คุณครูจะช่วยเหลือเด็กสมาธิสั้นได้อย่างไรบ้าง?
คุณครูจะช่วยเหลือเด็กสมาธิสั้นได้อย่างไรบ้าง?
เด็กสมาธิสั้นส่วนใหญ่จะมีปัญหาการเรียนหรือเรียนได้ไม่เต็มศักยภาพร่วมด้วย ดังนั้นครูจึงมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือเด็กสมาธิสั้นให้เรียนรู้ได้ดี แนวทางการให้ความช่วยเหลือเด็กสมาธิสั้นขณะอยู่ในห้องเรียนมีดังต่อไปนี้
1.จัดเด็กให้นั่งหน้าชั้น หรือใกล้ครูให้มากที่สุด เพื่อครูจะได้เตือนเด็กให้กลับมาตั้งใจเรียน เมื่อสังเกตว่าเด็กเริ่มขาดสมาธิ นอกจากนี้ควรให้เด็กนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ถูกแวดล้อมด้วยเด็กเรียบร้อย ที่ไม่คุยในระหว่างเรียน
2.จัดให้เด็กนั่งอยู่กลางห้อง หรือให้ไกลจากประตูหน้าต่าง เพื่อลดโอกาสที่เด็กจะถูกทำให้วอกแวกโดยสิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกห้องเรียน
3.เมื่อเด็กหมดสมาธิจริงๆ ควรจัดกิจกรรมที่เปลี่ยนอิริยาบท และเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ให้เด็กทำ เช่น มอบหมายหน้าที่ให้ช่วยครูเดินแจกสมุดให้เพื่อนๆ ในห้อง ลบกระดานดำ เติมน้ำใส่แจกัน เป็นต้น ก็จะช่วยลดความเบื่อของเด็กลง และทำให้เรียนได้นานขึ้น
4.ให้คำชมเชย หรือรางวัลเล็กๆ น้อยๆ เมื่อเด็กปฏิบัติตัวดี หรือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์
5.คิดรูปแบบวิธีเตือน หรือเรียกให้เด็กdลับมาสนใจบทเรียนโดยไม่ทำให้เด็กเสียหน้า
6.เขียนการบ้าน หรืองานที่เด็กต้องทำในชั้นเรียนให้ชัดเจนบนกระดานดำ พยายามสั่งงานด้วยวาจาให้น้อยที่สุด
7.หากจำเป็นต้องสั่งงานด้วยวาจา ควรหลีกเลี่ยงการสั่งพร้อมกันทีเดียวหลายๆ คำสั่ง ควรให้เวลาให้เด็กทำเสร็จทีละอย่างก่อนให้คำสั่งต่อไป หลังจากให้คำสั่งแก่เด็ก ควรถามเด็กด้วยว่า ครูต้องการให้เด็กทำอะไร เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าเด็กรับทราบ และเข้าใจคำสั่งอย่างถูกต้อง
8.ตรวจสมุดงานของเด็กเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กจดงานได้ครบถ้วน
9.ในกรณีที่เด็กมีสมาธิสั้นมาก ควรลดระยะเวลาการทำงานให้สั้นลง โดยให้เด็กพยายามทำงานให้เสร็จทีละอย่าง และแต่ละอย่างใช้เวลาไม่นานมากนัก พยายามเน้นในเรื่องความรับผิดชอบ ทำงานให้เสร็จ
10.หลีกเลี่ยงการใช้วาจาตำหนิ ประจาน ประณาม ที่ทำให้เด็กอับอายขายหน้าและไม่ลงโทษเด็กด้วยความรุนแรง(เช่นการตี) หากเป็นพฤติกรรมจากโรคสมาธิสั้น เช่น ซุ่มซ่าม ทำของเสียหาย หุนหันพลันแล่น เพราะเด็กมีความลำบากในการคุมตัวเองจริงๆ แต่ควรเตือน และสอนอย่างสม่ำเสมอว่าพฤติกรรมใดไม่เหมาะสม และพฤติกรรมที่เหมาะสมคืออะไร เปิดโอกาสให้เด็กได้แก้ไขด้วยตัวเอง เช่น เก็บของเข้าที่ใหม่ชดใช้ของที่เสียหาย
