Soaring Yet Rooted
ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จจนมีสถานภาพสูงขนาดใหน ขออย่าได้ลืมผู้มีพระคุณที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคุณ
|
|||
วิกฤติการสอบเข้าโรงเรียนรัฐ(ที่สิงคโปร์) ก็อย่างที่แอบเล่าไว้ในบทก่อนๆแล้วว่าผมเกือบสอบเข้าโรงเรียนรัฐที่สิงคโปร์ไม่ได้ คือเรื่องราวมันเป็นอย่างงี้..... หลังจากที่ผมใช้ชีวิตเรียนๆเล่นๆที่แอมเซ็นผ่านไปประมาณเกือบปี ผมก็ต้องไปสอบ PACT(คล้ายๆสอบ เอ็นสะท้านของบ้านเรา)เพื่อเข้าเรียนต่อในโรงเรียนรัฐในสิงคโปร์ แต่เนื่องจากผมหลั่นล้ามากเกินไปก่อนหน้านี้เลยทำให้คะแนนสอบ PACTออกมาแบบห่วยขั้นเทพ ความจริงคะแนน PACTต่ำก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะทางแอมเซ็นสามารถจัดให้ผมไปสอบตรงที่โรงเรียนเลยได้ และถึงแม้ผมจะสอบตรงไม่ติด เจ้าของแอมเซ็นก็ยังมีเส้นสายในโรงเรียนรัฐแห่งหนึ่ง เขาสามารถดำเนินการช่วยผมเข้าเรียนที่นั่นได้ เพราะฉะนั้นโอกาสที่ผมจะไม่มีโรงเรียนให้เข้าจึงมีไม่มาก แต่ปีนั้นเจ้าของแอมเซ็นดันเกิดขี้เกียจไม่ทำอะไรเลย(ทั้งๆที่จายเงินค่าดำเนินการไปแล้ว) ภาระเลยตกอยู่กับบพ่อของเขา คุณแพททริก พอดีว่าคุณแพททริกและตูย่าไม่เคยมีประสปการพาเด็กนักเรียนสอบเข้าโรงเรียนรัฐ เลยไม่ได้ดำเนินการให้ผมไปสอบตรงที่ไหนเลย กลายเป็นว่าผมและเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายคนถูกลอยแพ บางคนย้ายออกไปจากแอมเซ็น บ้างไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชน และบางคนต้องกลับประเทศของเขาไป ตอนนั้นเหลือผมและเพื่อนอีกสองคน(พี่เชน และฝาย)ที่ยังไม่มีโรงเรียน แม่ของฝายไหวตัวทันจึงพาฝายย้ายออกจากแอมเซ็นไปอยู่กับครอบครัวคนสิงคโปร์และให้พวกเขาช่วยพาไปสอบเข้าเรียน ส่วนผมก็โทรปรึกษาพ่อแม่และเล่าให้พวกท่านฟังว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อเลยให้เจ๊เก๋(เจ้าเก่า)บินมาที่สิงคโปร์เพื่อสะสางงานนี้ เจ๊เก๋ไปเจรจาหาทางกับตูย่าและแพททริก ปรากฏว่าพวกเขาจะลองพาผมไปที่โรงเรียนสามแห่งเพื่อเข้าพบอาจารใหญ่และขอให่ผมได้ลองสอบตรงดู โรงเรียนแรกที่ผมไปบอกปฏิเสธที่จะให้ผมสอบทันทีที่เห็นคะแนนPACT ของผม โรงเรียนที่สองไม่แม้แต่จะดูคะแนน PACTของผม โรงเรียนที่สามบอกให้ผมอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษให้ฟัง แต่เนื่องจากตอนนั้นผมเครียดและตื่นเต้นมาก(แถมคนสัมภาษยังหน้าดุอีก) หลังจากที่ไปมาสามโรงเรียน ความหวังที่ผมจะเข้าเรียนโรงเรียนรัฐที่สิงคโปร์ก็หายวับไป และความเครียดและกังวลก็เข้ามาแทนที่ หลายคนถามว่าแล้วทำไมไม่เข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชนไปเลยละจะได้หมดเรื่อง อยากจะบอกว่าโรงเรียนเอกชนที่สิงคโปร์นั้นห่วยกว่าโรงเรียนรัฐมากๆแถมค่าเทอร์มยังแพงกว่าโรงเรียนรัฐหลายเท่าตัว สำหรับครอบครัวเกษตรกรอย่างผมคงต้องรับภาระหนนักขึ้นมาทีดียว เย็นวันนั้นเจ๊เก๋ ผมและพี่เชนเลยพากันไปกินข้าวนอกบ้านและเดินเล่นที่ Boat Quey(เป็นสถานที่ติดริมแม่น้ำ กลางคืนจะมีร้านอาหารและแสงไปสวยงาม) และสวรรค์คงเข้าข้างเลยทำให้พวกเราได้เจอกับกลุ่มเด็กไทยที่เรียนอยู่ในโรงเรียนรัฐพอดีและได้คุยกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจากกันมีเด็กคนหนึ่งให้เบอร์ของการ์เดียน(ผู้ปกครอง)ซึ่งเป็นคนสิงคโปร์ไว้ วันรุ่งขึ้นเจ๊เก๋ก็จัดการติดต่อการ์เดียนของเด็กคนนั้นทันที หลังจากเล่าปัญหาของเราให้เขาฟังเขาก็บอกว่าอีกสองเดือนจะมีโรงเรียนเปิดให้สอบตรงและเขาสามารถพาผมเข้าโรงเรียนนั้นได้ ได้ยิเช่นนั้นแล้วจะรออยู่ใย ผมและเจ๊เก๋ก็พากันไปดูบ้านของเขาทันทีเพื่อเตรียมตัวย้ายเข้า การ์เดียนคนนั้นชื่อวิลเลี่ยม(William)ซึ่งผมเรียกเขาว่าอังเคิล(uncle) บ้านของวิลเลี่ยมเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาดกลาง ดูสะอาดและเงียบสงบดี และบ้านหลังนี้แหละที่ผมอาศัยอยู่เป็นเวลาอีกสี่ปีที่เหลือที่สิงคโปร์ เจ๊เก๋และวิเลี่ยมก็หารือถึงขั้นตอนต่างๆที่จะพาผมเข้าโรงเรียน จำนวนเงินที่ต้องใช้ และรายระเอียดอื่นๆที่ผมจำไม่ค่อยได้แแล้ว หลังจากที่เซ็นสัญญาย้ายเข้าบ้านและวางเงินมัดจำแล้วผมก็ย้ายจากแอมเซ็นมาอยู่กับวิลเลี่ยมทันที วันรุ่งขึ้นผมก็จัดการขนของย้ายที่อยู่ และแล้วผมก็ย้ายจาก Newton ไปอยู่ที่ Yio Chu Kang(ไปส่งเจ๊เก๋ทีสนามบินตอนเย็น) สองเดือนต่อมาผมตั้งใจอ่านหนังสือสอบและทำโจทย์เต็มที่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะกลัวไม่ได้เข้าโรงเรียนหรือแค้นเจ้าของแอมเซ็น พอผมไปสอบตรงที่ Northbrooks Secondary School (สอบวิชชาคณิตย์และอังกฤษ)ปรากฏว่าคะแนนของผมผ่านแบบเฉียดฉิว เฮ่อ ติดซะทีเรา Free TextEditor ได้ส่งข้อความทางหลังไมค์ สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรียนต่อที่สิงคโปร์ให้ลูกชายค่ะ รบกวนตอบด้วยค่ะ
โดย: JJean Mum วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:0:01:09 น.
|
PS YerDua
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?] It's no use knowing a lot if you can't master what you know. มันแทบจะไม่มีประโยชน์เลยที่จะรู้สิ่งต่างๆมากมายถ้าสิ่งที่คุณรู้นั้นไม่ได้รู้ลึก หรือรู้จริง All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |