Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2548
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
10 กุมภาพันธ์ 2548
 
All Blogs
 

ทูตรัตติกาล : นางฟ้า

ทูตรัตติกาล : นางฟ้า
ยามค่ำคืนขณะที่รัตติสูรกำลังเตรียมที่จะปิดร้าน สายตาคมกล้าของเขาก็แลเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังวิ่งอย่างสะเปะสะปะด้วยน้ำตานองหน้าแต่ไกล และเขาก็มองเห็นไอบางอย่างที่ปกคลุมร่างของหล่อน ลูกค้าอีกราย อายุอานาม 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐบาลที่อยู่หอพักเพียงลำพัง มีเพื่อนน้อยคน พ่อแม่และน้องชายอยู่ต่างจังหวัด ที่สำคัญหล่อนกำลังมีปัญหา…ร้ายแรงเสียด้วย ชายหนุ่มรำพึง ในใจอย่างหยั่งรู้พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก และดวงตาสีเหล็กที่เปล่งแสงเรื่อเรือง

ด้วยกระแสอำนาจของเขา หญิงสาวร่างท้วมก็วิ่งรี่มาที่ร้านเล็กๆที่ชื่อ In The Dark ที่อยู่ในตรอกซอย
แคบๆราวกับมีแม่เหล็กขนาดใหญ่ดึงดูดหล่อนกระนั้น พอรู้สึกตัวอีกที หล่อนก็เดินเข้ามาในร้านเสียแล้ว

“ยินดีต้อนรับครับ” รัตติสูรเปิดยิ้มกว้าง

ประโยคทักทายของเขาทำให้หญิงสาวจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกหลากใจ หากน้ำตายังคงไหลริน

“ว่าไงครับ” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบเรื่อย

“ขะ…ขอโทษค่ะ” น้ำเสียงแปร่งปร่าเอ่ยออกมาอย่างยากเย็น

คนฟังหัวเราะน้อยๆก่อนบอกกับหล่อนว่า

“ขอโทษเรื่องอะไรครับ”

“ก็…น้ำทะเล่อทะล่าเข้ามา” หล่อนบอกด้วยความกระดากอาย

“ท่าทางคุณจะมีเรื่องไม่สบายล่ะสิครับ” คนพูดเอ่ยถามง่ายๆ

วารีรัตน์หรือน้ำนิ่วหน้า

“น้ำตาของคุณบอกเล่าทุกอย่างเป็นอย่างดีทีเดียว” พูดจบชายหนุ่มก็ควักผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วบรรจงซับหยาดน้ำใสๆที่อาบสองแก้มของหล่อนอย่างนุ่มนวล

“เรื่องที่ไม่สบายใจบางทีถ้าเราระบายให้ใครสักคนฟัง อาจช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น” สุ้มเสียงของคนพูดอ่อนโยน

หากหล่อนกลับเม้มปากด้วยดวงตาวาววับและน้ำตาก็พาลจะไหลอีกระลอก

“ถ้าคุณไม่อยากจะเล่าก็ไม่เป็นไร แต่รบกวนช่วยผมปิดร้านหน่อยได้ไหมครับ” รัตติสูรขอร้องด้วยน้ำเสียงที่แฝงเร้นอำนาจอย่างประหลาดทำให้วารีรัตน์ต้องกระทำตามคำขอของเขา

ใช้เวลาอยู่เป็นนานคนทั้งคู่ก็เก็บของและปิดร้านจนเสร็จ ชายหนุ่มใจดีชวนหล่อนให้อยู่ทานอาหารกับเขา หนำซ้ำเขายังเป็นฝ่ายทำอาหารและชวนคุยเรื่อยเปื่อยเป็นระยะๆ ทว่าหญิงสาวก็พูดน้อยคำ และบางครั้งที่รัตติสูรเงียบเสียงลง หล่อนก็จะกวาดสายตามองข้าวของรูปร่างแปลกๆในร้านของเขาด้วยความใคร่รู้ ผู้ร่วมโต๊ะย่อมสังเกตเห็นอากัปกิริยาของหล่อน เขาจงใจปล่อยให้หล่อนสำรวจตรวจตราจนพอใจ

“ของที่ผมขายอาจจะมีรูปร่างไม่น่าชื่นชม แต่คุณสมบัติของมันล้ำลึก” เขาเอ่ยทำลายความเงียบสงบ

