สงกรานต์ 52 เที่ยวยุโรป 6 ประเทศ ( เนเธอร์แลนด์ )








 
 
เนเธอร์แลนด์


วันที่ 15เมษายน 2552

วันนี้พวกเราเดินทางไปประเทศเนเธอร์แลนด์ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง


เป้าหมายแรกที่เราจะไปคือไปชมกังหันลมที่หมู่บ้านกังหันลมZaan Schan


หมู่บ้านกังหันลม Zaan Schan ทางตอนเหนือห่างจากอัมสเตอร์ดัมประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร มีการอนุรักษ์กังหันลม และบ้านเรือนดั้งเดิมของฮอลแลนด์ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวดัชต์ ที่ใช้กังหันลมกว่าร้อยแห่งในงานอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17-18 โดยทำหน้าที่ผลิตน้ำมันจากดอกมัสตาร์ด กระดาษงานไม้ นอกจากนี้ภายในหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์เบเกอรี่ชีสฟาร์ม นาฬิกา ร้านขายเครื่องกาแฟและชา โรงหีบ น้ำมัน (Oil Mill) และโรงงานทำรองเท้าไม้ที่อยู่คู่กับชาวดัชต์มาแต่โบราณกาล

 
กังหันลม



ในประเทศเนเธอร์แลนด์ซึ่งมีพื้นที่ส่วนมากอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และถูกคุกคามจากน้ำท่วมเป็นประจำ ได้นำกังหันลมมาใช้อย่างกว้างขวางเพื่อดูดน้ำออกจากนา และส่งไปยังคลอง และทะเลต่อไป

เมื่อมาถึงเราก็พบกับความตื่นตาของกังหันมาแต่ไกล พวกเราก็เร่งฝีเท้าเพื่อจะได้ไปถ่ายรูปกับกังหันแบบใกล้ๆ

 
หมู่บ้านกังหันลม



ไกด์บอกว่าพวกเราควรไปชมโรงงานทำรองเท้าก่อน

 
โรงงานทำรองเท้าไม้



มีการสาธิตการทำรองเท้าไม้ใช้ไม้ก้อนนี้ ไม้พลับพลาเป็นไม้เนื้ออ่อน โดยชายคนนี้ เป็นผู้สาธิตให้ดูใช้มีดตัดเป็นท่อนก่อน แล้วนำไปกลึงให้มีร่องใส่เท้า ใช้มีดตกแต่งให้สวยงาม แล้วใช้กระดาษทรายขัด เวลาในการทำรองเท้า ไม่ถึง 5 นาที

 
สาธิตการทำรองเท้าไม้



รองเท้าไม้ยังมีในชีวิตประจำวันกันอยู่ เนื่องจากเนเธอร์แลนด์มีสภาพภูมิอากาศชื้น รองเท้าไม้พวกนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยป้องกันเท้าของผู้สวมใส่จากความชื้นได้ดี แถมมีอายุการใช้งานได้นาน

ที่นี่มีรองเท้าไม้ขนาดต่างๆและสีสันสวยงามชวนให้ซื้อ ถ้าไม่ห่วงว่าน้ำหนักจะเกินเราคงซื้อกลับไปแล้วละ

 
รองเท้าไม้



ของที่ระลึก มีพวงกญแจรองเท้า กระปุ๊กรองเท้า ดอกไม้ ทำจากไม้ น่ารักมากวางเรียงรายเต็มร้านไปหมด

 
ของที่ระลึก



ก่อนจะไปดูกังหันใกล้ๆ พวกเราก็แวะโรงผลิตซีสกับเนย

ที่นี่มีห้องจำลองการทำซีสและมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับซีสขายด้วย

 
ร้านขายซีส



รูปกังหันแบบใกล้ๆ

 
กังหันลม



กิจกรรมที่เด๊กๆเล่นกันดูน่าสนุกดี



 
บ้านริมน้ำ



เราเก็บภาพกังหันอีกครั้งก่อนกลับ

 
กังหันลม



จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปยังกรุงกรุงอัมสเตอร์ดัม เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน

