นิวซีแลนด์.... ดินแดนแห่งฝัน ตอน ออกเดินทางสู่ Queenstown

มาต่อครับ ต่อ จะเขียนจบมั้ยเนี่ยชาติเนี้ย เอาล่ะ ยังไงก็สัญญากะตัวเองไว้แล้วจะเขียนให้จบจนกระทั่งกลับมาไทยเลย

ถึงตอนนี้ก็มาถึงวันที่ 15 เมษายน แล้วนะ เข้าสู่วันที่ 5 ของการเที่ยวนิวซีแลนด์แล้ว นึกๆไปก็เร็วเหมือนกัน

แผนวันนี้ต้องไปให้ถึง Queenstown เมืองที่ใครๆก็บอกว่าสวย รวมทั้งน้องสองคนที่เจอหน้าสถานีรถไฟที่เมือง Dunedin ด้วย ตอนนี้คงเริงร่ากันใน Queenstown เป็นแน่

ที่ Queenstown พวกเราจะใช้เวลาอยู่ที่นั่นกันค่อนข้างนานหน่อย เพราะตามโปรแกรมจะมีโปรแกรม adventure เยอะเหมือนกัน

แต่ยังครับ ยัง เช้ามาไม่ได้ไป Queenstown ทันที เพราะต้องไปเก็บ Milford Sounds ก่อน อันนี้แบบว่าชื่อคุ้นมากจากที่เคยอ่านในกระทู้พันทิพย์ ก็มีคนเข้ามาเขียนชมกันมาก เหมือนว่าเป็นน้ำตกรอบทิศอะไรเทือกๆนั้น

การไป Milford Sounds นั้นไปไม่ยาก แต่เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งเหมือนเป็นติ่งอยู่ ทำให้การออกจาก Te Anau ไป MS ต้องไปและกลับทางเดียวกัน และต้องกลับมาตั้งต้นใหม่ที่ TA ด้วย

ระยะทางจาก TA ไปยัง MS ไกลพอสมควรประมาณ 120 กม. ตามกำหนดการน่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ในการขับรถไป

ระยะทางทำให้พวกเราต้องตื่นแต่เช้ากว่าปกติ เมื่อคืนมาถึงก็ 2 ทุ่มได้ กว่าจะได้นอนก็เกือบเที่ยงคืนไป วันนี้ต้องตื่นแต่ตีห้า เพื่อเก็บของออกจากที่พักตั้งแต่ 6 โมง คิดๆดูก็เหนื่อยนะ ยังบ่นกับเพื่อนๆเลยว่าเหมือนมาทรมานตัวเอง แต่บางคนบอกว่านี่คือรสชาติของการท่องเที่ยว เออ ก็อาจจะจริง

6 โมงเช้าปุ๊บล้อหมุนทันที ทุกคนรักษาเวลากันดีมาก ตัวผมก็ตามเคยไม่อาบน้ำตอนเช้า เพราะหนาวซะ เพื่อนบางคนเค้าไม่ได้ ต้องอาบ ก็ว่ากันไป

ที่น่าเสียดายคือพวกเราไม่ได้ชมความงามของทะเลสาป Te Anau กันเลย เพราะตอนที่ออกไป MS นั้น ยังไม่สว่างดีเลย แต่กะว่าขากลับถ้าไม่รีบมากก็จะแวะชมความงามซะหน่อย

ทางไป MS ค่อนข้างคดเคี้ยวพอสมควร ผ่านหุบเขาหลายๆลูก ก็อย่างเงี้ยแหละ สาวงามมักอยู่ในป่าลึก เฮ้ย ช้างงามต่างหาก แต่พวกเราก็ยินดีและเต็มใจที่รอคอยที่จะได้เห็น MS ว่าจะสวยสักแค่ไหน สมคำร่ำลือหรือไม่อย่างไร แต่อากาศเช้าวันนั้น ต้องบอกว่าครึ้มฟ้าครึ้มฝนอีกล่ะ แถมบางช่วงมีฝนตกพรำๆด้วย

ก่อนจะถึง MS จะมีการลอดใต้อุโมงค์ด้วย ซึ่งเจาะผ่านภูเขา อุโมงค์นี้เค้าให้รถวิ่งได้เลนเดียว ดังนั้นต้องมีไฟแดงจอดคอยให้อีกฝั่งมาให้เสร็จก่อน แล้วจึงเข้าไปได้

