--but life goes on, and this old world will keep on turning--
แค่คนข้างใจ (จบ)

13 (ตอนจบ + บทส่งท้าย)


ธารขวัญเปิดประตูห้องและปิดมันลงอย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าคนบนเตียงนอนหลับสนิท ดวงหน้าขาวนั้นยิ่งเผือดซีด เมื่ออยู่ในแสงสว่างมัวๆ ของหลอดฟลูออเรสเซนต์

ห้องเงียบ จนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศดังแผ่วๆ ธารขวัญมองนาฬิกา เพิ่งจะทุ่มกว่าๆ เธอรับปากมารดาของฝ่ายนั้นว่าจะอยู่เป็นเฝ้าไข้แทนอย่างเคย อย่างที่ทำอยู่เป็นประจำ ตลอดเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา

ธารขวัญวางแจกันที่ถือติดมือมาด้วยลงที่โต๊ะข้างเตียง ไม่ใช่ช่อดอกไม้สวยงาม ที่ใครต่อใครซื้อมาวางไว้หลายต่อหลายช่อ หากเป็นกิ่งนมแมว ที่เธอตัดมาจากบ้านเมื่อบ่ายนี้ เลือกเอากิ่งที่มีดอกแย้ม เพื่อที่มันจะได้บาน หอมละมุนในเวลาค่ำอย่างตอนนี้ ต้นนมแมวที่เขาช่วยเธอเลือกเมื่อสี่ปีมาแล้ว ซึ่งบัดนี้เติบโตขึ้นจนเป็นพุ่มใหญ่ กลิ่นหอมอวลอยู่ทุกเวลา

เขาจะจำมันได้ไหม..


ธารขวัญนั่งลงข้างบนเก้าอี้เตียง มองดูดวงหน้าคุ้นตา ที่ยามหลับสนิทนั้นราวกับเด็กชายซนๆ ที่เล่นมาจนเหนื่อยอ่อนแล้วก็ผล็อยหลับไป รอยยิ้มบางๆ นั้นยังติดอยู่ที่มุมปาก เขาอาจจะเป็นสุขกับโลกของความฝันในตอนนี้ มากกว่าที่จะต้องตื่นขึ้นมาต่อสู้กับชีวิตที่เป็นจริงก็ได้ คนคิดถอนใจ เปิดวิทยุกระเป๋าหิ้วที่หยิบติดมือมาจากห้องพักเวร เพื่อไม่ให้ห้องเงียบจนเกินไป

นึกถึงคำพูดของวรางค์เมื่อวันก่อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ วันนี้เธอลาเรียนภาคเช้า เพื่อไปส่งอรชุมาที่เดินทางกลับโดยเที่ยวบินในตอนสาย และคำพูดของคนเป็นเพื่อน ก่อนที่จะเข้าสู่ประตูผู้โดยสารขาเข้านั้น ก็คือคำพูดเดียวกับที่วรางค์พูดกับเธอในวันก่อนนั่นเอง

"แกจะจับปลาสองมืออยู่อย่างนี้น่ะเหรอ" ฝ่ายนั้นถามขึ้นลอยๆ เมื่อนั่งกินอะไรง่ายๆ รอเวลาขึ้นเครื่องอยู่ในร้านกาแฟของสนามบิน

ธารขวัญเงยหน้าจากแก้วกาแฟ มองคนเป็นเพื่ออย่างเบื่อๆ

"แกเลิกพูดเรื่องนี้ซะทีเหอะ จะพูดอีกกี่ทีเราก็ยืนยันคำตอบเดิม คือเราจะไม่ทิ้งวิน โอเค.มั้ย"

อีกฝ่ายโบกมืออย่างรำคาญ

"คบกับวินโดยที่รักไอ้โยน่ะเหรอ.."

"จะให้บอกกี่ครั้งว่าวินไม่ได้ทำอะไรผิด เราไม่อยากทำร้ายคนที่รักเรามากอย่างนั้น"

อรชุมาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยในทุกทาง

"แล้วแกก็ทำร้ายคนที่แกรัก แล้วก็ทำร้ายตัวเองแทนใช่มั้ย มันจะเป็นคนดี เป็นนางเอกผู้อ่อนโยนเกินไปมั้ง ติดนิสัยไอ้วินมาหมดเลยจริงๆ นะแกนี่"

ธารขวัญต้องเปลี่ยนเรื่องอย่างไม่อยากทะเลาะด้วย หากฝ่ายนั้นก็ไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย เมื่อถามต่อหน้าตาเฉย

"ไอ้โยมันมีอะไรเสียหาย แกถึงไม่เลือกมันน่ะ หรือเพราะมันยังจำอะไรไม่ได้ แต่แกก็บอกเองนี่ว่ามันต้องหาย"

"เรื่องนั้นไม่เกี่ยวเลย แกอยากรู้ใช่มั้ยว่าทำไม" ธารขวัญเริ่มมีโมโห เพราะเรื่องนี้นั้นพูดกันมาไม่รู้ว่ากี่ครั้ง จนเธอเบื่อที่จะโต้เถียงด้วยแล้ว

"มันเจ้าชู้ไง ข้อเดียวง่ายๆ เลย เราเห็นมาตลอดว่าแววโดนอะไรมาบ้าง เราไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับคนอย่างนั้นหรอก.."

ยังไม่ทันขาดคำ คนเป็นเพื่อนก็ย้อนว่า

"แล้วอย่างไอ้วินนี่ ไม่เจ้าชู้ใช่มั้ย"

"ก็ใช่น่ะซิ" เธอตอบทันควัน "ไม่เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงเลย ตั้งแต่คบกันมา"

"แล้วเรื่องยายนุชอะไรนั่นละ" อีกฝ่ายค้านเสียงเรียบ ก่อนจะพูดยืดยาว

"แกไม่ต้องมาอ้างว่ามันทำไปเพราะแค่สงสาร สันดานผู้ชายนะขวัญ ถ้าแค่สงสารมันไม่ไปช่วยเค้าอยู่เป็นปีๆ อย่างนี้หรอก แต่แกพยายามเชื่อว่ามันทำอย่างนั้นเพราะสงสาร เพราะมันเป็นคนดี เป็นเทพบุตรที่น่าบูชาของแกเท่านั้นเอง.."