“อัมสเตอร์ดัม” มาจากคำ 2 คำ คือ อัมสเตล หมายถึง แม่นํ้าอัมสเตล บวกกับคำว่า ดัม ที่แปลว่าเขื่อน ซึ่งเมื่อรวมความแล้วก็หมายถึง “เขื่อนที่อยู่ริมเเม่นํ้าอัมสเตล” อันมีจุดกำเนิดมาตั้งแต่ตอนต้นศตวรรษที่ 13 อัมสเตอร์นั้นถือว่าเป็นเมืองที่มีลักษณะพื้นที่เป็นเกาะ มีคูคลองล้อมรอบเมืองถึง 4 ชั้น ที่ถูกขุดขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 17 มีความยาวรวมกันกว่า 100 กม. เพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรและขนส่งสินค้า รวมถึงเป็นคูเมืองเพื่อป้องกันข้าศึกศัตรู มีประตูกันน้ำถึง 16 แห่งด้วยกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเรียกว่าอัมสเตอร์ดัมนี้เป็นเมืองแห่งคลอง และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะพากันมาล่องเรือหลังคากระจกเที่ยวชมคลองในอัมสเตอร์ดัม




คนที่นี่ใช้จักรยานในการเดินทางกันเยอะมาก โดยจะมีเลนและที่จอดรถจักรยาน

เรามานั่งเรือกระจกเพื่อชมวิวชองเมืองอัมสเตอร์ดัม เรือค่อนข้างร้อนมากเพราะไม่มีที่หลบแดดเลยเนื่องจากหลังคาและด้านข้างเป็นกระจกหมด บนเรือมีการบรรยายโดยมีหลายภาษารวมทั้งภาษาไทยด้วย

 
เรือกระจก



เรือแล่นผ่านตามจุดต่างๆ

สถานีรถไฟที่สร้างขึ้นในปีค.ศ.1889 เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอเรอเนสซองส์ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิกที่สวยงามและยิ่งใหญ่

 
สถานีรถไฟ



อาคารบ้านเรือสมัยเก่าที่มีแบบเฉพาะตัวด้วยรูปทรงหน้าแคบสูง ผสมผสานศิลปแบบสเปน-เรอนาซองค์ตัวตึกใช้อิฐแดงก่อแบบไม่ฉาบปูน ตกแต่งเป็นภาพปูนปั้นเทพเจ้ากรีกอย่างสวยงาม และหน้าจั่วมีไม้ยื่นออกมาเพื่อแขวนลอกไว้ชักลอกสิ่งของเข้าบ้านทางหน้าต่าง เพราะหน้าบ้านแคบและประตูก็เล็ก

 
วิว 2 ข้างทาง



มีสะพานข้ามคลองถึง 1,200 สะพานมีลำคลองกว่า 160 สาย รวมกันยาวกว่า 100 กม.




เรานั่งชมทิวทัศน์บนเรือกระจกประมาณ 1 ชั่วโมงจากนั้นพวกเราก็มาดูเพชรกันที่โรงงานเจียระไนเพชร

โรงงานนี้เจียรนัยเพชรได้ 157 เหลี่ยมซึ่งมีเหลี่ยมมากว่าที่อื่น และเพชรที่เห็นนี้ 3 กระรัต ราคาประมาณ 2 ล้านกว่าบาท นอกจากนี้มีเพชรเม็ดเล็กๆรองลงมาอีก

 
เพชร



จากนั้นเราก็ไปยังย่านจตุรัสดัมสแควร์ เป็นจุดนัดพบที่สำคัญกลางเมือง เป็นลานกว้างมีสถานที่สำคัญๆตั้งอยู่

เป็นรูปทรงกรวยสีขาวสูงประมาณ 70 ฟุต สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1956 เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นแหล่งชุมนุมของวัยโจ๋ สังเกตุว่าบริเวณนี้ค่อนข้างสกปรกเพราะขยะทิ้งกราดเกลื่อน

อนุสาวรีย์แห่งเสรีภาพ



ด้านตรงข้ามอนุเสาวรีย์เป็นพระราชวังหลวง(Koninklijk Plaeis) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1655 มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่ว่าการอำเภอ สร้างโดยสถาปนิกที่ชื่อ ยาคอบ ฟาน กัมเปน ภายในเป็นห้องโถงกว้างปูด้วยหินอ่อนเป็นรูปลูกโลกขลิบด้วยทองเเดงสวยงาม เพดานวาดเป็นรูปภาพจักรวาล แต่ต่อมาในปี ค.ศ. 1801 หลังจากที่เนเธอร์แลนด์ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสได้ใช้เป็นพระราชวังที่ ประทับของพระเจ้าหลุยส์ โบนาปาร์ตน้องชายของนะโปเลียน โบนาปาร์ต จนถึงปี ค.ศ. 1810 เมื่อฝรั่งเศสหมดอำนาจลงก็ยังคงใช้เป็นพระราชวังที่ประทับของกษัตริย์ เนเธอร์แลนด์ในปีค.ศ.1967 สมเด็จพระราชินีนาถจุเลียนาได้ทรงย้ายไปประทับอยู่ที่เมืองเฮกจึงมีการซ่อม แซมพระราชวังแห่งนี้ และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวังหลวงที่วิจิตรงดงามไปด้วยสถาปัตยรรมแบบ ยุโรป

