<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
24 เมษายน 2552
 

นิวซีแลนด์.... ดินแดนแห่งฝัน ตอน ออกเดินทางสู่เมาท์คุก

สวัดีครับ ขอรีวิวต่อจากเมื่อวานหลังจากจบจากเที่ยวใน CHC นะครับ และอีกอย่าง ก่อนไปต่อ ลืมไม่ได้ ขอบคุณทุก comment ที่มีให้จากทุกๆ บล็อกนะครับ

เช้าวันต่อมา 12 เม.ย. 52 ใกล้วันสงกรานต์เข้ามาทุกที แต่ปีนี้พวกผมฉลองสงกรานต์ที่ไหนสักแห่งในนิวซีแลนด์ ตื่นเช้ามาอากาศที่ CHC สดใสมากครับ เย็นๆสบาย แดดจัดจ้า เหมือนธรรมชาติจัดให้พวกเรา ต้อนรับพวกผมสู่การเริ่มต้นท่องเที่ยวนิวซีแลนด์อย่างเป็นทางการ





บรรยากาศยามเช้าของ CHC ก่อนออกเดินทาง เย็นสบายดีมากๆ

พวกผมตื่นเช้ามา มีบางคนตื่นเช้ากว่าใครเพื่อนไปทอดไส้กรอก ไข่ดาว เตรียมอาหารเช้าให้เพื่อนๆ ขอบคุณนะครับเพื่อน แต่ก็มีอีกจำพวก ซึ่งรวมผมด้วย ตื่นมาก็เพื่อจะมากินแล้วล่ะ อาหารเช้าวันนี้อลังการมากมาย จากที่ไปช็อปปิ้งกันมาเมื่อคืน แต่ขอบอกว่าไส้กรอกที่นี่ไม่ค่อยอร่อยอ่ะ

กินเสร็จผมก็ทำหน้าที่อันทรงเกียรติ ล้างจาน... แล้วไปเตรียมตัวกัน ปรากฏว่าพวกผู้หญิงในกลุ่มต้อนรับวันสดใสอย่างนี้ด้วยการใส่ชุดสีชมพูกันทั้งกลุ่ม แบบว่า เป็น pink girl group ว่างั้นเลย ส่วนผู้ชายก็พยายามคุมโทนไม่ให้โดดกันเกินไป ผมเองไม่มีสีชมพู แต่เตรียมสีแดงมา ไม่กล้าใส่ที่เมืองไทย กลัวถูกกล่าวหาว่าฝักไฝ่อำนาจมืด เลยได้มาใส่เอาที่นิวซีแลนด์นี่ล่ะ คิดว่าน่าจะปลอดภัย

เราออกจาก CHC ประมาณ 8 โมงได้ ไปตามทางที่ GPS บอก สะดวกดีมากๆ เราออกจากเมืองได้โดยไม่หลงทาง มุ่งหน้าไปทางเมือง Ashberton ซึ่งเป็นเมืองระหว่างทางก่อนเราจะไปถึง Mt. Cook บ้านเมืองก็สวยงามได้มากมาย รวมทั้งธรรมชาติด้วย วิวสองข้างทาง ส่วนมากก็เป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะ กับเลี้ยงวัว (ไม่แน่ใจว่าเนื้อหรือนม)

พวกผมขับไปสักพักใหญ่ๆ ระหว่างทางที่ขับก็ยังคงพยายามควบคุมความเร็วตามป้ายกำหนดความเร็ว สังเกตได้ว่าถนนส่วนมากเป็นถนน 2 เลนส์ สวนกันได้เฉพาะไปกลับเท่านั้น แต่จะมี 4 เลนส์เป็นบางช่วง เพื่อปลดปล่อยให้มีการแซงกันได้ เพราะช่วงที่เป็น 2 เลนส์นั้น คนที่นั่น จะไม่ขับแซงกันเลย คิดว่าคงผิดกฎหมาย เค้าจะขับรถต่อท้ายกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึง 4 เลนส์ จึงจะเร่งความเร็วแซงขึ้นมา