“คุณสมบัติแบบไหนคะ” วารีรัตน์หลุดปากถาม

“คุณจะเอาแบบไหนล่ะ” เขากลับย้อนถาม

คนฟังย่นหัวคิ้วด้วยความขุ่นเคืองใจเพราะคิดว่าอีกฝ่ายเจตนาพูดจายียวนกวนประสาท

“ผมเปล่าจะยั่วโมโหคุณ” คนพูดบอกอย่างรู้เท่าทันความคิดของหญิงสาว

“ที่ผมพูดน่ะจริง และสิ่งของจะเป็นผู้เลือกคนที่เหมาะที่จำเป็นต้องใช้มัน” เขาพูดต่อ

“ยิ่งฟังก็ยิ่งงงค่ะ”

“อย่างคุณ…ที่กำลังเป็นทุกข์แสนสาหัส บังเอิญหรือที่เข้ามาในร้านของผม บางทีอาจเพราะคุณกำลังมองหาอะไรสักอย่างที่จะใช้เพื่อตัวคุณเอง” ชายหนุ่มยิ้มเย็นด้วยดวงตาเป็นประกายแวววามทำให้คนมองรู้สึกสันหลังเย็นวาบขึ้นมาเฉยๆ

“ถ้าคุณอิ่ม ผมก็อนุญาตให้คุณเดินเลือกสินค้าสักชิ้นที่ถูกตาต้องใจคุณ”

“คุณปิดร้านแล้วนี่คะ”

“อย่าลืมครับว่าคุณย่างก้าวเข้ามา คุณก็นับเป็นลูกค้าของผม”

“งั้น น้ำอิ่มละล่ะค่ะ ขอพิจารณาของของคุณใกล้ๆได้ไหมคะ”

“ตามสบายครับ อ้อ ผมชื่อรัตติสูรครับคุณน้ำ และถ้าคุณสนใจสินค้าชิ้นไหนเป็นพิเศษก็ขอให้บอกกับผมก่อน เพราะผมไม่มีคู่มือให้จึงจำเป็นต้องอธิบายวิธีการใช้งานให้คุณรู้ด้วยตัวเอง”

“ค่ะ” หล่อนรับคำก่อนจะเดินดูข้าวของในตู้กระจกที่วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ

รัตติสูรมองตามแผ่นหลังของหล่อน จนถึงบัดนี้ไอที่เขามองเห็นแต่แรกก็ยังคงอยู่ มันเป็นไอที่เกิดจากความรู้สึกที่เข้มข้นและรุนแรงของหล่อน หากก็เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตัวเขาเพราะนี่คือสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ตัวลูกค้า

หลังจากที่วารีรัตน์เดินดูสิ่งที่อยู่ในตู้กระจกตู้แล้วตู้เล่าอยู่พักใหญ่ สายตาของหล่อน ก็สะดุดเข้ากับวัตถุชิ้นหนึ่งที่มีความสวยงามระคนกับความน่าหวาดหวั่นอย่างแทบจะแยกกันไม่ออก มันเป็นวัตถุสีโลหิตขนาดเท่าผลลำไยที่มีรูปทรงรูปร่างและองค์ประกอบคล้ายกับดวงตาของมนุษย์ ภายในบรรจุสิ่งเล็กๆที่หล่อนต้องเพ่งมองอย่างยิ่ง ยิ่งหล่อนขยับมองใกล้ๆ สิ่งที่อยู่ข้างในก็ยิ่งชักนำให้หล่อนจมดิ่งลึกลงไปสู่สิ่งๆนั้นโดยไม่รู้ตัวราวกับต้องมนต์สะกด และก็ทำให้หล่อนสามารถมองเห็นร่างจิ๋วร่างหนึ่งที่มีปีกนกงอกออกจากกลางหลัง ทั้งในมือของร่างจิ๋วก็มีชิ้นส่วนสีแดงเข้มซึ่งเปล่งแสงวาบสอดคล้องกับจังหวะการเต้นของหัวใจอย่างน่าอัศจรรย์ หญิงสาวตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ด้วยความรู้สึกสอดคล้องอย่างเคลิบเคลิ้มระคนพิศวง นานเท่าใดหล่อนก็สุดรู้ หากเสียงเลื่อนเปิดตู้กระจกก็ปลุกให้สติสัมปชัญญะของหล่อนกลับคืน