เธอไม่มีโอกาสได้เถียง เมื่อฝ่ายนั้นพูดต่อเสียงเข้มว่า

"อย่าทรมานตัวเองเลยขวัญ เราอยากให้แกให้โอกาสตัวเองนะ คิดดูดีๆ อย่าทำร้ายไอ้โยนักเลย.."


ธารขวัญมองหน้าคนเป็นเพื่อน ถามอย่างประชดๆ ว่า

"รู้สึกว่าแกจะชื่นชมมันเหลือเกินนะ รักมันนักหรือไง.."

แล้วก็ต้องอึ้งไปนาน เมื่ออีกฝ่ายตอบด้วยเสียงเรียบ หากดวงตามีหยดน้ำคลอคลองว่า

"ใช่..รัก..รักมาก..ถึงได้บอกนี่ไงว่าแกเป็นคนที่โชคดีที่สุด ที่คนที่แกรัก เค้ารักแก แต่สำหรับเรา.. คนที่เรารักไม่ได้รักเรา.." ฝ่ายนั้นมองตาเธอนิ่ง

"เพราะเค้ารักแก.."


ธารขวัญมองคนที่ยังนอนหลับอย่างหมั่นไส้ขึ้นมานิดๆ เสน่ห์แรงจริงนะพ่อคุณ เธอเองยังไม่เคยรู้เลยว่าอรชุมารักคนตรงหน้าเธอขนาดนี้ ..ไม่เคยแม้แต่จะสังเกตเห็นด้วยซ้ำ ความรู้สึกบางอย่างวาบขึ้นมาอย่างประหลาด

นี่เอง..ที่อรชุมาเฝ้าแต่ย้ำให้เธอเลือกภิญโญ ธารขวัญเพิ่งเข้าใจเมื่อตะล่อมถามคนเป็นเพื่อน จนได้เรื่องว่า ฝ่ายนั้นติดต่อกับภิญโญตลอดมา โดยที่คราวนี้ก็กลับมาเพื่อเป็นแม่สื่อให้อย่างที่เขาต้องการ หากก็ยังไม่ทันสำเร็จ ก็เกิดเรื่องเสียก่อน


ประโยคสุดท้ายก่อนที่อรชุมาจะลับหายไปในช่องทางเดินยังก้องอยู่ในความรู้สึก ธารขวัญสะบัดศีรษะแรงๆ ราวกับจะให้ความคิดที่สับสนวุ่นวายหลุดออกจากสมองให้หมด

"รักไอ้โยเถอะขวัญ...เพราะแกยังมีโอกาสที่จะรัก..และมันก็รักแกมาก..อาจจะมากกว่าที่แกรักมันด้วยซ้ำ.."

เสียงวิทยุบอกให้รู้ว่ากำลังเข้าสู่รายการข่าว เมื่อถึงเวลาสองทุ่ม ไม่อยากฟังข่าว..ธารขวัญเปิดกระเป๋าถือ หยิบเทปม้วนหนึ่งออกมาใส่แทน ก่อนจะกดให้เทปเดินไป


เทปม้วนนั้นเป็นเพลงสากลเก่าๆ ที่เธอหยิบติดมือมาจากบ้าน มีเพลงที่เธอชอบนักหนา เพลงที่อยู่ในมุมที่ลึกที่สุดของหัวใจเธอมาช้านาน


..... If I had to live my life without you near me
..... The days would all be empty
..... The nights would seem so long
..... With you I see forever oh so clearly
..... I might have been in love before
..... But it never felt this strong



ถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือกแล้วใช่ไหม เลือก..แม้ว่าเธอจะไม่อยากเลือกใคร ในเมื่อทั้งสองฝ่าย ต่างก็มีความหมายกับหัวใจเธอไปไม่น้อยไปกว่ากัน

หากเธอเลือกธาวิน คนที่เธอ 'คิด' ว่าเขาอยู่ในใจเธอมาช้านาน เธอก็จะมีชีวิตที่มั่นคง เป็นสุข เพราะเขาคนนั้นจะไม่มีวันทำร้ายเธออย่างที่ผ่านๆ มา เธอแน่ใจ แน่ใจว่าเขารักเธอมากมาย อย่างวันพรุ่งนี้..เขาก็นัดจะมารับเธอไปกินอาหารเย็น หลังจากเธอออกเวร..อย่างที่ทำเป็นประจำทุกวันที่เขาสามารถจะมาได้ โดยไม่เคยหงุดหงิดกับท่าทีอารมณ์เสียที่เธอมีกับเขาบ่อยๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา..

แต่หากเลือกภิญโญ เธอก็คงต้องเจอเหตุการณ์อย่างที่วรางค์เจอ เพราะผู้ชายเจ้าชู้ กะล่อนจนจับไม่ทันอย่างเขาคนนี้ เธอจะต้องร้องไห้ไปอีกกี่ครั้ง หรืออาจต้องโดนทิ้งอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวในวันใดวันหนึ่งก็ได้ ถึงวันนั้น เธอจะทำอย่างไร..

ที่สำคัญ..เขาจะได้ความทรงจำกลับมาหรือเปล่ายังไม่รู้เลย..


เห็นชัดๆ ว่าเธอควรเลือกใคร..ธารขวัญส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด แล้วอะไรกันหนอที่ทำให้เธอต้องมานั่งลังเลอยู่อย่างนี้


..... Nothing's gonna change my love for you
..... You ought know by now how much I love you
..... One thing you can be sure of
..... I'll never ask for more than your love



เสียงใครคนหนึ่งที่ร้องคลอไปกับบทเพลงทำให้ธารขวัญสะดุ้งขึ้นทั้งตัว ไม่รู้ตัวเลยว่าอีกฝ่ายหนึ่งตื่นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอจับมือคนบนเตียงที่นอนลืมตามองเพดานอย่างเลื่อนลอยไว้มั่น เรียกเสียงดังจนแทบเป็นตะโกน

"โย ! โยว่าอะไรนะ ร้องเพลงเหรอ ร้องใหม่ซิ"

นาน..ช้า.. กว่าดวงตาที่เหม่อลอยของอีกฝ่ายจะกะพริบ เสียงที่เปล่งออกจากปากแหบพร่า หากเธอก็ได้ยินมันชัดเจนดี..