แต่ผมก็ยังแปลกใจอยู่ดี เพราะผมใช้ความเร็วสูงสุดเท่าที่ป้ายกำหนด แต่ไหงคันอื่นๆ กลับแซงไปได้หมด แสดงว่าเค้าต้องขับเร็วกว่านั้น ก็แสดงว่าเกินที่กฎหมายกำหนด หุๆ แล้วตกลงมันผิดหรือไม่ผิดหว่า แต่ผมก็ยังคงไปเรื่อยๆเหมือนเดิม ยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดบ้างเหมือนกัน ถ้าเป็นบ้านเรา คงไม่ปล่อยให้ใครแซงแบบนี้แน่ๆ

สักพักก็มีเพื่อนอยากแวะเข้าห้องน้ำ พวกผมหาร้านกาแฟริมทาง ซึ่งมีอยู่เรื่อยๆ เป็นระยะๆ และมักจะอยู่ร่วมกับ i site คือจุดที่ให้ข้อมูลบริการการท่องเที่ยว แต่บางที่แม้จะไม่มี i site แต่ก็จะมี brochure ท่องเที่ยวแจกฟรีเยอะแยะไปหมดเลย และมักจะมีบริการห้องน้ำอยู่ด้วยเสมอ แต่ถ้าใครหวังจะเข้าห้องน้ำฟรีที่ปั๊มน้ำมัน อาจต้องผิดหวัง เพราะปั๊มที่นี่บางแห่งก็ไม่มีห้องน้ำ บางแห่งมีแต่ก็ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการเข้าเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเข้าห้องน้ำตามห้องน้ำสาธารณะ หรือตาม i site หรือ coffee shop จะดีที่สุดครับ

ขับไปเรื่อยๆ มีอีกอย่างที่สังเกตเห็น คนที่นี่รักธรรมชาติมาก เค้าทำรั้วด้วยต้นไม้ทั้งนั้น แล้วเค้าก็ปลูกคล้ายๆต้นสนตัดขอบให้เป็นเส้นตรง เราก็จะเห็นเป็นแนวของรั้ว ทุกอย่างล้วนมาจากธรรมชาติทั้งนั้น

ทุ่งเลี้ยงแกะมีให้เห็นไปตลอดทาง เค้าจะมีเครื่องรดน้ำหญ้าแบบเป็นรถแลมีปีกออกไปสองด้านขนาดใหญ่ สเปรย์น้ำไปตลอดปีก ดูแล้วก็มีเทคโนโลยีดี ใช้กำลังคนน้อย ส่วนแกะหลายๆฟาร์มถูกกล้อนขนไปหมดแล้ว ทำให้ดูไม่น่ารักเท่าไหร่ ผิดกับแกะที่ขนปุยจะน่ารักกว่ามาก

พวกผมลองจอดแวะดูแกะใกล้ๆ แต่ไม่ได้ลงไปทำอะไร แกะเค้าจะออกแนวตื่นๆคนหน่อย แต่ไม่ได้ตื่นตูมอะไรมากมายเกินไป แต่เค้าจะยืนมอง บางตัวก็กินหญ้าแบบไม่สนใจอะไร ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว ผมคิดว่าถ้าเราวิ่งไล่จับแกะ น่าจะพอจับได้บ้างนะ เพราะมันก็อุ้ยอ้ายอยู่เหมือนกัน อีกอย่างมีแกะเยอะแยะมากมาย มันต้องจับติดสักตัวล่ะน่า แต่ไม่กล้าทำจริง กลัวโดนเจ้าของเอาปืนมายิงซะก่อนที่จะจับแกะได้ แหะๆ