หล่อนละสายตาจากวัตถุที่พึงใจในจังหวะเดียวกับรัตติสูรที่กำลังหยิบสินค้าออกจากตู้

“ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจครับ” เขาบอกยิ้มๆ

“เอ่อ น้ำไม่ได้ยินเสียงคุณเลยค่ะ” หล่อนสารภาพตามตรง

“ผมเป็นคนเดินเบา แต่แคล่วคล่องว่องไวครับ”

“คุณน้ำสนใจชิ้นนี้ใช่ไหมครับ” เขาถามต่อโดยไม่ปล่อยให้หล่อนติดใจสงสัยใดๆอีก

“ใช่ค่ะ”

“ตอนที่คุณเพ่งพินิจพิจารณาเจ้านี่ คุณคิดว่าคุณเห็นอะไรครับ”

“คนตัวจิ๋วในนั้นคงเป็นนางฟ้า มีบางอย่างอยู่ในมือเธอด้วยค่ะ” วารีรัตน์ตอบเขา แต่สายตาของหล่อนกำลังถามเขาเพื่อขอคำยืนยันที่ทำให้หล่อนรู้สึกมั่นใจกับสิ่งที่หล่อนมองเห็น

“สิ่งที่คุณเห็น…เป็นสิ่งที่คุณรู้คำตอบดีที่สุด ฉะนั้น โปรดอย่าถามผม อ้อ และเจ้าสิ่งนี้ก็ไม่มีชื่อเรียกเสียด้วย”

คนฟังทอดถอนใจก่อนบอกอย่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า

“ไร้ชื่อยังไม่เท่าไร แต่นางฟ้ากับไอ้ที่อยู่ในมือไม่เข้ากันสักนิด น้ำว่าถ้าเป็นปีศาจหรือซาตานอะไรเทือกนี้จะเหมาะกว่าค่ะ”

คนฟังเพียงหัวเราะในลำคอหึๆ

“ตกลงคุณต้องการมันไหมครับ”

“ค่ะ”

“ทีนี้ผมคงต้องบอกวิธีใช้” เขาเว้นจังหวะนิดหนึ่ง

“คุณสามารถขอสิ่งที่คุณปรารถนาจากเจ้านี่ และยามที่คุณอธิษฐาน…ขอให้คุณกุมมันไว้ในตำแหน่งของหัวใจ มันจะช่วยให้คุณสมปรารถนา ขอให้จำไว้ให้แม่นมั่นว่าคุณต้องยอมแปลกเปลี่ยนกับสิ่งที่มันเรียกร้อง…โดยไร้หนทางหลีกหนี”

“คะ” ดวงตาของหล่อนเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อถือกับสิ่งที่อีกฝ่ายบอกเท่าใดนัก

รอยยิ้มที่ชวนให้คนมองรู้สึกหนาวเยือกปรากฏบนริมฝีปากของชายหนุ่ม เขาเพียงเอ่ยว่า

“ลองทดสอบ…คุณก็จะรู้เอง”

หญิงสาวชั่งใจอย่างใช้ความคิดอยู่หลายนาที ยิ่งมองสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย ความต้องการที่เร้นลึกก็ยิ่งกระตุ้นให้หล่อนอยากได้ใคร่ลอง ที่สุดหล่อนก็ถามเขา

“เท่าไหร่คะ”

“ไม่คิดมูลค่าเป็นเงินครับ คุณเอาไปเถอะ ส่วนมูลค่าที่คุณต้องจ่ายให้กับผม คุณก็จะรู้เองในภายหลัง” น้ำเสียงกังวานและทรงอำนาจราวกับดังมาจากที่ที่ไกลแสนไกลบอกกับหล่อน

วารีรัตน์รับของชิ้นนั้นมาจากเขาตั้งแต่เมื่อใดความทรงจำของหล่อนก็เลือนจนสิ้น รู้ตัวแต่ว่าหล่อนถือถุงพลาสติกขนาดเล็กติดมือจนกลับถึงหอพักซึ่งมีสองชั้นและลักษณะเหมือนห้องแถวยาว

หญิงสาวเหลือบแลมองนักศึกษาชายหญิงหลายคนซึ่งมีวัยไล่เลี่ยกับหล่อน บ้างจับกลุ่มพูดคุยกัน บ้างพูดคุยอยู่กับแฟน บ้างก็กำลังกลับเข้าหอตรงกันข้ามกับ บางคนหรือบางกลุ่มที่กำลังจะออกไปข้างนอก หลายกิจกรรมที่หล่อนเห็นจนเคยชิน ทว่าวันนี้หล่อนกลับไม่กล้าสู้หน้าใครๆ