กลุ่มเราไม่ได้จองตั๋วไว้ก่อน เพราะทราบมาจากทางที่พักเมื่อคืนว่า มีหลายบริษัทให้บริการ และมีรอบเรือจำนวนมาก น่าจะออกทุกชั่วโมงเลยมั้ง

คือต้องบอกก่อนว่า Milford Sound เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องนั่งเรือออกไปชมภูเขา น้ำตก มันเหมือนเป็นทะเลสาปขนาดใหญ่ที่มีภูเขารายล้อมอยู่มากมาย และมีน้ำตกด้วยเป็นบางจุด

กลุ่มเราตั้งใจจะไปให้ทันเรือรอบ 9 โมง เพราะว่าเป็นเที่ยวแรก และจะมีอาหารเช้าให้กินกันด้วย พวกเรากะเวลาค่อนข้างเฉียดฉิว เพราะมัวแต่แวะระหว่างทางด้วยนิดหน่อย โชคดีที่ตอนเรามาถึงอุโมงค์ เป็นไฟเขียวพอดี เลยไม่ต้องเสียเวลารอ ถ้ารอดูเหมือนจะต้องรอถึง 15 นาทีเลย

ทำให้พวกเรามาทันก่อนเรือออกสักประมาณ 10 นาทีเห็นจะได้ รีบซื้อตั๋วกัน ถ้ามีบัตร YHA จะได้ลดราคาด้วย แต่เพื่อนเก็บไว้ในกระเป๋าใบใหญ่ ไม่ได้ติดตัวมา แต่เค้าคงเห็นพวกผมเด็กๆกันมั้ง ที่จริงก็ไม่เด็กแล้ว แต่ทำตัวแอ๊บแบ๊วกันทั้งกลุ่ม ก็เลยยอมให้ส่วนลด โดยไม่ได้ใช้บัตร YHA ต้องขอขอบคุณคุณเจ้าหน้าที่คนนั้นด้วยนะครับ

ได้ตั๋วเรียบร้อย ก็ได้เวลาขึ้นเรือพอดี พวกเราขึ้นไปเป็นกลุ่มหลังๆแล้ว ทำให้ที่นั่งในเรือ ซึ่งมี 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นห้องกระจก ซึ่งไว้สำหรับชมวิว 2 ข้างทาง เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการตากลม หรือไม่นิยมอากาศหนาวเกินไป ส่วนชั้นบนเป็นชั้น outdoor คือเปิดโล่ง เหมาะกับคนที่อยากได้บรรยากาศโอโซน ควบคู่ไปกับวิว MS ที่ไม่ต้องมีกระจกมาเป็นฉากกั้น

การล่องเรือนั้นตามกำหนดการใช้เวลาประมาณ 1 ชม. พวกเราขึ้นเรือปุ๊บก็ได้ที่นั่งส่วนตรงกลาง เพราะขึ้นมาไม่ทันจองที่นั่งแบบติดหน้าต่าง ก่อนที่จะไปชมวิว ทุกคนก็เริ่มจัดการกับท้องก่อน เพราะไม่ได้กินอะไรกันมาตั้งแต่เช้าแล้ว อาหารที่จัดไว้ก็มีพวกคอนเฟล็กซ์กับนม ส้ม ขนมปัง เนย กาแฟ ชา ... ก็พอกินประทังหิวไปได้

กินอิ่มกันแล้ว ก็พร้อมลุยไปด้านนอก ชั้นสอง อากาศวันนั้นค่อนข้างเย็น และมีละอองฝนตกพรำๆ มีผู้โดยสารมากพอสมควร บรรยากาศด้านบนนั้น เราสามารถเห็นวิวได้แบบ 360 องศา เพราะค่อนข้างเปิดโล่ง โดยไม่มีโถงที่นั่งตรงกลางขึ้นมาบดบัง พวกเราสูดโอโซนกันเต็มปอด แล้วก็ถ่ายรูปกัน วิวบ้าง คนบ้าง สลับกันไป

