<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
26 เมษายน 2552
 

นิวซีแลนด์.... ดินแดนแห่งฝัน ตอน ออกเดินทางสู่ Dunedin

ต่อจากเมื่อวาน หลังจากที่มาถึง Mt.Cook แบบที่ไม่ได้ชื่นชมธรรมชาติของ ที่นั่นเท่าไหร่ เช้านี้ก็เลยตั้งใจว่าต้องเวียนๆดูหน่อย หลังจากที่พวกผมเติมอาหารเช้าด้วยแซนวิชที่ทำกันเอง ทุกคนจัดแจงสัมภาระขึ้นรถเสร็จ วันนี้มีปัญหาอีกอย่างคือกุญแจของห้องพัก ปกติเพื่อนผมจะขอเบิกจากเจ้าหน้าที่ให้ครบจำนวนคน กะว่าถือคนละดอก แต่พอเอาเข้าจริง ต่างคนก็ไม่ค่อยได้ดูแลกุญแจของตัวเอง ทำให้สุดท้ายเหลือกุญแจอยู่แค่ 7 ดอก จากทั้งหมด 8 ดอก ไม่รู้จะทำไง ก็เลยจำเป็นต้องคืนไปแค่นั้นก่อน แล้วก็ออกเดินทางต่อ ซึ่งตอนที่เราออกเดินทางกันนั้น ค่อนข้างเช้ามาก เจ้าหน้าที่ยังไม่มา เลยไม่ได้มีโอกาสชี้แจง

แต่พวกผมเจอปัญหาสองอย่าง คือ 1. ฝนตกแต่เช้า เป็นฝนแรกที่มานิวซีแลนด์ ทำให้อดที่จะได้ภาพถ่ายคู่กับ Mt. Cook สวยๆ และ 2. น้ำมันรถหมด ตามข้อมูลมีปั๊มอยู่ 1 ปั๊มใน Mt. Cook เราขับหาเจอไม่ยาก เพราะเมืองเค้าเล็กมากๆ แต่ปัญหาคือไม่มีการ์ดสำหรับรูดเติม เพราะจะต้องเป็นการ์ดเฉพาะเท่านั้น และเจ้าหน้าที่ประจำก็ไม่มี เค้าฝากไว้กับโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งถ้าเราจะใช้บริการเจ้าหน้าที่จะต้องจ่ายเงินสด ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือเค้าจะชาร์จเพิ่ม 5 NZD ซึ่งก็ประมาณร้อยนึง พวกเราไม่มีทางเลือก จึงจำเป็น

หลังจากได้น้ำมันเติมเต็ม พวกผมก็เดินทางต่อออกจาก Mt. Cook มุ่งหน้าลงทางใต้ต่อ เป้าหมายของวันนี้คือเมือง Dunedin ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ อยู่ทางใต้ของเกาะใต้ ที่นั่นมีกิจกรรมให้ทำพอสมควร แล้วจะเล่าให้ฟังต่อ

เส้นทางตอนออกจาก Mt. Cook นั้น เมื่อคืนเราไม่ได้เห็นอะไรเลย เพราะกว่าจะมาถึงก็ค่ำแล้ว แต่วันนี้ครับ ได้เห็นเต็ม 16 ตาของพวกผม ตอนแรกก็ไม่ค่อยน่าสนใจ เพราะฝนตก (แต่ที่จริงก็ได้อีก feel) แต่พอขับไปสักพักฟ้าก็เริ่มแจ่มใสขึ้นเรื่อยๆ และก็กลายเป็นท้องฟ้าสดใสแบบเมื่อวานที่เราเห็น

หลังจากฟ้าใส ทุกอย่างก็เหมือนจะดูดีขึ้นทั้งหมด วิวสองข้างทางสวยมากๆ ทั้งภูเขา และทะเลสาป เป็นทะเลสาปที่กว้างใหญ่มาก คงเป็นน้ำจาก Mt. Cook และสีของทะเลก็สีฟ้าได้ใจสุดๆ