วารีรัตน์ก้มหน้าลงต่ำพร้อมกับเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น

“นี่ๆ รู้อะไรไหม ยัยนั่นที่เขาพูดกันน่ะ” เสียงของเพื่อนร่วมหอพักคนหนึ่งดังเข้าสู่โสตของหล่อนโดยบังเอิญ และเสียงซุบซิบนินทาก็ดังไล่หลังอย่างกรีดแทงใจของคนฟังยิ่ง

ร่างท้วมเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งขึ้นไปยังชั้นบน พอถึงห้องหล่อนก็ล้วงหยิบกุญแจในกระเป๋าสะพายด้วยมืออันสั่นเทา แล้วทำนบน้ำตาก็ทลาย หล่อนปิดประตูตามหลังก่อนที่จะกอดสองแขนรัดร่างของตนอย่างสั่นเทิ้มด้วยแรงสะอื้นพร้อมๆกับทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง และภาพแห่งความโหดร้ายก็ฉายซ้ำในหัวของหล่อน

วารีรัตน์…หญิงสาววัยสดใสที่เป็นเด็กเรียน หล่อนไม่เคยมีแฟนกับใครเขา เพราะหน้าตาที่ธรรมดา รูปร่างที่ท้วม แต่สมส่วน หากก็ไร้จุดเด่น หล่อนจึงมุมานะอยู่กับการเรียนตั้งแต่เล็กจนโต…จนกระทั่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ใครบางคนก็ทำลายปราการที่หล่อนสร้างขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองจากความผิดหวังที่หล่อนรู้และยอมรับสภาพแท้จริงของตน ซึ่งใครคนนั้นได้เข้ามานั่งอยู่ในหัวใจของหล่อน

ตะวันเป็นรุ่นพี่ต่างคณะ ชายหนุ่มมีรูปร่างหน้าตาและฐานะทางบ้านดี แต่การเรียนอยู่ในระดับปานกลาง เขาถือเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สาวๆในมหาวิทยาลัยต่างพากันคลั่งไคล้ใหลหลงถึงกับมีกลุ่ม ‘คนรักตะวัน’ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเขาโดยเฉพาะ แน่ล่ะ สมาชิกส่วนมากล้วนเป็นผู้หญิง ส่วนน้อยคือผู้ชายที่ใจเป็นหญิง

หญิงสาวรู้จักกับตะวันเพราะเขาเป็นฝ่ายเข้ามาทำความรู้จักกับหล่อนเอง และเขาก็เพียรข้องแวะกับหล่อนอยู่หลายครั้งหลายคราด้วยท่าทีที่สนิทสนมและเป็นกันเอง สำหรับหล่อน…ทุกอย่างเหมือนกับความฝันที่กลายเป็นความจริง และเปลือกที่ห่อหุ้มจิตใจของหล่อนก็กะเทาะออกจนหมดเมื่อตะวันเอ่ยปากขอเป็นแฟนกับหล่อน

ความสัมพันธ์ของตะวันกับหล่อนดำเนินไปอย่างรวดเร็วชนิดก้าวกระโดดเพียงอาทิตย์เดียวชายหนุ่มก็ขออนุญาตถูกเนื้อต้องตัวหล่อน ด้วยความที่มีใจให้เขาอยู่ก่อนวารีรัตน์จึงโอนอ่อนผ่อนตามโดยง่าย เพื่อนๆของหล่อนก็พยายามพูดเตือนสติ แต่หล่อนหน้ามืดตาบอดไปกับความรักความหลงจนไม่แม้แต่จะรับฟังถ้อยคำของเพื่อนผู้หวังดี ที่สุดเพื่อนๆก็พากันคิดว่าหญิงสาวหลงเงาตัวเอง คิดว่าตัวเองมีดีที่ทำให้ชายหนุ่มมาชอบพอและเห็นตะวันดีกว่าเพื่อน พวกเพื่อนๆต่างตีตัวออกห่างและปล่อยให้วารีรัตน์จมปลักอยู่กับตะวันเพียงสองคน

เมื่อย่างเข้าสู่อาทิตย์ที่สาม ชายหนุ่มก็พยายามป้อนคำหวานเพื่อโน้มน้าวชักจูงใจหล่อนให้ยอมเป็นของเขา และหญิงสาวผู้อ่อนต่อโลกอย่างวารีรัตน์ก็ตกลงปลงใจอย่างง่ายดาย