ขับไปเรื่อยๆ ถึงเมือง Ashburton (เมืองนี้พวกผมแค่ผ่าน แวะถ่ายรูปกับต้นไม้ใบเหลือง ซึ่งมีอยู่เยอะมากในนิวซีแลนด์ แต่จนกลับมาแล้วก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันเป็นต้นอะไร) แล้วก็ผ่านสุสานที่นั่นด้วย ก็เหมือนกับที่เราเห็นในหนังทั่วไป ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น

ขับไปอีกก็แวะร้านขายของที่ระลึกหลังจากออกจาก Ashburton ไปได้สักพัก ที่นั่นมีครีมรกแกะ ซึ่งใครต่อใครก็มักพูดว่ามานิวซีแลนด์ก็ต้องซื้อครีมรกแกะกลับไปเป็นของฝาก ด้วยความเชื่อแบบนี้ กลุ่มผมเลยเหมาครีมรกแกะไปสัก 2 โหลเห็นจะได้ ดีไม่ดีไม่รู้ แต่ไหนๆมาถึงที่แล้ว ก็ซื้อไปซะหน่อย ส่วนผมได้ตุ๊กตาแกะกับนกกีวี ไปฝากหลานๆ 2 ตัว

ขับต่อไปเรื่อยๆ จนมาเที่ยงเอาแถวๆเมือง.... อะไรหว่า จำไม่ได้ซะแล้ว แต่ที่เมืองนี้ก็มีสภาพบ้านเมืองน่ารักๆ คล้ายๆกับทุกๆเมืองที่ผ่านมา พวกผมเริ่มหิว จึงต้องหาอาหารกิน ซึ่งก็หนีไม่พ้นอาหารจีนตามเคย

ที่ร้านอาหารจีน ส่วนมากเค้าจะทำหมี่ผัด ข้าวผัด ผัดผักเสร็จแล้วตั้งไว้รอตักอย่างเดียว แล้วใช้กระดาษปิด (ตามสไตล์คนจีนที่ไม่ค่อยพิถีพิถันเรื่องรูปแบบสักเท่าไหร่) ทำให้ดูไม่ค่อยน่ากิน อีกทั้งมันคงชืดน่ะ เพราะอากาศเย็นซะขนาดนั้น ผมเลยต้องถามเจ้าของร้านให้แน่ใจว่ายูทำใหม่ให้รึป่าว

เจ๊แกทำหน้างงๆ พร้อมตอบด้วยเสียงที่ดัง ฟังแล้วเหมือนดุเราว่าถ้ายูสั่ง ไอก็ทำ แล้วทำเป็นมาแก้ภาษาปะกิดของเราอีกนะ เราพูดไปอย่างนึง เค้าก็ย้ำอีกทีเพื่อความมั่นใจ แต่เค้าย้ำแบบว่าแก้ไขภาษาของเราด้วย เอ้อ ยายป้านี่ แต่ก็เอาๆเหอะ หยวนๆ ป้าแกคงไม่ค่อยมีลูกค้า แต่พอสั่งอาหารอะไรเสร็จแกก็ดูสดใสร่าเริงกลับมา แสดงว่าแกก็เป็นอย่างนั้นของแกเอง

สรุปว่าอาหารก็พอกินได้ และที่สำคัญได้อาหารทำใหม่ทั้งหมด ช่างอิ่มอร่อยสมกับที่อุตส่าห์หอบหิ้วท้องมากินอาหารจีนถึงเมืองนี้ มีข้าวให้กินด้วย หากินข้าวได้ไม่ยากที่นิวซีแลนด์

เสร็จแล้วพวกเราไปต่อกัน เส้นทางขับจากที่เป็นที่ราบอยู่ดีๆ ก็เริ่มเป็นเขา เป็นเหวบ้าง คือเข้าใจว่าคงตัดถนนผ่านภูเขา ทีนี้งานเข้าล่ะครับ คือว่าผมเป็นคนขับรถในทางที่สูงแบบข้างๆเป็นเหว แบบนี้ไม่ค่อยได้ เพราะเป็นคนกลัวความสูง พลขับที่สองเลยต้องออกโรงทำงาน แต่ก็ดูแล้วเพื่อนผมก็อยากลองขับอยู่เหมือนกัน ก็เลยเปลี่ยนมือซะ ผมก็นั่งอย่างเดียว สบายไป