ที่พัก YHA Mt. Cook





วิว Mt. Cook ในยามฟ้าช้ำๆ

พวกผมอดใจไม่ไหวกับความสวยของวิวที่ปรากฎ ดังที่เค้าว่า ฟ้าหลังฝนมักจะสวยงามมากๆเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่บางทีจะรู้สึกว่าแดดมันจ้าเร็วมากๆ ซึ่งก็ดีตรงที่มันขับให้ฟ้าเป็นฟ้า น้ำเป็นน้ำ โดยเฉพาะน้ำนี่ฟ้าได้ใจมากๆ อย่างที่บอกไปก่อนแล้ว จนอยากให้ชื่อว่าเป็น amazing lake เลย ก็เลยต้องแวะถ่ายรูปกัน 2-3 จุด สีแจ่มได้ใจสุดๆ

นั่งเพลินๆ ชมวิวข้างหน้าต่างไปสักอึดใจใหญ่ๆ เราก็มาถึงฟาร์มปลาแซลมอน หลังจากที่พลาดเมนูปลาแซลมอนตอนเย็นเมื่อวานไป คราวนี้ฟาร์มอยู่ริมถนนหลวงเลย ไม่ต้องขับรถเวียนเข้าไปอีกเป็นสิบกิโลเหมือนเมื่อวานด้วย ใครจะไปไม่ต้องแวะเข้าไปนะครับ ทางจาก Mt. Cook ไป Te Anau ก็มีปลาแซลมอนให้ดู ให้ซื้อ ไม่แตกต่างกันเลยครับ

ในฟาร์มก็มีขายเนื้อปลาแซลมอน มีขายอาหารให้ปลาแซลมอน ทำเป็นธุรกิจเป็นเรื่องเป็นราว แต่เราไม่สามารถเห็นปลาแซลมอนตัวเป็นๆนะครับ เห็นแต่เนื้อแดงๆ เป็นตัวๆ พวกผมซื้อมาชิ้นใหญ่ ถ้าจำไม่ผิด 49 NZD คิดว่าน่าจะพอกิน ระหว่างที่รอเลือกอยู่นั้น ก็มีฝรั่งคนอื่นๆเข้ามาซื้อด้วย เค้าบอกผมว่าปลาแซลมอนที่นี่ราคาถูกมาก แล้วฝรั่งก็ชอบกินมากเหมือนกัน แต่ไม่รู้เอาไปประกอบอาหารออกมาเป็นเมนูอะไร ไม่ได้ถาม

ได้แซลมอนแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อ สักพักเราก็เจอวิวสวยจับใจอีก เป็นทะเลสาปเหมือนกัน น้ำนิ่งมากที่สำคัญมีต้นไม้สีสวยงามขึ้นอยู่รอบๆ เป็นเงาสะท้อนในทะเลสาป ผมว่าจุดนี้ทำให้เราได้วิวที่สวยที่สุดของทริปนี้เลย ซึ่งผมก็เอาขึ้นมาเป็น Background ของคอมพิวเตอร์ด้วย มันสวยเหมือนหลอกๆครับ ไม่น่าเชื่อว่านี่คือธรรมชาติจริงๆ

เที่ยงวันนี้เราไปเที่ยงกันแถวๆเมือง... จำไม่ได้ แต่เป็นเมืองที่อยู่ถึงก่อน Invercargil เนื่องจากเป็นแค่เมืองผ่านครับ เลยไม่ได้จำชื่อได้ทุกเมือง ร้านอาหารที่เรากินวันนี้คือ Fish & Chip เพื่อนส่วนมากสั่ง Fish & Chip ส่วนผมกับเพื่อนอีกคนขอกินข้าวดีกว่า เนื่องจากร้าน FC ที่เราเข้านั้น เจ้าของเป็นจีนทำให้มีเมนูข้าวผัดด้วย ไม่แน่ใจว่าร้านที่ฝรั่งเป็นเจ้าของจะมีเมนูข้าวผัดหรือไม่