หลังจากนั้นความสัมพันธ์ที่หวานชื่นก็จืดชืดสนิท ทุกอย่างแปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตะวันพยายามตีตัวออกห่างจากหญิงสาว ถ้อยคำหวานที่เขาเคยพูดก็หมดไปอย่างสิ้นเชิง ภายในเดือนเดียวชายหนุ่มบอกเลิกหล่อนอย่างสิ้นเยื่อขาดใย ทั้งที่หล่อนไม่มีความผิด แม้วารีรัตน์จะอ้อนวอนอย่างไรตะวันก็ไม่รับฟัง ครั้นพอหล่อนหวนกลับไปหากลุ่มเพื่อน เพื่อนๆก็ไม่ไยดีหรือแม้แต่สงสารเพราะคำยุแยงของคนบางกลุ่มที่ชิงชังหล่อนในฐานะคู่ควงของตะวัน สภาพจิตใจของหล่อนบอบช้ำและรานร้าว หากยังไม่ถึงที่สุด

เช้าวันหนึ่งซึ่งก็คือวันนี้วารีรัตน์เดินผ่านหลังตึกเรียนและได้ยินถ้อยคำสนทนาของพวกผู้ชายที่จับกลุ่มกันโดยบังเอิญ

“ตะวัน นายไม่สนยัยอ้วนนั่นจริงง่ะ” เสียงหนึ่งเอ่ยถาม

“หึ ที่ฉันจีบหล่อนก็เพราะพนันกับพวกนายไว้ไม่ใช่หรือไง เราพนันกันว่าถ้ายัยอ้วนตกลงเป็นแฟนกับฉัน พวกนายจะให้คนละห้าร้อย และถ้ายัยอ้วนยอมนอนกับฉัน พวกนายจะให้คนละพัน”

“น่าสงสารเหยื่อของนายชะมัด” สุ้มเสียงเดิมบอกอย่างเย้ยหยันขัดกับถ้อยคำที่พูดออกมา

“ช่วยไม่ได้ที่กิตติศัพท์ร่ำลือด้านการเรียนเป็นเลิศแถมยังปลอดผู้ชายของยัยอ้วนจะทำให้ฉันเลือกหล่อน แถมน้องนภาก็สนับสนุน”

หล่อนจดจำชื่อของเพื่อนร่วมเรียนได้ดี นภา…หญิงสาวหน้าตาสะสวยที่ชายหนุ่มหลายคนเฝ้าหมายปอง

“ทำไมน้องนภาถึงเจาะจงสนับสนุนเพื่อนร่วมคณะของตัวเองล่ะ” อีกเสียงถามอย่างใคร่รู้

“น้องเขาบอกหมั่นไส้เด็กคงแก่เรียน”

“อิจฉาที่ผลการเรียนของยัยอ้วนดีกว่าล่ะมั้ง” เสียงแรกบอกอย่างคาดเดา

“น้องนภาเขาร้ายฉันก็รู้ แต่แบบนี้สิถึงจะน่าสนใจ มันเร้าใจผิดกับยัยอ้วนเยอะ พวกนายรู้ไหม ยัยอ้วนน่ะแค่จูบก็ยังไม่เป็น พอฉันประกบปาก ยัยนั่นก็ตัวแข็งอย่างกับท่อนไม้ ที่สำคัญนะ ยัยอ้วนเป็นคู่นอนที่ไม่เอาอ่าวที่สุดที่ฉันเคยนอนด้วยเลยว่ะ” สิ้นเสียงของตะวัน ผู้ชายทั้งกลุ่มก็ประสานเสียงหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน

คำพูดถากถางและนินทาลับหลังทำให้คนที่ยืนฟังถึงกับร้องไห้โฮด้วยความสะเทือนใจและอับอายอย่างเหลือแสน และข่าวคาวที่อื้อฉาวก็แพร่สะพัดราวกับไฟลามทุ่ง ในเวลาเพียงวันเดียวเกือบทั้งมหาวิทยาลัยก็รู้เรื่องของหล่อน

ทุกๆที่ที่หญิงสาวเดินผ่านจะมีสายตาที่มองมาอย่างเหยียดหยาม ซ้ำร้ายยังมีคนพูดจาเยาะหยันซึ่งมีทั้งแฟนคลับของชายหนุ่มทั้งเพื่อนร่วมสถาบันการศึกษา และเพื่อนร่วมเรียน