จนกระทั่งมาถึงทะเลสาปที่สวยงามมาก เพราะผสมไปด้วยแสงแดดยามบ่ายที่เจิดจ้า ท้องฟ้าแจ่มจรัส ทำให้ขับวิวของทะเลสาปให้สวยขึ้นไปอีก ทะเลสาปที่ว่าคือ ทะเลสาปเทคาโป (Tekapo) สวยครับ สวยมากจริงๆ และสามารถถ่ายรูปได้หลายด้านมาก เพราะมีถนนอ้อมรอบๆ Lake และก็สวยได้ใจทุกมุมเลย พวกผมแวะถ่ายรูปกันหลายมุมมาก สวยทุกมุม

ที่จริงมีที่พักอยู่แถวๆ เทคาโปอยู่หลายที่เหมือนกัน แต่ไม่ได้ถึงกับเป็นเมืองนัก ถ้าพักที่นี่คงโรแมนติกน่าดู ตื่นมาตอนเช้ามีทะเลสาปสวยงามอยู่ตรงหน้า มองไปไกลๆ เป็นภูเขาน้ำแข็ง เฮ้อ คิดแล้วก็อยากพักซะที่นี่เลย แต่ว่าไม่สามารถ เพราะ trip planner ได้ทำการจองที่พักไว้แล้วที่ Mt. Cook

ถ่ายรูปกันจนหนำใจทุกซอกทุกมุมแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางต่อ ตอนนั้นก็เริ่มเย็นมากแล้ว ประมาณ 5 โมงเย็นได้ เรายังมีอีกจุดหนึ่งที่วางแผนว่าจะแวะก่อนถึง Mt. Cook คือฟาร์มเลี้ยงปลาแซลมอน ซึ่งพวกเราก็เจอป้ายบอกทาง ขับเข้าไปอีกประมาณ 12 กม. ตอนนั้นก็คิดหนักเหมือนกัน เพราะอีกไกลกว่าจะถึง Mt. Cook สุดท้ายก็ตกลงว่าจะไปดูกัน เพราะคงไม่ได้มาบ่อยๆ

เข้าไปถึงหลงทางอีก แต่ข้างในทางเข้าก็มีมุมทะเลสาปสวยงามมากอีกเหมือนกัน แต่เราไม่สามารถแวะถ่ายรูปได้อีกแล้ว เพราะเวลามันกระชั้นเข้ามาทุกที เวียนหากันจนเจอจนได้ เพราะมันดันขึ้นไปอยู่บนเขา ใครจะไปรู้ว่าจะไปทำฟาร์มแซลมอนกันบนเขา แต่เค้าใช้วิธีสูบน้ำขึ้นไปทำฟาร์มเลยนะครับ แต่น่าเสียดายไปถึงเค้าก็ปิดหมดแล้ว ปกติเปิด 9 โมงถึง 5 โมงเย็นเท่านั้น แล้วเค้าก็รู้อีกว่าพวกเราเป็นคนไทย เป็นฝรั่งนะ แต่แอบสวัสดครับด้วยอ่ะ แสดงว่าคนไทยเนี่ยมาที่นี่กันเยอะแยะ

พอไม่ได้แซลมอนเราก็รีบบึ่งรถเข้า Mt. Cook ต่อ คราวนี้ก็แหวกถนนฝ่าความมืดกันล่ะครับ ตลอดทางผมก็หลับๆตื่นๆ มีอยู่ช่วงนึงเพื่อนพลขับทำท่าเหมือนจะชนอะไร แต่ก็ไม่ได้ชน ถามเพื่อนก็บอกว่าตัวพอสซั่ม ซึ่งเป็นสัตว์ที่เค้าบอกว่าไม่มีมูลค่าเลย ไม่มีประโยชน์ ผมไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ เห็นทีไรเป็นซากศพอยู่กลางถนนตลอด บางทีอยู่กับนกแร้งที่กำลังเอร็ดอร่อยกับซากพอสซัม กะว่าก่อนจบทริป อยากเห็นตัวเป็นๆสักที หุๆ