พวกเราซื้อไปนั่งกินต่อในรถเพราะเรา late อีกแล้ว ตามแผนที่วางไว้ จึงต้องทำเวลาโดยไปนั่งกินกันต่อบนรถ สุดท้ายเพื่อนที่กินเบอร์เกอร์ ต้องมาขอแบ่งข้าวไปกิน เพราะเบอร์เกอร์ ยังไงคนไทยเรากินก็ไม่รู้สึกอิ่มเต็มที่เหมือนกินข้าวอยู่แล้ว ส่วนข้าวก็เยอะซะเหลือเกิน เลยแบ่งๆกันจนอิ่มกันถ้วนหน้า สนนราคาข้าวผัดกล่องนึงประมาณ 7 NZD ประมาณ 140 บาทครับ

กินเสร็จแวะเข้าห้องน้ำห้องท่าระหว่างทาง เพื่อล้างมือล้างปาก กำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ห้องน้ำที่ไปเข้าไม่ค่อยสะดวกกับผู้หญิงเท่าไหร่ ทำให้ต้องรอพวกผู้หญิงเข้ากันนานเลย ระหว่างรอ สิ่งที่ผมเตรียมมาก่อนออกเดินทางจากไทยก็ได้ทำหน้าที่สักที มันคือน้ำอบไทย ที่ประแป้งกันตอนเล่นสงกรานต์ ก็วันนี้มันวันฉลองสงกรานต์ไทยนะครับ แล้วพวกเราก็คนไทยกันหมด แค่อยู่ในอีกที่นึงที่คนเค้าไม่เล่นสงกรานต์เท่านั้น

คิดได้ดังนั้นก็เปิดประตูรถ หยิบขวดน้ำอบที่แอบมาตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา แล้วเหยื่อรายแรกก็คือเพื่อนที่เข้าห้องน้ำเสร็จก่อน คนแรกเป็นผู้หญิงผู้โชคดี ที่มาเอาของในรถ ใกล้ตัวสุดก็โดนซะ ผมเทน้ำอบใส่มือแล้ววิ่งเข้าไปโปะตรงต้นคอ (ได้แต๊ะอั๋ง หุๆๆ) คุณเพื่อนก็ กรี๊ด ตกใจและชอบใจใหญ่เลย แล้วเพื่อนผู้ชายสองคนที่ยืนอยู่ห่างๆ ก็วิ่งมาดู ก็โดนด้วยซะ วิ่งหนีกันใหญ่ แต่ก็โดนไปตามๆกัน พอเสร็จก็เหลืออีก 4 คน กำลังเดินมา ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนที่โดนไปแล้วก็ให้ความร่วมมือกับผมเต็มที่ ช่วยจับเพื่อนที่เพิ่งเดินมา ให้ผมเข้าไปปะพรมน้ำอบใกล้ๆได้ และแล้วก็เกิดเสียงกรี๊ดตามมาอีก 2-3 เสียง งานนี้มีการเอาคืนด้วย หุๆ สรุปว่าน้ำหอมกลิ่นตลบอบอวลในรถเต็มไปหมด ผสมกับความเหนื่อยและความสนุก และเพื่อนผมค่อนข้าง surprise นะ แต่เรื่องนี้ผมคิดของผมคนเดียว เลยเตรียมซื้อมาจาก Big C ตั้งแต่วันที่ไปซื้อของแล้ว หุๆ สำเร็จเกินคาด

ต่อๆ เรื่องเที่ยว ขับไปเรื่อย จะเริ่มเห็นวิวเปลี่ยนเป็นทะเลสาปแล้ว เป็นครั้งแรกที่เราเจอทะเลตั้งแต่ landing ลงนิวซีแลนด์ จุดขายของทะเลจุดแรกที่เราไปคือมีหินกลมกลิ้งตั้งอยู่เรียงรายตามแนวชายหาด หินมีขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางสัก 1 เมตร เห็นจะได้ ส่วนมากคนไปก็จะไปยืนบนหินแล้วถ่ายรูปกัน มีเพรียงหินเกาะเต็มไปหมด มันก็น่าแปลกว่าทำไมหินถึงกลมได้ขนาดนี้ แต่ที่แน่ๆ ทะเลเค้าสวยสู้บ้านเราไม่ได้นะครับ โดยเฉพาะหาดทราย ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ ที่สำคัญ ทางราชการเค้าไม่ส่งเสริมให้มีการขายของกินบริเวณชายหาดเหมือนบ้านเรา ยังคุยเล่นๆกับเพื่อนๆว่า ถ้าเป็นบ้านเราคงมีไก่ย่าง ส้มตำ ปูเสื่อนั่งกินชมวิวทะเลกันสบายใจเฉิบ แต่ที่นี่จะไม่มีเลย มีก็แค่ร้านอาหารห่างออกไปจากหาดมากพอสมควร ต้องยอมรับว่าเค้าใส่ใจดูแลธรรมชาติอย่างเอาจริงเอาจังมากๆ