น้ำและอากาศวันนี้ ดูไม่ค่อยสวยนัก เพราะท้องฟ้าหม่น ทำให้ถ่ายรูปได้ไม่สวย สภาพภูเขาที่ขึ้นมารายล้อมก็ค่อนข้างธรรมดา มีต้นไม้ขึ้นแซมตลอดตัวภูเขา เราดูๆไปก็นึกถึงสถานที่นึงในเมืองไทย คือ เขาสก เขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ฯ จำได้ว่าวันที่ไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน สภาพอากาศดีกว่าที่ MS มากๆ ทำให้ไม่ประทับใจที่นี่สักเท่าไหร่ ไม่คุ้มกับการที่อุตส่าห์ตื่นแต่ยังไม่สว่าง แล้วก็ต้องมาหลับต่อในรถที่ต้องขับมาอีกกว่า 2 ชม.

แต่ยังไงก็ไม่มาก็ไม่รู้ ก็มาซะ เพราะคงไม่ได้มานิวซีแลนด์ง่ายๆ บ่อยๆ แต่ที่นี่มีสิ่งที่ต่างจากเชี่ยวหลานตรงที่มันมีพวกสัตว์น้ำ เช่น นกน้ำ แมวน้ำ ให้ดูด้วย โดยเฉพาะแมวน้ำ พวกมันคงชิน เพราะเรือเข้าไปใกล้ มันก็นอนอาบแดดบนโขดหินสบายใจ ไม่เห็นมันจะตื่นเต้นตกใจอะไร วันนั้นเราเห็นทั้งหมด 3 ตัว แต่สีมันกลมกลืนกับโขดหินมากนะ ต้องสังเกตดีๆ

อีกอย่างที่เชี่ยวหลานไม่มีคือน้ำตก ที่ MS จะมีน้ำตกหลายจุดมาก แล้วเรือก็ขับเข้าไปใกล้อันนึง ซึ่งเป็นน้ำตกใหญ่มาก ละอองน้ำเปียกกระจาย แต่คนก็ไม่กลัว ยืนถ่ายรูปกันใหญ่ งานนี้ได้พิสูจน์ว่ากล้องใครจะทนน้ำได้ดีกว่ากันล่ะ

ประมาณ 1 ชม. ก็จบภารกิจ MS ซึ่งก็อย่างที่บอก ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ทีนี้ขากลับก็ขับรถกลับไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็ยังครึ้มไปตลอด แต่ก็มีจุดแวะพักถ่ายรูปบ้างประมาณ 2-3 จุด ซึ่งวันนี้ก็จะได้ feel ของอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนไปตลอด

จนกระทั่งประมาณเที่ยง พวกเรามาถึงทะเลสาป Te Anau อีกครั้ง ทีนี้อาหารกลางวันมันต้องรีบอีก เพราะต้องเดินทางอีกไกลเหมือนกัน ทุกคนจึงตกลงที่จะลองกิน Subway กัน บอกตามตรงว่าไอ้แซนวิชยี่ห้อนี้เห็นมานาน แต่ไม่เคยคิดจะกินเลย

งานนี้ผมรับหน้าเสื่อเป็นคนสั่ง ทีนี้ด้วยความที่ไม่เคยกินมาก่อน ก็ไม่รู้ว่ามันมีขั้นตอนเลือกชีส เลือกผัก เลือกน้ำสลัด เยอะแยะมากมาย แล้วตอนเค้าถามผม ผมก็ยังงงๆ คนขายก็ทำหน้าแบบว่า อะไรกัน ไม่เคยกินรึไง ถึงไม่รู้เรื่อง แต่สุดท้ายก็สั่งได้ แบบมั่วๆ จำได้ว่าตอนนั้นต้องรีบๆ เพราะพอเราเริ่มสั่ง ฝรั่งก็เข้ามาต่อคิวเต็มไปหมด เฮ้อ เพิ่มความเครียดอีก แต่สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี

รสชาติพอแหลกล่าย แต่ก็อิ่มแบบกินเบอร์เกอร์ทำนองนั้น แต่เนื่องจากอันใหญ่มาก มันเลยลงไปอืดในท้อง ที่สำคัญคือพวกเราใช้เวลาในการกินเร็วมาก ประหยัดเวลาได้มากอยู่ ถ้าไม่นับเปลืองเวลาตอนสั่งซื้อนะ เพราะมัวแต่ทำความเข้าใจอยู่นาน