"เพลง..ไม่ใช่เพลงนี้.."


ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของอีกฝ่ายจับที่ใบหน้าเธอ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะคลี่ยิ้ม



"เพลงนี้ต่างหาก"



..... ไม่ว่าเป็นที่เท่าไหร่ของเธอ.....
..... เธอก็คือที่สุดเสมอไป.....
..... ถ้าเผื่อเธอพอมีเหลือแม้เพียงเสี้ยวใจ.....
..... จะแบ่งปันให้ฉันบ้างรึเปล่า.....




ทำนองเพลงแม้จะยังกระท่อนกระแท่น ด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่ปกตินัก ครู่เดียว..ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะกลับไปเลื่อนลอยดังเดิม ..เขายังจำได้ไม่หมดหรอก อย่างน้อย เขาก็คงต้องฟื้นฟูความทรงจำอีกนาน เธอคิดเช่นนั้น บางที เขาอาจไม่ได้ความทรงจำกลับมาครบถ้วนด้วยซ้ำ..


หากเธอก็ตัดสินใจได้ในวินาทีนั้น.. ว่าเธอจะเลือกใคร.. ไม่ว่าเขาจะสามารถกลับมาเป็นคนเดิมได้หรือไม่ ไม่ว่าเธอจะต้องถูกครหาจากคนรอบตัวอีกมากเท่าใด และไม่ว่าเธอต้องทำร้ายผู้ชายอีกคนหนึ่งที่รักเธอมากมาย ไม่ว่าจะมีข้อแม้ใดๆ...


ไม่มีเหตุลผลหรือ ความเหมาะสม ไม่มีความถูกต้อง ไม่มีความลังเลไม่แน่ใจอีกแล้ว เมื่อเธอบีบมือของอีกฝ่ายแน่น มองดวงหน้าซีดเซียวนั้นเต็มตา แม้ภาพที่เห็นจะพร่ามัวด้วยละอองน้ำตาที่เริ่มไหลริน

เขาอาจจะเป็น..คนข้างใจ..ที่อยู่ใกล้..จนเธอมองไม่เห็นมาช้านาน

แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้..ว่าวันนี้..เขาคือ...คนใกล้ใจ..ที่เธอแน่ใจว่าอยู่ใกล้ใจเธอมากกว่าใคร เธอแน่ใจ ณ วินาทีที่เขาร้องเพลงเมื่อครู่ออกมานี่เอง..


ประโยคสุดท้ายของเพลงที่เขาร้องยังคงก้องกังวาน ราวกับจะเป็นคำถาม..



. . . . . . รั ก ฉั น บ้ า ง รึ เ ป ล่ า. . . . . . . . . ค น ดี



ธารขวัญไม่ได้ตอบ หากเพียงวางมืออีกข้างลงบนมือเขา ก่อนจะยกมันขึ้นประทับริมฝีปากอย่างแผ่วเบา.. ยิ้มออกมาทั้งหยดน้ำตาที่ยังพร่าพราย


บางทีพรุ่งนี้..เมื่อเธอตื่นขึ้นมา..เธออาจจะพบว่า คนข้างใจ..คนนี้..กลายเป็นคนที่อยู่กลางใจเธอก็ได้..


เพียงแค่เขาจะจำเธอได้..


บางที..พรุ่งนี้



.................................................................................................



บทส่งท้าย


แสงแดดจัดของยามบ่ายลอดซุ้มไม้หนาลงมาเพียงบางเบา อ่อนโยนราวกับเป็นแสงแดดยามเช้า สายลมเย็นๆ พัดเอื่อยๆ มาจากริมแม่น้ำ เสียงนกร้องเพลง กับกลิ่นหอมของดอกไม้ไทยบางชนิดที่โชยชาย ทำให้บรรยากาศตอนนั้นแสนสบาย จนธารขวัญเริ่มจะง่วงขึ้นมานิดๆ หากก็คงนอนไม่ได้..

เธอก้มลงมองดวงหน้าของคนที่นอนหนุนตักเธอหลับสนิท ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างหมั่นไส้แกมเอ็นดู ดวงหน้าคม ผิวสะอ้านนั้นน่ามองนัก เมื่ออยู่ใต้ร่มเงาของแสงแดดอ่อน ซึ่งแรเงารูปหน้าของเขาจนกระจ่างจับตาอย่างประหลาด

ที่หางคิ้วซ้ายยังมีรอยแผลเป็นจางๆ แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานนัก แต่รอยแผลนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะลบเลือนไป

ไม่ต่างจากเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น และจบลงไปในเวลาสองปีที่ผ่านมา เรื่องราว..ที่ยังคงเป็นรอยแผลกรีดลึกอยู่ในใจทุกคน ราวกับไม่มีวันจะจางไปกับกาลเวลา..


แม้ว่าความทรงจำของภิญโญจะย้อนคืน แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งร้อยเปอร์เซนต์ ยังมีบางอย่างที่เขาคงต้องใช้เวลาคิด กับอีกบางอย่างที่เขาลืมเลือนมันไปอย่างถาวร เขาต้องพักการเรียนในปีนั้นไว้ ก่อนจะกลับมาเรียนอีกครั้งในปีถัดไป ซึ่งก็ทำให้เขาต้องจบช้าลงกว่าเธอซึ่งกำลังจะจบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่เขาต้องไปจบพร้อมรุ่นน้องรุ่นถัดไป

บุคลิกภาพบางอย่างของเขาเปลี่ยนแปลงไป อันเป็นอาการที่หลงเหลือของการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงของสมอง แม้จะไม่มากจนถึงกับเปลี่ยนเป็นคนละคน แต่มันก็ทำให้เธอวาบลึกในใจทุกครั้งที่เห็น ว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นร้ายแรงนัก จนเธอเกือบจะเสียเขาไปแล้ว เสียไปโดยที่เธอยังไม่เคยได้เข้าใจความรู้สึกแท้จริงของตัวเองด้วยซ้ำ

แต่นั่นก็ทำให้เธอบอกตัวเองได้อย่างมั่นคงว่า เธอจะไม่มีวันยอมสูญเสียเขาไปอีก ไม่ว่าจะต้องทำร้ายใครอีกกี่คน เป็นข่าวลือให้คนครหาอีกสักกี่ครั้ง หรือต้องยอมสูญเสียใครอีกคนที่เธอรักมากไม่แพ้กันอย่างธาวิน

แต่ก็ไม่มีทางอื่นใด ในเมื่อเธอรู้ใจตัวเองเสียแล้ว..


