ระหว่างการสัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ถือโอกาสนี้เพื่อแจ้งให้
โลกทราบถึงเหตุผลว่าทำไมตนอยู่ตรงนี้ ทำงานอยู่ตรงนี้
ตนไม่เคยต่อต้านประชาธิปไตย ไม่ว่าจะในโลกตะวันตกหรือตะวันออก
เป็นทหารภายใต้ระบอบประชาธิปไตยมาทั้งชีวิต และสนับสนุนรัฐบาล
ที่ผ่านมาทุกสมัย แต่รัฐบาลยุคก่อนหน้าไม่สามารถขับเคลื่อนประเทศ
ไปข้างหน้าได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรามีโรดแมปไปสู่ประชาธิปไตย เมื่อใดก็ตามที่
รัฐธรรมนูญใหม่ร่างเสร็จ และได้ทูลเกล้าฯ พระมหากษัตริย์เพื่อลงพระปรมาภิไธย
นั้น จะนำไปสู่การเลือกตั้งตามเวลาที่กำหนด แต่อาจมีเหตุให้การเลือกตั้งล่าช้า
หากสภาปฏิรูปแห่งชาติปัดตกร่างรัฐธรรมนูญ
ก่อนจะเสริมว่า ตนไม่ได้พยายามที่จะต่อต้าน สร้างความล่าช้า หรือแทรกแซง
แม้แต่น้อย ผมไม่ต้องการอยู่ในอำนาจ แต่ตนเองเป็นคนเดียวที่สามารถจัดการปัญหาของประเทศไทยภายใต้ระบบกฎหมายในตอนนี้
นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ประเทศไทยจะต้องเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ
โดยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราต้องสร้างประชาธิปไตยให้เข็มแข็ง
และยั่งยืน มีความสงบโดยที่จะไม่เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก
สตีเวนส์ถามต่อว่า หากประเทศไทยคืนสู่ประชาธิปไตยแล้ว
คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าประเทศจะไม่กลับสู่สภาวะที่เคยเป็นมา
โดยพล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า นั่นสิ หากคุณถามผมว่าผมมั่นใจมั้ย
ผมตอบไม่ได้ แต่ผมมั่นใจในเรื่องที่ผมทำอยู่ตอนนี้ จะสำเร็จหรือไม่
ขึ้นอยู่กับประชาชนชาวไทยที่จะขีดเขียนอนาคตของตัวเอง
ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ สตีเวนส์ถามถึงประเด็นมาตรา 44
ว่าแม้จะมีการยกเลิกกฎอัยการศึกในไทย แต่มาตรา 44 เป็นการประกาศ
ให้ตนเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จ เหตุใดมาตราดังกล่าวจึงมีความจำเป็น
ในการแก้ไขปัญหา
พลเอกประยุทธ์ชี้ว่า เหตุใดถึงต้องการมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญนี้
หากไม่มีมาตรา 44 เราก็แทบจะทำงานไม่ได้เลย ด้วยความต้องการ
ที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและวิถีในการบริหาร แต่ขอย้ำว่า
ผมไม่เคยใช้อำนาจนี้ในทางมิชอบ ไม่เคยใช้ทำร้ายใคร ไม่เคยฆ่าใคร ไม่เคยสั่งประหารใคร ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น พวกเราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งหมด / จบ
ที่มาข้อมูล: มติชนรายวัน 24 พฤษภาคม 2558
...............................................................................................................................