“เป็นไงล่ะยัยอ้วน คิดว่าตัวเองเป็นหงส์สิท่า รู้ตัวไว้เถอะ หล่อนน่ะก็แค่ของแปลกที่พี่ตะวันเขาอยากลองเท่านั้น พอเขาเบื่อก็ทิ้ง แถมยังทิ้งแบบให้เป็นข่าวน่าขายหน้าเสียด้วย” นภาเหยียดยิ้มด้วยสายตาดูแคลน

วารีรัตน์มองหาความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ทว่ากลับเหลือหล่อนเพียงคนเดียว สิ่งที่หล่อนเผชิญหนักหนาสาหัสจนเกินจะทานทน หญิงสาววิ่งถลันออกจากห้องเรียน หล่อนวิ่งอย่างไร้จุดหมาย ความรู้สึกหลากหลายจู่โจมอย่างไม่ทันให้หล่อนตั้งตัว ขณะที่วิ่งหล่อนก็คิดเรื่องตาย หากก็สงสารพ่อแม่ที่สู้อุตส่าห์ส่งเสียให้ร่ำเรียน และความเคืองแค้นก็ไล่หลังความเศร้าโศกมาติดๆ กับทั้งกระแสบางอย่างก็ชักนำหล่อนให้เข้าไปที่ร้านเล็กๆของชายหนุ่มหน้าตาคมคาย

หล่อนนั่งนิ่งปล่อยให้ความทุกข์ใจมีอิทธิพลเหนือความคิดอื่นใดอยู่นาน หล่อนร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง พอจะลุกยืนหล่อนก็ไม่ลืมที่จะหยิบถุงพลาสติกที่ตัวหล่อนเป็นคนปล่อยให้ตกพื้นขึ้นมา และสิ่งที่หล่อนรับมาก็กำลังทำหน้าที่ของมันด้วยการชักจูงหล่อนให้หยิบมันออกมาเพ่งพิจารณาอีกครั้ง เสียงจากความเงียบงันที่เชื้อเชิญราวกับดังมาจากที่ไหนสักแห่ง มันเย้ายวนใจให้หล่อนอยากทดลองใช้สิ่งที่อยู่ต่อหน้า ยิ่งเพ่งมองเสียงหัวใจที่เต้นสอดประสานที่อยู่ในอกข้างซ้ายของหล่อนกับสิ่งที่อยู่ในมือของนางฟ้าตัวจิ๋วก็ยิ่งส่งเสียงดังอย่างชัดเจน…เป็นจังหวะที่ไพเราะ ทว่าเยียบเย็น

หญิงสาวใช้มันตามวิธีการที่รัตติสูรบอก หล่อนหลับตาพริ้มและเริ่มอธิษฐานด้วยความมุ่งมั่น หากด้วยความปรารถนาที่แรงกล้าของตัวหล่อนเองเป็นหลักซึ่งใน

สภาวะราวกับคนหลับฝัน หล่อนก็มองเห็นรอยยิ้มสดใสของนางฟ้าก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยถามหล่อน

“เจ้าปรารถนาสิ่งใด”

“ฉันอยากเป็นคนสวยที่ใครๆพากันรุมรักและฉันอยากให้ทุกๆคนลืมฉันคนเก่าที่น่ารังเกียจ”

นางฟ้ายิ้มอีกครั้ง

“ข้าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง แต่ต้องแลกด้วยหัวใจของเจ้า เจ้า จะยอมมอบให้ข้าหรือไม่” นางฟ้าพูดพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งชี้นิ้วไปที่ร่างท้วมของหญิงสาว…ตำแหน่งของหัวใจ

หล่อนนิ่งตริตรอง นางฟ้าจึงทวงคำตอบ และหล่อนก็ยอมรับข้อแลกเปลี่ยนที่ไร้หนทางแก้ไขด้วยแรงอารมณ์ที่ผลักดันให้ความต้องการโดดเด่นเหนือความคิดอื่นใด

เช้าวันใหม่วารีรัตน์ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ และพอหล่อนเดินผ่านกระจกเงาหล่อนก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น รูปร่างของหล่อนเปลี่ยนไปอย่างที่หล่อนก็ยังไม่เชื่อสายตาของตัวเอง รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโก่งสวย ดวงตาคม จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง นี่คือคำขอของหล่อน…หญิงสาวคนใหม่ที่รูปโฉมงดงาม

