่แกได้รับ แล้วก็เพลงที่แกส่งให้คนที่แกเกลียดน่ะซิ !"



.................................................................................................


ตอนนี้มาช้าไปนิดนึง เมื่อคืนเปิดบล็อกไม่ได้เลยค่ะ พันทิปอืดม้ากก
ขอโทษคนอ่านด้วยค่า

เรื่องนี้อีกสี่ตอนก็จบแล้วค่า คนเขียนเอาทั้งเรื่องมาอ่านใหม่จนจบก็อยากจะแก้จริงๆ เลยยย
ตัวละครแต่ละคนๆๆๆ ไม่ได้ดั่งใจเล้ยยยย พวกนี้เนี่ย

แต่ก็ไม่แก้ล่ะค่ะ ให้ไม่เอาไหนกันต่อไปอย่างงี้และเนอะ เจ็บปวดดี 555




Create Date : 23 กรกฎาคม 2551
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 15:06:54 น. 3 comments
Counter : 448 Pageviews.

 
ลงมารวดเดียวเลยไม่ได้เหรอ


ขัดใจจริงๆ


สู้ต่อไปนะ


โดย: กช IP: 58.136.98.66 วันที่: 23 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:43:43 น.  

 
เอ.. ไม่รู้จักเพลงที่ส่งเหมือนตาโยเรยง่ะ เพลงไรของใครอ่ะคะ
ดีละค่ะ อย่าแก้เลย จาได้รู้ว่าคนเขียนใจร้ายแค่ไหน 555

ปล. อีก 4 ตอน ถ้าลงอาทิตย์ลาตอน งี้อีกซักเดือนค่อยมาอ่านทีเดียวก็ได้เนอะ ^^


โดย: Life's for Rent วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:32:45 น.  

 
คุณกช แหะๆๆ ลงรวดเดียวเลยหรอคะ กลัวคนอ่านอ่านไม่ไหวอ่า แบบต้องทยอยอ่าน
แต่ตั้งใจว่าจะลงทุกสามวันอ่าค่ะ จะได้มีเวลาอ่านนานหน่อยเนาะ


คุณไลฟ์ กี๊ดด คนเขียนมะได้ใจร้ายน้า แค่อมหิต จิตๆ เท่านั้นเอง ฮ่าๆ ส่วนเพลงของนายโยเด๋วมีเฉลยค่า

กะจะลงสามวันตอนอ่ะค่ะ (แต่ก้อลุ่มๆ ดอนๆ แหะๆๆๆ) รอจบแล้วมาอ่านรวดเดียวก้อได้ค่า ฮี่ๆๆ



โดย: โยษิตา วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:52:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โยษิตา
Location :
Kobe Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นคนไทย แต่ระหกระเหินมาใช้ชีวิตตัวคนเดียวที่ประเทศหมู่เกาะประเทศหนึ่ง กินเวลาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่รู้จะได้กลับเมื่อไหร่ (โถ่)

เป็นคนจับจดมาก อยากทำไปทุกอย่าง แต่ทำไม่ได้ดีซักอย่าง รู้น้อยกว่าเป็ด ควรจะเรียกว่ารู้อย่างลูกเป็ด หรือไข่เป็ด

ที่แน่ๆ ชอบอ่านกระทู้พันทิป มากถึงมากที่สุด



Longer - Dan Fogelberg
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add โยษิตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.