เมื่อความคิดโยงไปถึงธาวิน ธารขวัญก็อดถอนหายใจหนักๆ ออกมาไม่ได้ ตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้างนะ เธอไม่ได้เจอเขามากว่าหนึ่งปีเต็มๆ

หลังจากที่ภิญโญเริ่มฟื้นความทรงจำ ซึ่งทำให้ธารขวัญแทบไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหน เพราะอาจารย์หมอเจ้าของไข้ฝากฝังให้เธอกับเพื่อนอีกหลายคนติดตามความเปลี่ยนแปลงของอาการนั้นอย่างใกล้ชิด เนื่องจากถือเป็นเคสสตัดดี้ และคนไข้ก็เป็นนักศึกษาของคณะ


ธาวินยังคงแวะเวียนมาหา มาพูดคุยปลอบโยนเธอเช่นเดิม ทั้งที่เขาก็คงรู้จากท่าทีของเธอแล้วว่า เธอตัดสินใจอย่างไร ไม่มีคำพูด คำตัดพ้อต่อว่าใดๆ จากเขา ไม่มีแม้แต่คำบอกลา เมื่อเขาเดินออกจากชีวิตเธอไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ไม่ว่าจะถึงเธอหรือภิญโญ

เขายังคงเป็นสุภาพบุรุษ ที่อ่อนโยน มีแต่ความดีงามในหัวใจอยู่อย่างเดิม อย่างที่เขาเคยเป็น เคยปฏิบัติต่อเธอมาช้านาน แต่ก็คงจะเป็นเพราะความอ่อนโยนนี้เอง..ที่ทำให้เขาไม่สามารถอยู่ในฐานะเพื่อนของเธอหรือเพื่อนรักของภิญโญได้อีกต่อไป หากยินดีจะจากไปเงียบๆ ราวกับจะตัดทั้งเธอและคนเป็นเพื่อนออกจากชีวิตอย่างถาวร


ภิญโญเองก็ขรึมลงไป เมื่อพยายามติดต่อกับคนเป็นเพื่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จใดๆ เมื่อไม่มีการติดต่อกลับ เพิ่งจะได้รู้ข่าวจากเพื่อนเก่าคนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ว่า ฝ่ายนั้นขึ้นไปทำงานที่เชียงใหม่ได้เกือบปีแล้ว

แม้คนข้างกายเธอจะมีท่าทีไม่แยแสกับคำพูดกระทบกระทั่งของคนรอบตัว ที่ว่าเขาเป็นคนทำร้าย หักหลังเพื่อนรักที่คบกันมานานปี เจ้าตัวก็เพียงแค่ยักไหล่ บอกหน้าเฉยอย่างเคยว่า
"เรื่องของหัวใจ เราทำอะไรไม่ได้หรอก นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว"

แต่เธอก็รู้ ภายในใจเขาคงรู้สึกผิดมากมาย เพราะในแววตายามที่เขาเหม่อลอยนั้นหม่นเศร้า ราวกับจะหวนนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่แสนไกล..ความทรงจำของมิตรภาพที่ยาวนาน ซึ่งจบลงเพราะความเห็นแก่ตัวของเขาและเธอ..อย่างที่ใครต่อใครพากันกล่าวหาจริงเสียด้วย


วรางค์คืออีกคนหนึ่งที่เธอเสียไป แม้ว่าวันนี้ฝ่ายนั้นจะคบหากับใครคนใหม่ไปแล้ว โดยที่ก็น่าจะมีความสุขกว่าเมื่อครั้งที่คบกับภิญโญเสียอีก เพราะเขาคนนั้นมั่นคง จริงจังกับเธอจนเป็นที่อิจฉาของใครต่อใคร จนธารขวัญก็หวังว่าวรางค์คงจะลืมภิญโญไปแล้ว เพราะฝ่ายนั้นก็พูดคุยกับเธอและเขาเป็นปกติดี ยิ้มหัวอย่างร่าเริงเฉกเดิม

หากอะไรบางอย่างในแววตานั้นต่างหาก ที่บอกว่าวรางค์ไม่ได้ลืมได้รวดเร็วอย่างที่ใครๆ คิด มีความเย็นชาบางอย่าง แม้จะเพียงแค่เงารางๆ ในความรู้สึก หากเธอก็สัมผัสมันได้ แล้วก็ได้แต่วาบลึกในใจ

ความรู้สึกบางอย่างที่สูญเสียไปแล้ว คงไม่มีทางกลับคืนมาได้อย่างสนิทใจดังเดิม แต่เธอก็เพียงแต่หวัง..ว่าวันหนึ่ง เมื่อความเจ็บปวดทั้งหมดจางไป..เธอจะได้เพื่อนรักคนเดิมกลับคืนมา และคิดว่าภิญโญเองก็คงรู้สึกไม่ต่างไปจากเธอ..ที่ยังคงรอคอยวันที่ธาวินจะให้อภัย และกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ดังเดิม

แม้ความรู้สึกนั้นจะไม่มีวันเหมือนวันวานอีกแล้ว...