หล่อนออกจากห้องด้วยความรู้สึกแช่มชื่น และสายตาของคนที่พานพบหล่อนก็จับจ้องมองอย่างชื่นชมจนเหลียวหลัง ร่างบางยิ้มกริ่มอย่างภาคภูมิใจกับรูปโฉมของตน เรื่องที่แปลกกว่านั้นคือไม่มีใครจดจำวารีรัตน์คนเก่าได้แม้แต่คนเดียว หล่อนชื่อวารีรัตน์หรือน้ำ ทว่าทุกๆคนรับรู้แต่ตัวตนใหม่ของหล่อน หญิงสาวเมินเฉยต่อเพื่อนกลุ่มเดิม หล่อนเข้ากลุ่มใหม่และเจาะจงกลุ่มของนภา นภาก็ยอมรับหล่อนเข้ากลุ่มโดยง่าย แต่ความสวยของฝ่ายแรกกลับกลายเป็นความด้อยเมื่อมีหล่อนรวมอยู่ด้วย

ชายหนุ่มหลายคนแสดงออกถึงความพึงพอใจในตัวหล่อนแตกต่างกันไป หล่อนกลายเป็นเป้าหมายที่ชายหนุ่มต่างแย่งชิง และตะวันก็เป็นหนึ่งในนั้น หากวารีรัตน์กลับไม่สนใจไยดีเขาแม้สักนิด

รูปกายภายนอกเปลี่ยน จิตใจของหล่อนก็ผันแปรตาม หญิงสาวกลายเป็นคนรสนิยมสูง รักสวยรักงามและชอบหว่านเสน่ห์ หล่อนชอบที่จะคบเพศตรงข้ามหลายๆคนพร้อมกันในคราวเดียว และเริ่มใช้ความงามที่เหนือกว่ากดขี่ข่มเหงนภาให้ยิ่งตกต่ำ หล่อนกลายเป็นวารีรัตน์คนใหม่โดยสมบูรณ์ทั้งใจกาย

หนึ่งเดือนผ่านไปชีวิตของหญิงสาวยังคงดำเนินไปในแบบที่ทำให้หล่อนมีความสุขและสนุกสนานกับชีวิตอย่างเต็มที่จนหล่อนลืมสัญญาที่เคยให้ไว้ต่อนางฟ้าผู้ดลบันดาลความสุขให้แก่หล่อน

และแล้วค่ำคืนหนึ่งขณะที่หล่อนกลับจากเที่ยวกับเพื่อนชายหล่อนก็พบกับรัตติสูรโดยบังเอิญที่หน้าหอพัก

“อ้อ คุณน่ะเอง” วารีรัตน์เปิดยิ้มกว้าง

“ดูเหมือนชีวิตของคุณเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น” เขาเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย

“ค่ะ ดีขึ้นจริงๆอย่างกับปาฏิหาริย์แน่ะ” หล่อนหัวเราะร่วน

“จริงสิ น้ำยังติดค้างคุณอยู่นี่นา” หญิงสาวพูดต่อ

“ครับ ทั้งผมทั้งนางฟ้า” ชายหนุ่มยิ้มเย็นอย่างที่หล่อนเคยเห็นแล้วให้รู้สึกพรั่นพรึง

ถ้อยคำของรัตติสูรเรียกความทรงจำของหล่อนอย่างได้ผล เพราะความรู้สึกบางอย่างที่เกาะกุมหัวใจของวารีรัตน์ทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนเลือดในกายเย็นเฉียบอย่างฉับพลัน ใบหน้าของหล่อนซีดเผือด ร่างกายของหล่อนสั่นสะท้านหนาวด้วยความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ

“ของของคุณอยู่นี่” ชายหนุ่มพูดจบ ของที่ว่าก็ปรากฏจากอากาศธาตุให้หล่อนต้องตื่นตระหนกสุดขีด

“เจ้าหนี้ของคุณก่อน” เขาบอกง่ายๆ

นางฟ้าตัวจิ๋วก็ขยับกายและเคลื่อนออกจากวัตถุสีโลหิตด้วยร่างของหญิงสาวขนาดเท่าคนจริง

“เจ้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยความปรารถนาที่ข้ามอบให้พอสมควร ถึงเวลาที่ข้าควรได้รับสิ่งแลกเปลี่ยนเสียที”