ต่อจากทะเล พวกผมรู้สึก late กันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเรายังเหลือระยะทางถึงที่หมายอีกกว่า 200 กม. คือคร่าวๆว่า สักบ่ายโมงได้แล้ว แต่พวกเรายังมีภารกิจที่ต้องรีบไปกันให้ถึงเมือง Dunedin ก่อน 4 โมงเย็น ดังนั้นมาตรการชะโงกทัวร์ก็ต้องงัดกลับมาใช้อีกครั้งนึง ทั้งๆที่ตั้งใจก่อนมาว่าการมาเที่ยวครั้งนี้จะต้องไม่ชะโงกทัวร์ แต่ด้วยระยะทาง และจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางเยอะแยะมากมาย ทำให้ trip เรา delay ตลอด

จนกระทั่งมาถึง Dunedin สักบ่ายสามโมงได้ พวกเราต้องไปทำกิจกรรมที่เราจองไว้และเสียเงินไปตั้งแต่ที่ YHA Mt. Cook เมื่อคืนนี้ คือค่าดูคนละประมาณ 35 USD ดังนั้นถ้าพลาดคือก็เสียตังค์ฟรี พวกผมจองรอบสุดท้ายเลย เพราะกลัวมาไม่ทัน รอบสุดท้ายคือ 16.45 น. ยังพอทันมีแสงสว่างให้ดู สิ่งที่ว่าก็คือนกเพนกวินพันธุ์ตาเหลือง ซึ่งเป็น highlight ของที่นี่เลย

แต่เนื่องจากเรายังมีเวลาเหลือกันก่อนที่จะไปดูเพนกวิน พวกผมจึงตั้งใจไปดู Lanarch Castle ซึ่งเป็นวังเก่าแก่ของที่นี่ และได้ข่าวลือว่ามีสิ่งเร้นลับอยู่ข้างในด้วย พวกผมใช้บริการ GPS อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ GPS แสดงความซื่อสัตย์ออกมาให้พวกเราเห็น คือ GPS เค้าจะไม่รู้สภาพถนนว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าเค้าเจอถนน เค้าจะเลือกเส้นทางที่ใกล้ที่สุด เพื่อเป็นการประหยัดเวลาในการเดินทางให้กับผู้ใช้

แต่แล้วปัญหาก็คือ GPS ให้พวกเราขึ้นเขาไปเรื่อยๆ แต่พวกผมก็เริ่มสงสัย ทำไมทางมันเป็นดิน และดูเหมือนเล็กลงๆ จนกระทั่งขึ้นไปสักเกือบกิโลเมตรได้ จนถึงทางตันในที่สุด ไปต่อไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เป็นถนนริมเขา ซึ่งข้างๆมันเป็นเหวทั้งหมด แน่นอนถนนแบบนี้ผมไม่ขับเด็ดขาด แต่ว่าเพื่อนคนขับยังรู้สึกเฉยๆ ก็เลยต้องถอยทัพกลับ ด้วยความหวาดเสียว เพราะสถานที่เล็กมาก จะกลับรถก็ลำบาก

พวกผมลงจากรถกันหมด นัยว่ากลัวรถตกเหว แหะๆ เหลือแต่พลขับ ที่เสี่ยงมากกับงานถอยรถ กลับรถ ซึ่งพวกที่ลงมาก็ช่วยกันออกแบบการถอยเข้าออก ซึ่งดูเหมือนผมจะมีบทบาทมากในตอนนี้ เอาล่ะ ในที่สุดหลังจากลุ้นหวาดเสียวกันอยู่สัก 20 นาที ก็สามารถหันหัวรถกลับมาสู่ทางลงเขาได้