กินเสร็จก็รีบบึ่งรถต่อไปยังจุดหมายต่อไปของพวกเราคือ Queenstown อย่างที่บอกว่าที่นั่นมีแผนที่จะทำกิจกรรมมากมาย เราออกเดินทางกันไปได้ไกลพอสมควร แล้วก็มาเพิ่งนึกกันออกว่าเราไม่ได้อยู่ชมความงานของทะเลสาป Te Anau เลย แต่ก็สายเกินกว่าที่เราจะกลับไปชมอีกรอบ เอาเป็นว่าถ้ายังมีบุญ คงได้กลับมาชมอีกครั้ง ไม่น้อยใจกันนะครับ Te Anau

แต่ยังครับ ยัง ระหว่างทางก่อนถึง Queenstown มีจุดนึงที่เป็น highlight ของการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ ถือเป็นจุดขายด้วย ก็คือ Deer Park High ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Lord of The Rings : The Two Tower เอ ชื่อตอนถูกป่าวไม่รู้ รู้แต่ว่าภาคสองครับ ขาขึ้นสามารถขับรถขึ้นไปได้เลย เสียเงินค่าเข้าคันละ 20 USD จะนั่งไปกี่คนไม่ได้มีจำกัดไว้ พวกผมอยู่กันเต็มคันรถ เลยกำไรหน่อย เพราะนั่ง 2 คน หรือนั่ง 8 คนก็เสีย 20 USD เท่ากัน

เข้าไปข้างในขับรถขึ้นเขาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ มีแผนที่คอยบอกว่าจุดไหนจะเจอสัตว์จำพวกใด เช่น หมู กวาง ลา ฯลฯ เป็นสัตว์แปลกๆ ซึ่งก็คล้ายๆกับสวนสัตว์เปิด เพราะสัตว์ที่ว่ามานั้นบางประเภท เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นที่นี่แหละ และหากมันเป็นสัตว์ที่ไม่อันตราย ค่อนข้างเชื่อง เค้าก็จะปล่อยไว้ตามถนน และนักท่องเที่ยวสามารถซื้ออาหารให้กับสัตว์ได้ตามที่ต้องการ แต่ดูเหมือนมีบางจุดเหมือนกันที่ห้ามการให้อาหารสัตว์ แต่ว่าส่วนมากแล้วจะไม่มีปัญหา

ที่จริงสัตว์เหล่านั้น แม้ว่าจะทำให้เราเพลิดเพลินใจได้มากอยู่ก็ตามที แต่จุดประสงค์หลักของการขึ้นมาบน Deer Park High นั้น อยู่ที่วิวของสถานที่ถ่ายทำ LOR มากกว่า ซึ่งในแผนที่ก็มีบอกไว้ว่าอยู่แถวๆไหน พวกเราขึ้นไปก็เห็นว่าวิวสวยงามมาก โดยเฉพาะหากมองลงมายังตัวเมือง Queenstown แล้วละก็ ความสวยงามที่ได้เห็น ยากจะบรรยายจริงๆ นอกจากเมืองแล้ว ทิวเขาที่เป็นธรรมชาติรอบๆเมือง ก็ล้วนแต่สวยงามจับจิตจับใจมากเหลือเกิน

แต่เป็นที่น่าเสียดายที่พวกเราไม่สามารถจำฉาก รายละเอียดของเรื่อง LOR ที่มาถ่ายทำที่นี่ได้ แม้ว่าจะมีป้ายบอก แต่ก็ไม่ได้อินมากนัก ก็เพียงแต่อ๋อๆ ตรงนี้นะ เข้าใจล่ะ สรุปว่าการขึ้นมาบนนี้ ทำให้พวกเราประทับใจสัตว์ต่างๆ และวิวทิวทัศน์มากกว่าที่จะมาประทับใจกับฉากที่ถ่ายทำเรื่อง LOR เป็นไหนๆ (คิดว่ากลับไปคงต้องไปซื้อ DVD เรื่องนี้มาดู แล้วก็เปรียบเทียบกับรูปถ่ายที่เราถ่ายกันมา)