นางฟ้าแสยะยิ้มเผยให้เห็นเขี้ยวซี่แหลมเต็มปาก ดวงตาสดใสเปลี่ยนเป็นสีทับทิมวาวโรจน์ มือสองข้างมีเล็บยาวงอกออกมา

วารีรัตน์มองดูภาพที่ปรากฏแก่สายตาด้วยความสะพรึงกลัวระคนขนพองสยองเกล้า พร้อมกันนั้นร่างของหล่อนเหมือนถูกตรึงให้นิ่งอยู่กับที่ พออ้าปากก็ปราศจากเสียงเล็ดลอดออกมา

“ข้าขอล่ะนะ” สิ้นเสียงที่แปรเปลี่ยนเป็นแหบแห้ง มือข้างหนึ่งของนางฟ้าก็จ้วงแทงเข้าที่อกข้างซ้ายของหญิงสาวพร้อมๆกับความเจ็บปวดอย่างยิ่งยวดที่ก่อเกิด และสายธารสีเข้มก็ไหลทะลัก พอมือที่แข็งแกร่งราวกงเล็บกระชากเอาก้อนเนื้อที่เป็นสัญญาณแห่งชีวิตออกไป ลมหายใจของหญิงสาวก็หมดลง

“วิญญาณนางเป็นของท่าน”

รัตติสูรเหยียดยิ้มพลางกักเก็บเอาวิญญาณของลูกค้าไว้ในกายของเขาก่อนจะกำวัตถุสีโลหิตไว้ในอุ้งมือ ซึ่งบัดนี้สิ่งที่อยู่ในมือของนางฟ้ากำลังเต้นเป็นจังหวะ และแล้วร่างของเขาก็เลือนหายเพียงชั่วพริบตา.




 

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2548
6 comments
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2548 14:10:27 น.
Counter : 992 Pageviews.

 

เจ๊...แบบว่าเหมือนจะเคยอ่านเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นอะเป่าค่ะ เรื่องนี้เป็นฟิกเหรอคะ?

 

โดย: k-14 IP: 61.19.32.119 15 กุมภาพันธ์ 2548 15:09:16 น.  

 

คุณk-14 : ถูกต้องแล้วค้าบ ใช่แล้วค่า คล้ายๆกับแบบนั้น แต่ใส่ความเป็นไทยกะสากลเข้าไปจ้า ^^''

 

โดย: กาญจน์ฏี IP: 203.145.21.199 19 กุมภาพันธ์ 2548 22:43:20 น.  

 

มาแล้วค่ะ คุณกาญจน์ฎี หวังว่าคงจำกันได้เลือกมาอ่านมาcommentเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเพราะชื่อเรื่องดึงดูดใจดีคะ สอนให้รู้ว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ หรอกนะจ๊ะ ดำเนินเรื่องได้กระชับรวดเร็วมากคะ

 

โดย: creamsoda IP: 203.148.162.222 11 เมษายน 2548 8:14:44 น.  

 

ขอบใจมากมายค่ะคุณ creamsoda ^^

 

โดย: กาญจน์ฏี IP: 203.145.22.226 13 เมษายน 2548 0:01:39 น.  

 

เห็นด้วยว่าผู้ชายมักมองรูปลักษณ์ภายนอกก่อน

 

โดย: sao IP: 84.162.13.254 8 กรกฎาคม 2548 15:10:22 น.  

 

เพิ่งเห็นพี่ซาโอะ ตายแล้วฉัน แหะๆ ขออภัยนะคะพี่สาว

 

โดย: กาญจน์ฏี IP: 203.145.12.61 30 กรกฎาคม 2548 0:07:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กาญจน์ฏี
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โอม ศรี คเณศา ยะ นะ มะ ฮา โอม คะชานะนัม ภูตะคะณาธิเสวิตัม กะปิตะถะชัมพูผะละ จารุภักษะณัม อุมาสุตัม โศกะวินาศะการะกัม นะมามิ วิฆเนศวะระปาทะปังกะชัม.


ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นใน blog นี้เป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ กรุณาติดต่อขออนุญาตโดยติดต่อผ่าน ได้ที่อีเมลล์ภายในบอร์ดข้อมูลส่วนตัว มิฉะนั้นอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

**คำบูชาองค์ไกรลาสบดี**
'โอม นะมัห ศิวายะ'









Friends' blogs
[Add กาญจน์ฏี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.