เมื่อมีวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ ขาลงวิวด้านล่างของเมืองสวยมากๆ เป็นทุ่งเลี้ยงแกะเขียวขจี มีแกะเล็มหญ้าอยู่เต็มไปหมด พวกผมก็แวะลงถ่ายภาพกับบรรดาแกะๆทั้งหลาย กะว่าจะขอเข้าไปจับตัวเป็นๆซะหน่อย พี่แกะเล่นวิ่งหนีกันไปหมด ไม่ได้เข้าใกล้ในระยะ 50 เมตรเลย

จากนั้นพอลงมาถึงด้านล่างก็ล้มเลิกความคิดดู Lanarch Castle แต่พอขับๆไปสักพักก็เจอทางขึ้นที่เป็นทางการ ถนนดีมาก ไม่เหมือนกับถนนที่แล้วที่เล็กลงๆ แถมเป็นดินฝุ่นไปตลอดทาง งานนี้เราโดน GPS ต้มจนสุกเลย

ตกลงก็เลยลองขับขึ้นไปดูอีกที พอเข้าไปถึงก็มีด่านเก็บเงินค่าเข้า ชมสวน 10 NZD เข้าปราสาทด้วย 25 NZD พวกเราลงมติกันทันทีว่าไม่เอาดีกว่า เพราะเวลาเหลือน้อย อีกทั้งไม่ได้มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากดูอีกด้วย แล้วก็มีเพนกวินยังรอเราอยู่

สรุปอย่างนั้นแล้วก็ขับลงมาเพื่อไปดูเพนกวิน ทางที่ขับไปมันเหมือนเป็นทะเลสาปน้ำจืดตลอด เราลัดเลาะไปตามริมทะเลน้ำจืด ทำให้ทำความเร็วมากไม่ได้ ระยะทางก็ค่อนข้างไกลเหมือนกัน เพราะคงต้องออกจากเมืองไปหาธรรมชาติมากๆหน่อย จะได้เห็นเพนกวินตัวเป็นๆ

ก่อนถึงเวลารอบของเราสัก 20 นาที เราก็มาถึงกัน แสดงตั๋วเรียบร้อย รอเวลาให้ถึงรอบของพวกเราเท่านั้น จนกระทั่งถึงรอบของเรา 16.45 น. ก็เริ่มจากเข้าฟังข้อตกลงในการดูเพนกวินก่อน ยอมรับว่าผมฟังออกน้อยมาก งงๆ จะหลับซะให้ได้ว่าเค้าพูดอะไร

พอออกจากห้องมาก็แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มผมไปดูโรงพยาบาลนกเพนกวินก่อน อันนี้ได้เห็นนกแบบใกล้ตัวมาก และไม่ต้องแอบๆดูด้วย เพราะมันเป็นเหมือนนกป่วย นอนแบบไร้สติ หรือบางทีก็ยืนซึม พวกคนที่เข้าไปดูก็เหมือนคนไปเยี่ยมไข้ประมาณนั้น

หลังจากดูนกป่วย แล้วก็ขึ้นรถไปดูนกสบายดี เค้าพาเราขึ้นไปบนเนินเขา แล้วชี้ให้เราดูไกลๆ ริมชายหาดทะเล เห็นนกเป็นๆ แต่แบบว่าตัวเล็กๆ ไกลๆ เหมือนไปดูคอนเสิร์ตซื้อตั๋วราคาถูกสุด เห็นนักร้องเป็นจุดๆ ประมาณนั้นเลย แต่สักพักเค้าก็พาไปดูนกระยะใกล้ อ้อ ต้องบอกว่าที่เห็นตรงชายหาดนั้น มีแค่ 3-4 ตัวเท่านั้นนะ อย่านึกภาพเหมือนที่เรามักเห็นตามสารคดี ที่อยู่กันเป็นฝูง จากนั้นที่ระยะใกล้ เค้าพาเราไปดูแบบให้เราอยู่ในบังเกอร์ แล้วมีช่องระดับสายตามองลอดออกไปได้ ก็ได้เห็นอีก 5-6 ตัว นกก็ตัวไม่ใหญ่มาก สีขนก็ไม่ดำ แต่เป็นสีเท่า และตาสีเหลือง เดินด๊อกแด๊กๆ มีอยู่คู่นึงกำลังจีบกันอยู่ด้วย เดาเอานะ เพราะเห็นมันยืนจูบปากกันอย่างดูดดื่ม