คนที่นอนหนุนตักเธอขยับลุก ขยี้ตาด้วยกิริยาคล้ายแมวซนๆ ที่ตื่นนอนอย่างงัวเงีย อย่างที่เธอเคยเห็น 'ไอ้เล็ก' ของเขาทำได้เหมือนกันเปี๊ยบ โดยที่ไม่รู้ว่าใครลอกใคร

"หลับไปนานเลย จะเย็นแล้วนี่นา เมื่อยมั้ยขวัญ" เขาถามอย่างสำนึกผิด ทั้งๆ ที่หน้าระรื่น

"เมื่อยซิ ถามได้" เธอตอบอย่างฉุนๆ หลับไปตั้งเกือบชั่วโมงยังมีหน้ามาถาม

"ขอโทษครับผม งั้นคืนนี้อนุญาตให้หนุนตักผมนอนได้ทั้งคืนเลยดีมั้ยครับ" คนพูดหลิ่วตาล้อ

"บ้า ใครเขาจะนอนด้วย" ธารขวัญรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เธอทำตัวไม่เหมาะสมนักหรอกที่ออกมาค้างอ้างแรมกับเขาที่บ้านต่างจังหวัดของเขาอย่างนี้ แม้จะไม่ได้อยู่กันสองคนก็เถอะ

แต่เธอก็ยังยินดีที่จะมากับเขาทุกครั้ง เพราะเธอเองก็ชอบเรือนไทยริมแม่น้ำที่ร่มครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่ หอมอวลด้วยดอกไม้หอมอยู่ทุกเวลาอย่างนี้นัก

ชอบที่จะออกมานั่งรับลม ฟังเขาเล่นกีตาร์งูๆ ปลาๆ อย่างเคย ที่ใต้ซุ้มราชาวดีที่ริมชานแห่งนี้ เพราะมันคือที่ๆ ทั้งเขาและเธอต่างก็รักมันที่สุด ด้วยความทรงจำงดงาม ภายใต้แสงดาวและกลิ่นดอกไม้หอม เมื่อกว่าห้าปีที่ผ่านมา


"เย็นนี้อยากกินอะไรขวัญ" เขาบิดขี้เกียจ..ก็ไม่ต่างไปจากท่าทีของเจ้าอเล็กซานเดอร์นั่นเอง

"พูดอย่างกับจะทำเอง ที่แท้ก็จะไปอ้อนให้ป้าภาทำให้ใช่มั้ยล่ะ" เธอดักคออย่างรู้ทัน

อีกฝ่ายทำหน้ามุ่ย

"ยังไม่ได้บอกซักหน่อยว่าจะทำเอง แต่จะชวนไปเก็บดอกโสนมาให้ป้าภาทำน้ำพริกกะปิตะหาก"

ธารขวัญหัวเราะคิกอย่างอดไม่อยู่

"ลูกทุ่งดีมาก คุณหมอภิญโญ" เธอต้องพยายามหยุดขำ

"เหมือนไอ้ขวัญกะอีเรียมชวนกันไปเก็บสายบัวอย่างงั้นเลย"

อีกฝ่ายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

"งั้นต้องแก้ผ้าลงเล่นน้ำด้วยกันด้วยใช่มั้ย งั้นไปเลย" คนพูดฉุดมือเธอให้ลุกขึ้น พยายามจะใช้ท่อนแขนล็อกคอเธอให้อยู่ในอ้อมกอดเขาจนได้

"โอ๊ย...ปล่อยนะ ตาบ้า นี่จะบ้าเหรอ หายใจไม่ออก" ธารขวัญร้องแทบจะตะโกน กางเล็บข่วนอีกฝ่ายหนึ่งอย่างที่เธอเองก็ไม่รู้หรอกว่า เลียนแบบมาจากเจ้าแมวตัวกลมเหมือนกัน

"ผู้หญิงนี่ไม่มีคำด่าอื่นนอกจากบ้ารึไงนะ พูดซ้ำๆ อยู่ด้าย.." เสียงอีกฝ่ายพึมพำพลางหัวเราะ เอี้ยวตัวหลบกรงเล็บเธออย่างช่ำชอง


หากก่อนที่เธอจะได้ตอบอะไร เสียงโทรศัพท์ติดตามตัวของเขาดังขึ้นเสียก่อน ฝ่ายนั้นสะดุ้งสุดตัว ปล่อยมือจากเธอแทบจะในทันที เมื่อรีบตะครุบโทรศัพท์ออกมากดปิดอย่างลนลาน ยิ้มแหยๆ เมื่อเธอแบมือ มองนิ่งโดยไม่พูดอะไร ในที่สุดก็ส่งให้อย่างจนมุม พึมพำเป็นทำนองว่า..เค้าโทรผิดน่ะ..อย่าสนใจเลย

"น้องอ้อ..ใคร" เธอถามเสียงเรียบ เมื่อเห็นชื่อของผู้โทร.เข้าที่แสดงบนหน้าจอ

อีกฝ่ายกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ตอบอุบอิบอยู่ในลำคอว่า

"คนไข้ เค้าออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว แต่ขอเบอร์โยไปด้วยน่ะ คงมีอะไรอยากปรึกษาเรื่องอาการกำเริบมั้ง"

"อาการอะไรกำเริบ ไข้ใจใช่มั้ย หรือติดเอดส์ไปจากนักศึกษาแพทย์เจ้าของไข้" เธอถามเสียงหนักๆ อีกฝ่ายสะดุ้ง ทำตาค้อนๆ

"เฮ่ย พูดอะไรน่ากลัว ไม่มีอะไรหรอกขวัญ แค่เค้ามาปลื้มโยน่ะ น่า อย่าหึงซิ นะ" เสียงออดอ้อนอย่างนั้นไม่มีใครทำได้เหมือน


ธารขวัญส่งโทรศัพท์คืน ฝากรอยเล็บไว้ที่อุ้งมืออีกฝ่ายทีหนึ่ง ก่อนจะบอกหน้าเฉย ไม่สนใจกับอาการของคนร้องโอดโอย ที่กี่ปีๆ ก็ยังกะล่อนจับไม่ติดเหมือนเดิม ตอนที่สมองกระทบกระเทือน ทำไมนิสัยส่วนนี้ไม่ยักหายไปบ้างนะ