เราไปถึง Mt.Cook กันประมาณ 2 ทุ่มครึ่งได้ ไม่เห็นภูเขา Mt.Cook อย่างที่คิด เพราะมืดไปหมด เห็นแค่เป็นเงาๆของภูเขา คงต้องเป็นวันพรุ่งนี้ อากาศที่นั่นคืนนั้นหนาวมาก ห้องพักของพวกเรายังคงเป็น YHA Mt. Cook ซึ่งก็คล้ายๆกับที่ CHC นอนรวมกัน 8 คน เตียงสองชั้น แต่คราวนี้ผมต้องปีนนอนข้างบน กลางคืนทำอาหารกินกันที่ครัวของ YHA วันนั้นคนค่อนข้างเยอะนะ แต่เค้ากินกันไปเสร็จแล้วเป็นส่วนใหญ่ พอกลุ่มเรามาก็เหมือนยึดครัวเลย เพราะคนเยอะจัด

มื้อนี้ที่จำได้ก็มีไข่เจียว แกงจืด ผัดผัก ไก่ทอด ช่วยๆกันทำ ผลที่ได้คือ น้ำมันไม่ร้อน เพื่อนที่ทอดไข่ ทอดได้เละมาก แถมอมน้ำมันอีกตะหาก โดนด่าซะ ขนาดทอดไข่ยังทำไม่ได้ดี หุๆ ส่วนเพื่อนอีกคนทอดไก่ ก็ทอดจนไหม้ดำอีก เฮ้อ แต่ละคน ส่วนที่เหลือเป็นแม่บ้านในกลุ่มทำ ก็กินอร่อยทั้งแกงจืดและผัดผัก แต่ไม่ว่าจะยังไง พวกเราก็รู้สึกมันอร่อยกว่ากินอาหารชาติอื่นเป็นไหนๆ กินกันจนหมดเกลี้ยงเลย ตบท้ายด้วยลูกกีวีทอง และสตรอเบอรี่ ผมเองเพิ่งเคยลองกินกีวี อร่อยมากครับ ได้ใจสุดๆ ใครไปต้องกินให้ได้ แต่ต้องเป็นกีวีทองเท่านั้นนะครับ

หมดกิจกรรมของวันล่ะครับ วันนั้นกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนอีก เฮ้อ เหนื่อยทุกวัน แต่ก็สนุก ทุกคนหลับกันหมด เพื่อพร้อมออกเดินทางต่อพรุ่งนี้ ไปสู่ทะเลสาปเตอะนาว (Te Anau)....



ทุ่งเลี้ยงแกะ แกะ และ แกะ แกะเยอะจริงๆ





คาเฟ่ระหว่างทางที่เอาไว้แวะกินกาแฟ กะเข้าห้องน้ำ









วิวระหว่างทางขับไป เปลี่ยนแปลงตลอด บางทีเขียวชอุ่ม บางทีเหมือนแห้งแล้ง ดูเอาเองนะครับ









วิวทะเลสาป Tekapo ครับ ผมชอบมากๆ ทะเลนี้สวยโคตรๆ







อาหารเย็นพร้อมแม่บ้านคนสวย และลูกกีวีที่บอกว่าอร่อยมากๆ ต้องลองครับๆ ที่โน่นกิโลละแค่ 40 บาทได้ ถ้าจำไม่ผิดนะครับ




 

Create Date : 24 เมษายน 2552
0 comments
Last Update : 25 เมษายน 2552 6:12:13 น.
Counter : 1191 Pageviews.

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

อนุรักษ์นิยม
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add อนุรักษ์นิยม's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com