สัก ชม.นึงก็ครบคอร์สที่เค้ากำหนด ก็ขึ้นรถกลับมืดพอดี พวกผมขับรถเข้าเมือง วันนี้มีแซลมอนมา ก็เลยไปซื้อของเตรียมทำอาหารกินกันที่ห้าง New World วันนี้เราต้องลองกินหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เค้าลือกันนักว่ามาแล้วต้องกินให้ได้ เพราะจะตัวใหญ่มาก ในห้างเค้าก็มีวางขายยังสดๆเลย แช่ในน้ำ เห็นเพื่อนบอกว่ามันยังไม่ตายด้วย

ที่พักที่ Dunedin นี้ เพื่อนจองแบบ B&B ให้ ที่พักเลยค่อนข้างดูดี เค้าดัดแปลงบ้านมาเป็นที่พัก เจ้าของก็นอนในบ้านนั้นด้วย ห้องที่เรานอนเป็นห้องใต้ดิน ดูแล้ววังเวงเหมือนกัน แต่พยายามไม่คิดอะไรมาก มัวแต่คิดถึงหนังฝรั่งหนังผีอะไรแบบเนี้ย แต่ก็ทำใจกล้าๆ ก็ไม่มีอะไร มื้อเย็นมีแซลมอนน้ำมันหอย หอยแมลงภู่อบ มาม่าผัด ฯลฯ ครัวที่นี่ก็ค่อนข้างดีทีเดียว สรุปว่าสวยมาก ควรค่าแก่การมาพัก

คืนนั้นผมนอนหลับอย่างมีความสุข เพราะได้นอนห้องใต้ดินที่หนีหนาวได้ดีทีเดียว และได้มีโอกาสดูโทรทัศน์ของนิวซีแลนด์ด้วย ที่ผ่านมาหลายวัน ไม่ได้ดูเลย เพราะพัก YHA ไม่มีให้ดู มีแต่ห้องรวม แต่ที่นี่มีในห้องนอนเลย ที่นี่รายการส่วนมากก็เป็นหนัง ซึ่งมีบางช่องแบบว่าเป็นหนังอาร์ๆหน่อย แบบว่าไม่มีการเซ็นเซอร์อะไรเลย สดเจงๆ ก็ดีได้อารมณ์ไปอีกแบบ 5555

แล้วคืนนั้นก็ผ่านไป จบการท่องเที่ยววันที่ 3 ของทริปนี้ เตรียมเดินทางต่อวันพรุ่งนี้ เป้าหมายของเราคือทะเลสาป Te Anau......



























 

Create Date : 26 เมษายน 2552
3 comments
Last Update : 1 พฤษภาคม 2552 23:35:32 น.
Counter : 1023 Pageviews.

 
 
 
 
สวยจังเลย ไม่ได้เข้า Mt.cook แต่เห็นวิวท์ค่ะ พักที่ ฟรานโจเซฟค่ะ อยากไปอีกค่ะ ติดใจ
 
 

โดย: Alisara วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:13:49:29 น.  

 
 
 
สวยจริงๆเลยค่ะ
บรรยากาศน่านอนน มากค่ะ
แต่ถ้าไปจริงคงนอนไม่ลงแน่ค่ะ
ต้องชมวิวเพลินแน่เลย
 
 

โดย: ann (ann_shinchang ) วันที่: 27 เมษายน 2552 เวลา:23:57:15 น.  

 
 
 
เยี่ยมมมมมมม...
สวยงามมากครับ.
 
 

โดย: kanit IP: 114.128.224.101 วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:49:53 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

อนุรักษ์นิยม
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add อนุรักษ์นิยม's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com