"ไม่ได้หึง แต่ไม่อยากให้มีคดีฆ่าหั่นศพอย่างที่หมอเค้าฮิตๆ กันอยู่..เท่านั้นเอง"

อีกฝ่ายกลืนน้ำลายลงคอย่างยากเย็นอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มแหย

"จ้า ไม่ทำแล้วจ้า สัญญา สาบาน ปฏิญาณเลย อย่าโกรธนะขวัญนะ ไม่มีอะไรจริง จริ๊ง"
คนพูดลงทุนทำเสียงเล็กเสียงน้อย


ธารขวัญย่นจมูกอย่างหมั่นไส้ ทุกที พูดอย่างนี้ทุกที แล้วก็จะไปเที่ยวหว่านเสน่ห์..ซึ่งก็ไม่ค่อยมี..ให้ใครต่อใครต่อไปเรื่อยๆ ราวกับเป็นกิจวัตรที่ต้องกระทำ

เธอน่าจะรู้ น่าจะทำใจได้อยู่แล้ว ว่าเขาเป็นคนอย่างนี้ ในเมื่อเขาไม่ใช่ธาวินที่จะสุภาพมั่นคงอยู่ตลอดเวลา เอาเถิด..ถึงอย่างไรเขาก็คงไม่ทำให้เธอเสียใจ ..แม้จะมีบ้างที่รำคาญใจเป็นครั้งคราว

แต่เธอก็ยังยินดีที่จะอยู่ข้างๆ เขาตรงนี้..เพราะเธอรู้ดีว่าเขารักเธอมากมาย..

และเธอเองก็รักเขาไม่น้อยไปกว่ากัน..


คนตรงหน้าคงเริ่มใจชื้นขึ้น เมื่อเอื้อมมือมาจับมือเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะดึงเข้าไปหาตัวเขาอีกครั้ง หากคราวนี้ธารขวัญขืนตัว ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำอย่างที่ต้องการอีกแล้ว

"รีบไปเหอะ เดี๋ยวมืด จะเก็บดอกโสนไม่ใช่เหรอ" เธอก้มต้องหลบสายตาคมระยับคู่นั้น หวังให้ปอยผมที่ตกลงข้างแก้ม ช่วยซ่อนสีหน้าแดงจัดของเธอจากสายตาเขา


หากอีกฝ่ายจับปอยผมนั้นทัดหูให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะบอกยิ้มๆ

"ผมยาวแล้วขวัญ ไปตัดดีกว่านะ" ความจริงผมเธอก็ไม่ได้ยาวมากอยู่แล้ว เพราะข้อจำกัดของวิชาชีพที่เรียน

"มีแต่คนเค้าชอบผู้หญิงผมยาว" ธารขวัญเงยหน้าขึ้นเถียงอย่างไม่เห็นด้วย ก่อนจะต้องเงียบลง ใบหน้าร้อนผ่าว เมื่อปลายจมูกของอีกฝ่ายปัดผ่านแก้มเธออย่างฉาบฉวย ก่อนที่เขาจะกระซิบแผ่วเบาอยู่ริมหูว่า

"มันทำให้โยหอมแก้มขวัญลำบากมากเลยนะ.."


ธารขวัญหลบตาลง ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในวงแขนของอีกฝ่ายที่โอบรอบตัวไว้หลวมๆ ทอดสายตามองแม่น้ำที่อยู่ห่างไป ไกลออกไปเบื้องล่าง

สายน้ำสีน้ำตาลนั้นยังคงไหลเอื่อยๆ อย่างที่เธอได้เห็นทุกครั้งที่มาที่นี่ สายน้ำที่ไม่มีวันย้อนกลับคืน..


วันเก่าๆ ของชีวิตเธอผ่านพ้นไปแล้ว เธออาจจะสูญเสียอะไรที่มีความหมายกับชีวิตเธอไปมากมาย หากเธอก็มั่นใจ..ว่าเธอก็ได้รับบางสิ่งบางอย่างที่มีความหมายไม่น้อยไปกว่ากัน..

ธารขวัญเงยหน้าขึ้น ยิ้มใส่ดวงตาของคนที่มองตรงมาอย่างเต็มหัวใจ เป็นรอยยิ้มที่เธอแน่ใจว่าอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เธอเคยยิ้มให้คนตรงหน้า..


เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่มาจากความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจ...







...................................... อ ว ส า น ............................................





++คำบอกเล่าสุดท้าย++


ถึงเธอ..ผู้เป็นแรงบันดาลใจทั้งหมดในการเขียนเรื่องนี้..

สักวัน..ฉันอาจจะบอกเธอนะ..ว่าฉันดีใจเพียงใด..ที่ได้ทำให้
บางความฝันของเธอเป็นจริง แม้มันจะเป็นเพียงในนิยายก็ตาม
..และดีใจเพียงใด ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราว ที่ทำให้ใครอีกหลายคน
ได้รู้จัก ได้รักเธอ.. อย่างที่ฉันรัก

ฉันอาจจะไม่ได้เขียนให้เธอเลิศเลอไปกว่าที่เธอเป็น ทั้งที่สามารถทำได้
หากฉันก็พอใจที่จะเขียนถึงเธอ..อย่างที่เธอเป็น
เพราะเธอที่เป็นเธอ..คือเธอที่ฉันรักมากมาย

เธอจะดีใจไหมนะ ถ้าได้อ่านมัน หรือว่าจะโกรธ
ที่ฉันเอาเธอมาเขียนโดยไม่บอกกล่าว แถมยังแกล้งเธอต่างๆนานา
ฉันไม่รู้..

ที่ฉันรู้ก็คือ ฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้เขียนและอ่านเรื่องนี้
แม้ว่ามันจะไม่ใช่นิยายที่สมบูรณ์แบบ..

แต่ฉันก็เขียนมันด้วยหัวใจ


จากฉัน..คนที่รักเธอ

ธันวาคม 2545
Kobe, Japan



.................................................................................................



หมายเหตุจากคนเขียน เมื่อห้าปีกว่าๆ ผ่านไป จากวันที่เขียนจบ

ปัจจุบัน "โย" สำเร็จเป็นคุณหมอสมใจ
ขณะนี้ปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงภัยอยู่ทางใต้ โดยความตั้งใจของเจ้าตัว
ส่วน "ขวัญ" เป็นคุณหมออยู่ทางเหนือ ห่างจากอีกฝ่ายราวสองพันกิโลเมตร

น่าเสียดายที่นางเอกในชีวิตจริงของ "โย" ไม่ใช่ "ขวัญ"

คนเขียนมีอำนาจเพียงทำให้โยสมหวังได้แค่ในนิยายเท่านั้นเอง..
ทั้งที่ถ้าทำได้ ก็จะเสกเป่าให้ทุกอย่างไป..

แต่เท่าที่เห็นและเป็นไป เจ้าตัวยังคงร่าเริง แจ่มใสไม่ต่างจากเดิม
แค่นี้คนเขียนก็มีความสุขมากมายค่ะ..






................................................................................................



คุยกับคนอ่านมั่งค่ะ ^^


ตอนแรกกะว่าจะลงตอนจบกับบทส่งท้ายแยกกัน แต่มันสั้นมาก เลยเอามาลง
พร้อมกันไปเลยดีกว่าค่ะ เรื่องนี้เลยเหลือแค่ 13 ตอน เป็นเรื่องยาวที่ไม่น่า
เรียกว่าเรื่องยาวเลยเนอะ น่าจะเรียกว่าเรื่องสั้นขนาดยาว(มากกก)มากกว่า 55



เรื่องนี้คงเอาไปทำอะไรไม่ได้นอกจากเอาไว้ให้คนเขียนอ่านเองขำเอง
(ขำตัวเอง เขียนไปได้ ฮ่าๆๆ)
แต่ก็ยังรักมันมากมายอยู่ดีค่ะ เหตุผลคือที่เขียนไว้ข้างบน
เขียนมันขึ้นมาในวันที่เห็น "โย" ทุกข์ใจในหลายเรื่อง
ตัวเองช่วยอะไรไม่ได้เลย แม้แต่กำลังใจก็ส่งไปไม่ค่อยถึง
แต่ก็อยากเอาใจช่วยอยู่ดี เลยเขียนเรื่องนี้ให้ แต่ไม่กล้าให้อ่าน
เพราะกลัวโดนไล่เตะอยู่เหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ


เรื่องมันเป็นเช่นนี้แหละค่ะ


ผู้อ่านถ้าอ่านจบแล้วยังไม่รีบไปไหน แอบฝากความรู้สึกกันไว้หน่อยน้าค้า
เผื่อคนเขียนจะฮึดลุกขึ้นมาเขียนเรื่องยาวจริงๆ(ที่สมประกอบกว่านี้) ก็ได้น้า 55


ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาอ่านนะคะ บุญรักษาทุกท่านค่ะ







Create Date : 01 สิงหาคม 2551
Last Update : 1 สิงหาคม 2551 23:00:05 น. 9 comments
Counter : 1121 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ คุณโยฯ
จบแบบไม่ให้ตั้งตัวเลยน๊า ^^
เขียนได้น่าติดตามากมายค่ะ ตัวละครถึงไม่ได้ดั่งใจ แต่ชีวิตคนก็แบบนี้นะคะ อ่านแล้วรักคนเขียนมากกว่าตัวละครอ่ะ ทำไงดี 555


โดย: Life's for Rent วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:0:16:03 น.  

 
กรี๊ด ได้เจิมด้วย ^^
แหะๆ มาแก้คำผิดค่ะ ติดตาม* ^^"


โดย: Life's for Rent วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:0:17:55 น.  

 
จบไปแล้ว อย่างใจหายใจคว่ำแทบแย่ครับ โชคดี ที่ได้อ่านบทที่ 12 รวดถึงจบเลย ไม่งั้นคงขาดใจตาย

ไม่ค่อยได้อย่างใจจริงๆ แต่ก็เอาล่ะ อย่างคุณไลฟ์ว่า ชีวิตคนก็แบบนี้ ได้ข่าวว่า "โย" มีความสุขดีก็ดีครับ ชีวิตมันเป็นแบบนี้จริงๆ และถึงเวลา "โย" คงได้มีความสุขกับนางเอกของตัวเองจริงๆ

แต่ไปอยู่ภาคใต้นี่ ขอชื่นชมสรรเสริญอย่างแรง ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ได้โดยปลอดภัยนะครับ เพี้ยง

ส่วนเื่รื่อง "ยาว" เรื่องต่อไป ขอแบบยาวจริงๆ นะ อันนี้มันยาวไม่จริง ฮ่าๆๆ


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:21:49:10 น.  

 
จบละ


จะอ่านอะไรต่อดี


รีบเขียนมาให้อ่านเร็วๆเลยนะ...


สำหรับเรื่องนี้ บอกได้แค่ว่า "ชอบ..."


โดย: กช IP: 58.8.132.24 วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:9:54:52 น.  

 
จริงหรอค่ะ
ที่คุณหมอโยตัวจริง
กับคุณหมอบวัญไม่ได้จบเหมือนในนิยาย
แต่ชีวิตกับนิยายก็ต้องมีต่างกันไปละเนอะ


โดย: fordear วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:16:51:32 น.  

 
อดไม่ได้ต้องเข้ามาเมนต์อีก เรื่องนี้จำได้ว่าอ่านมาตั้งแต่ที่ลงเวปสิรินดาเมื่อนานมากแล้ว เป็นเรื่องที่ชอบมากและทำให้หมั่นไส้นางเอกอย่างแรงค่าที่ทำร้ายโยเหลือเกิน ชอบพระเอกสไตล์โยมาก ไม่ต้องวางมาดพระเอก คุณวาโยคงจำได้เพราะตอนนั้นเราก็เมนต์อย่างนี้แหละ วันนี้ได้รู้บทสรุปของเรื่องจริงด้วย ขอบคุณที่เอามาลงอีกครั้งค่ะ


โดย: nasa IP: 202.28.183.9 วันที่: 9 สิงหาคม 2551 เวลา:19:08:56 น.  