11.ใช้การตัดคะแนน งดเวลาพัก ทำเวรหรืออยู่ต่อหลังเลิกเรียน (เพื่อทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ) เมื่อเด็กทำความผิด
12.พยายามมีทัศนคติเชิงบวกต่อเด็ก มองหาจุดดีของเด็ก และสนับสนุนให้เด็กได้แสดงออกถึงข้อดี หรือความสามารถของตัวเอง
13.พยายามสร้างบรรยากาศที่เข้าใจ และเป็นกำลังใจให้เด็กพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
14.ให้ความช่วยเหลือด้านการเรียนเป็นพิเศษ เนื่องจากเด็กที่เป็นสมาธิสั้น จะมีความบกพร่องทางด้านการเรียน (learning disorder) ร่วมด้วยประมาณร้อยละ 30-40 เช่น ด้านการอ่าน การสะกดคำ การคำนวณ เป็นต้น ซึ่งต้องการความเข้าใจและความช่วยเหลือจากคุณครูเพิ่มเติม แนวการสอนควรมีลักษณะดังนี้
14.1มีการแบ่งขั้นตอนเริ่มจากง่าย และจำนวนน้อยก่อน แล้วจึงเพิ่มความยากและจำนวน ขึ้นในเวลาต่อมาเมื่อเด็กเรียนรู้ขั้นต้นได้ดีแล้ว
14.2ใช้คำอธิบายง่ายๆ สั้นๆ พอที่เด็กจะเข้าใจ และให้ความสนใจฟังได้เต็มที่ ซึ่งหากมีการสาธิตอย่างให้เห็นรูปธรรม จะช่วยให้เด็กเข้าใจได้ง่ายกว่าคำพูดอธิบายอย่างเดียว
15.ควรสอนทีละเรื่อง หรือเปรียบเทียบเป็นคู่ แต่ไม่ควรสอนเชื่อมโยงหลายเรื่องพร้อมๆกัน
16.เด็กที่เป็นสมาธิสั้น ควรได้รับการสอนแบบ "ต่อตัวต่อ" เนื่องจากครูสามารถคุมให้เด็กมีสมาธิ และสามารถยืดหยุ่นการเรียนการสอนให้เข้ากับความพร้อมของเด็กได้ดีกว่า
17.ครูควรให้เวลาที่ใช้ในการสอนสำหรับเด็กที่เป็นสมาธิสั้น นานกว่าเด็กปกติ
18.เด็กอาจมีปัญหาการปรับตัวเข้ากับเพื่อน เพราะเด็กมักจะใจร้อน หุนหัน เล่นแรง ในช่วงแรกอาจต้องอาศัยคุณครูช่วยให้คำเตือนแนะนำด้วยท่าที่ที่เข้าใจ เพื่อให้เด็กปรับตัวได้ และเข้าใจกฏเกณฑ์การอยู่ร่วมกับผู้อื่น
19.เด็กที่มีสมาธิสั้นบางครั้งเพียงใช้การบอก เรียก หรืออธิบายอย่างเดียวเด็กอาจไม่ฟังหรือไม่ทำตาม คุณครูควรเข้าไปหาเด็กและใช้การกระทำร่วมด้วย เพื่อให้เด็กมีพฤติกรรมตามที่คุณครูต้องการ เช่น เมื่อต้องการให้เด็กเข้ามาในห้องเรียน หากใช้วิธีเรียกประกอบกับการโอบหรือจูงตัวเด็กให้เข้าห้องด้วย จะได้ผลดีกว่าเรียกเด็กอย่างเดียว
Create Date : 05 กันยายน 2551 |
Last Update : 5 กันยายน 2551 23:22:43 น. |
|
3 comments
|
Counter : 576 Pageviews. |
|
|