ใกล้มืด พวกเราก็ขับรถลงสู่พื้นราบ ขาลงมีคนจอดรถกำลังให้อาหารสัตว์อยู่ด้วย สัตว์พวกนั้นเชื่องถึงขนาดที่ยื่นหน้าเข้าไปในรถเพื่อขออาหาร ซึ่งกลุ่มพวกเราไม่ได้ crazy สัตว์มากขนาดนั้น จึงขอผ่านกิจกรรมนี้ไปเลย จนกระทั่งมาถึงเมือง Queenstown และเวียนหาที่พักก็เป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่มแล้วเห็นจะได้

ที่พักของพวกเราวันนี้เป็นแบบ back packer แต่ไม่ใช่ YHA เหมือนวันก่อนๆ แต่ก็ไม่แตกต่างอะไรมากนัก เป็นอีกคืนหนึ่งที่พวกเราต้องนอนเตียงสองชั้น หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ ก็ถึงเวลาอาหารเย็น วันนี้พวกเราตั้งใจกินกันในเมือง ขับรถไปเวียนหากัน มีฝนตกพรำๆ และมีคนไทยอยู่มากมาย แบบว่านึกว่าอยู่เมืองไทย เจอคนไทยทุกสี่แยก

ร้านอาหารไทยก็เป็นร้านที่ขายดีมากๆ เท่าที่เห็นก็มีอยู่ถึง 3-4 ร้านได้ ในย่าน downtown นะ นอกจากนี้ไม่แน่ใจแล้ว ร้านที่พวกเราเลือกกินมีการทำการตลาด โดยลดพิเศษสำหรับคนไทย 20% พวกเราก็ไม่รีรอ สั่งกับข้าวกระจาย เผอิญไปเจอเพื่อนสมัยเรียนของผมที่นั่นด้วย ในร้านอาหารเดียวกัน ดูสิครับว่าโลกมันกลมแค่ไหน

กินข้าวเสร็จเดินเที่ยวกันต่อ ของที่ระลึกดูจะเป็นร้านที่ยังเปิดอยู่ค่อนข้างดึก (สามทุ่ม) ร้านอื่นๆก็เริ่มทยอยปิดกันไปเรื่อยๆ แต่ราคาของที่ระลึกที่นี่ค่อนข้างแพง ก็เลยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาเลย ส่วนร้านค้าที่นี่เวลาเค้าปิดร้าน เค้าจะแค่ล็อกประตู ปิดไฟในร้านเท่านั้น ยังสามารถมองลอดกระจกผ่านเข้าไปได้ ทำให้หลายครั้งที่ทำให้พวกเราเข้าใจผิดคิดว่ายังไม่ปิดร้าน ชะโงกหน้าหาเจ้าของร้านใหญ่ (ไฟปิดไม่สนิท เหมือนจะยังต้องการโชว์ของในร้านไว้)

ดึกแล้ว พวกผมเข้านอนกันอย่างพร้อมเพรียง เพราะต่างก็เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวัน เพื่อรอเดินทางต่อไปยังทะเลสาป Wanaka ซึ่งมีการเปลี่ยนแผนจากเดิมที่จะไปนอน Fox Glaxier แต่ดูแล้วจะรีบเที่ยวเกินไป จึง revise แผนกันใหม่ ซึ่งก็ไม่ติดขัดเรื่องที่พักที่จองไว้แล้ว แต่จำเป็นต้องตัดทริปวันท้ายๆออก เพราะไม่สามารถเดินทางได้ทันที่คิดมาทั้งหมด (ที่ตัดไปคือ Pancake Rock) เนื่องจากพรุ่งนี้เรามีกิจกรรมมากมายใน Queenstown จึงเกรงจะเร่งรีบเกินไป จนทำให้ไม่สนุกและดื่มด่ำมากเท่าที่ควร



วิวธรรมชาติเมือง Queenstown ถ่ายมาจาก Deer Park High



วิวระหว่างทางไป Milford Sounds



นี่แหละ Milford Sounds หรือเขาสกบ้านเราดีๆนี่เอง อ้อ แถมท้องฟ้าหม่นหมองอีกตะหาก



วิวธรรมชาติ Queenstown อีกมุมมอง

Create Date : 16 พฤษภาคม 2552		1 comments
Last Update : 17 พฤษภาคม 2552 6:42:29 น.
Counter : 656 Pageviews.
Share Tweet