 
หวัดดีคนอ่านทุกท่านค่า คนเขียนหายหัวไปเรย จมอยู่กับโหมดเทนนิสและหนัง แหะๆๆๆ
เลยหมักดองเม้นไว้จนได้ที่ ขออภัยน้าค้าา วันนี้กลับมาตอบแร้วค่า


ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านกันมาจนถึงตอนจบค่า


คุณไลฟ์ มาเจิมอีกแย้วๆๆ เย้ๆ ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดค่า
อ่านแล้วหลงรักคนเขียนจิงป่าว ให้แม่มาขอเลยค่ะเร้วๆ ฮี่ๆๆๆ


คุณพีท มอบรางวัลนักอ่านมาราธอนให้ค่า อึดมั่กๆ ฮี่ๆๆ
ส่วนตาโย ตอนนี้ยังปลอดภัยอยู่ค่ะ แต่ถ้าออกไปหลีสาวๆ ละไม่แน่ เหอๆๆๆ
อยากเขียนเรื่องยาว(จริงๆ)เหมือนกันค่า แต่สมาธิสั้นนนนนนี่สิคะ
เลยเขียนอะไรยาวๆ ไม่ค่อยสำเร็จเรย



คุณกช ขอบคุณที่ติดตามอีกคนค่า ขอบคุณมากๆ จบแล้วอ่านเรื่องรักต่องัยคะ
ไม่แน่อาจยาวกว่าเรื่องนี้อีกนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ



คุณฟอร์เดียร์ ชีวิตจริงบางทีเราก็คอนโทรลอะไรมันไม่ค่อยได้เนอะคะ
เพราะถ้าคอนโทรลได้เนี่ย ตาโยไม่ถึงมือเจ๊ขวัญหรอกค่ะ
ต้องข้ามศพคนเขียนไปก่อน 5555
ขอบคุณที่มาอ่านน้าค้า



คุณ nasa จำได้ค่ะๆๆๆ โอ้โหดีใจจัง เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าเลย หลายปีแล้วเนอะคะ ^^
จำได้ว่าคุณ nasa กับอีกหลายๆ ท่าน ชอบนายโยกันมากๆ เลย
คุณ nasa บอกให้ฝากคำชมไปให้โยด้วย ทุกวันนี้ยังไม่ได้เอาไปชมเลยค่ะ
อยากชมเหมือนกัน แต่ไม่กล้า ฮือๆๆๆ
ตัวจริงเค้าเป็นคนน่ารักมากจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมคนมักจะหมั่นไส้
คนเขียนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ ^^''

ถ้าคุณ nasa ว่างๆ หรือคิดถึงนายโย ขอชวนไปอ่านเรื่องสั้นที่เขียนตอนคุยกะเจ้าตัว
เมื่อเร็วๆ นี้เองค่ะ ยังเจ้าชู้เหมือนเดิมแต่เปลี่ยนแนวไปบ้างค่ะ 55
link นี้นะคะ ^^
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6829032/W6829032.html

หรือถ้าว่างกว่านั้น ขอชวนไปอ่าน love story ในกรุ๊ปเรื่องรัก ในบล็อกนี้แหละค่ะ
ตั้งแต่ตอนสอง เรื่องอิตานี่ทั้งนั้นค่ะ เหอๆๆๆๆ

แล้วแวะมาเยี่ยมกันอีกน้าค้า ดีใจมากมายที่รู้ว่าคนอ่านเก่าๆ ยังจำกันได้อยู่


โดย: โยษิตา วันที่: 10 สิงหาคม 2551 เวลา:0:17:14 น.  

 
แวะมารับรางวัลครับ

แล้วก็มาเก็บลิ้งก์ด้วย แว้ก เรื่องนั้นไม่ได้อ่านอะ หลุดลอดสายตาไปได้อย่างไร จะตามไปกรี๊ดนายโยอย่างด่วน คืนนี้เลย ฮึ่ีมๆๆ

(เรื่องใหม่ก็ยังไม่ได้อ่านเหมือนกัน ทำไมมันวอบไปแวบมานะเนี่ย อิๆ)


โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) วันที่: 10 สิงหาคม 2551 เวลา:15:28:18 น.  

 
ตามมาอ่านแบบล้าหลังมาก ๆ เลยค่ะ
ปกติไม่ค่อยได้เข้าบล็อกฯอยู่แล้ว แถมมีเรื่องเรียนอีก
มาอ่านตอนที่ 4-13 รวดเดียวเลยค่ะ

อ่านแล้วก็ยังชอบเหมือนเดิมเลยค่ะ
ได้อ่านตอนโตกว่าเดิมแล้ว รู้สึกเศร้ากว่าเดิมยังไงไม่รู้แฮะ
(ถ้าจำไม่ผิด ตอนอ่านครั้งแรก น่าจะยังอยู่ชั้นมัธยมปลายอยู่ค่ะ)
สงสารตัวเอกทั้ง 3 คนเลย ถ้าเรื่องตอนสุดท้ายเกิดขึ้นในชีวิตจริงคงหาทางออกได้ยากน่าดูนะคะ

ปล.ตอนจบ นายโยก็ยังเป็นนายโยจริง ๆ นะคะ ยังไปหลีสาวได้อีก ^^


โดย: Noey :p IP: 118.173.227.48 วันที่: 25 ตุลาคม 2551 เวลา:21:39:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โยษิตา
Location :
Kobe Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นคนไทย แต่ระหกระเหินมาใช้ชีวิตตัวคนเดียวที่ประเทศหมู่เกาะประเทศหนึ่ง กินเวลาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่รู้จะได้กลับเมื่อไหร่ (โถ่)

เป็นคนจับจดมาก อยากทำไปทุกอย่าง แต่ทำไม่ได้ดีซักอย่าง รู้น้อยกว่าเป็ด ควรจะเรียกว่ารู้อย่างลูกเป็ด หรือไข่เป็ด

ที่แน่ๆ ชอบอ่านกระทู้พันทิป มากถึงมากที่สุด



Longer - Dan Fogelberg
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add โยษิตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.