 
พระราชวังหลวง



ตรงหน้าจั่วของตึกแห่งนี้มีรูปปูนปั้นที่สวยงาม เป็นรูปเทพีแห่งทะเล และสัตว์ในเทพนิยายกรีก

 
พระราชวังหลวง



ใกล้ๆกันก็จะมีห้างสรรพสินค้าและพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง

อยู่ชั้นบนของห้างสรรพสินค้าPeek&Cloppenburg พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซด์ (Madame Tussauds Scenerama) ภายในจัดเป็นนิทรรศการหุ่นขี้ผึ้งที่มีชีวิตชีวา หุ่นทุกตัวดูราวมีชีวิตสมจริงมากๆ มีการจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของอัมสเตอร์ดัม รวมทั้งหุ่นขี้ผึ้งของบุคคลสำคัญต่างๆ มากมาย ให้เราได้กระทบไหล่ประชิดตัว (หุ่น) จริงๆ กันแบบใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นหุ่นนักร้องชื่อดังอย่าง บียอนเซ่, เอลวิส เพรสลี่, จัสติน ทิมเบอร์เลค ผู้นำระดับโลกก็มี บารัค โอบามา ประธานาธิบดีUSA. , องค์ทาไลลามะ เป็นต้น และมีหุ่นดาราฮอลลีวูดให้แอ็คท่าถ่ายรูปคู่ด้วย อาทิ แองเจลินา โจลี, แบรด พิตท์, เจนนิเฟอร์ โลเปซ, มาริลิน มอนโร และหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญต่างๆ อีกมากมาย

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซด์



ในบริเวณนี้มีย่าน shopping center และร้านขายของฝาก บริเวณนี้มุมไหนๆก็สวยไปหมด

มีร้านขายของเรียงรายและเราก็แวะซื้อของที่ระลึกที่นี่ รวมทั้งซื้อสตอเบอรี่สดมาทานเล่นซึ่งราคาไม่แพงนัก




มีรองเท้าไม้คู่ใหญ่มากโชว์ที่หน้าร้าน ใหญ่ขนาดเราเข้าไปนั่งถ่ายรูปได้




TAXI ที่นี่เป็นแบบจักรยาน 3 ล้อสีสันสวยงามกว่ารถสามล้อบ้านเรามาก




เราเดินข้ามคลองเพื่อไปยังร้านอาหารที่อยู่ใกล้กับย่าน Red Light เมืองนี้คลองเยอะจริงๆสมคำร่ำรือ




ย่าน Red light ก็คล้ายกับพัฒน์พงษ์บ้านเรา เวลาที่เราเดินเล่นประมาณ 17.30 น. ยังไม่ดึกมากดังนั้นร้านต่างๆจึงยังไม่เปิด
ย่าน Red light



จากนั้นเราก็เดินทางกลับไปยังโรงแรม Redisson SAS Hotel Schiphol

โรงแรมนี้ตกแต่งไว้สวยงามและมีแก้วโชว์หลายรูปแบบเช่น กีต้าร์ ,ทิวลิป ซึ่งสวยดีจึงถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก

แก้วรูปทิวลิป



วันนี้ไกด์บอกว่าพรุ่งนี้ให้ตื่นสายกว่าเดิมครึ่งชั่วโมง เพราะเราอยู่ใกล้สวนเคอเคนฮอฟ ดีใจจังจะได้นอนแบบสบายๆสักที

 




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2552
1 comments
Last Update : 24 กรกฎาคม 2562 23:13:17 น.
Counter : 3345 Pageviews.

 

โห เมืองสวยมากค่ะ น่าไปเที่ยวจังเลย ชอบรองเท้านะใหญ่ดี อยากนั่งเรือกระจกดูิวิวท์ด้วยล่ะ กังหันลมก็สวยค่ะ

 

โดย: Alisara 8 พฤษภาคม 2552 6:44:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


goffymew
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Flag Counter Welcome to Goffymew Blog
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
8 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add goffymew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.